ตอนที่ 22 ทุกข์ยากก่อนลิ้มรสความสุข
ฉีเล่ยและเฉินอวี้หลัวใช้เวลาด้วยกันอย่างมีความสุข อยู่ในโรงแรมบนเกาะนิยามา ประเทศมัลดีฟ..
แต่จะว่าไป โรงแรมแห่งนี้ก็ไม่ดูเหมือนโรงแรมสักเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนบ้านพักตากอากาศส่วนตัวบนชายทะเลเสียมากกว่า บ้านหลังนี้สร้างอยู่บริเวณชายฝั่งทะเล ซึ่งมีการยกพื้นสูงเหนือจากน้ำ ด้านล่างตัวบ้านมีเสาสี่เสาฝังลึกลงไปใต้ผืนทราย
หากออกมานั่งพักผ่อนที่ระเบียงด้านนอก เมื่อเงยหน้าขึ้นก็จะเห็นท้องฟ้าสดใส และเมื่อก้มลงมองด้านล่าง ก็จะเห็นน้ำทะเลสีฟ้าคราม
ภายใต้ทัศนียภาพที่งดงามเช่นนี้ ทำให้ฉีเล่ยเพิ่งจะเข้าใจความหมายของคำพูดที่ว่า ‘หันหน้าหาทะเล มวลพฤกษาพลันบานสะพรั่ง’
ในระหว่างนั้น คู่ฮันนีมูนก็ได้ล่องเรือยอร์ชไปตามเกาะต่างๆ เพื่อตกปลา และดำน้ำดูมวลหมู่ปะการัง และฝูงปลาใต้ทะเลอีกด้วย ยามเย็นก็เดินเกี่ยวก้อยไปตามชายหาดอย่างมีความสุข และเมื่อตกดึก ก็ออกมานั่งริมชายหาดมองดูดวงดาวบนท้องฟ้ากันอย่างหวานชื่น..
ในระหว่างที่สามีภรรยากำลังจ้องมองดวงดาวบนท้องฟ้านั้น จู่ๆ เฉินอวี้หลัวก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า “ฉันเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง แต่ตอนนี้จำชื่อหนังสือเล่มนั้นไม่ได้แล้วล่ะ..”
“หนังสือเล่มนั้นบอกไว้ว่า สำหรับมนุษย์ที่ทำคุณงามความดีใหญ่หลวง เทพเจ้าเบื้องบนได้ประทานดินแดนบนสรวงสวรรค์ไว้ให้ และบันทึกคุณความดีของคนผู้นั้นด้วยดวงดาว..”
ฉีเล่ยฟังแล้วจึงได้ตอบหญิงสาวกลับไปทันที “แสงดาวแห่งมวลมนุษยชาติ!”
เฉินอวี้หลัวถึงกับร้องถามออกมาด้วยความประหลาดใจ “นี่นายเคยอ่านหนังสือเล่มนี้มาก่อนด้วยงั้นเหรอ?”
“อืมม..”
ฉีเล่ยฮึมฮัมพร้อมกับพยักหน้า ก่อนจะพูดต่อในทันที “ในช่วงเวลาที่เบื่อหน่ายและท้อแท้ หนังสือจะช่วยให้เราผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นไปได้..”
เมื่อได้ฟังคำพูดของฉีเล่ย ใบหน้าที่กำลังมีความสุขของเฉินอวี้หลัว พลันเปลี่ยนเป็นรู้สึกผิดขึ้นมาทันที หญิงสาวเอนศรีษะซบไหล่ชายหนุ่ม ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน
“ฉีเล่ย ฉันจะไม่ขอร้องให้นายยกโทษให้ฉันกับเรื่องที่ผ่านมา แต่ฉันอยากจะขอให้นายลืมความเจ็บปวดทั้งหมดในอดีตไปจะได้มั๊ย? ไม่อย่างนั้น นายก็จะไม่สามารถปลดปล่อยความโกรธ ความโศกเศร้า และความสิ้นหวังในใจไปได้..”
ฉีเล่ยถึงกับหัวเราะออกมา ก่อนจะกระเซ้าหญิงสาวกลับไปว่า “ฮ่าๆๆ นี่ผมคิดไม่ถึงจริงๆว่า คุณจะเป็นคนมีอารมณ์อ่อนไหวแบบนี้!”
หลังจากนั้น ฉีเล่ยก็หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อว่า “ใช่ว่าผมจะไม่ให้อภัยคุณ หรือไม่ต้องการก้าวข้ามความรู้สึกในอดีต แต่ผมกลับรู้สึกขอบคุณคุณมากกว่า คนเรานั้น หลังจากผ่านพ้นประสบการณ์ที่ทุกข์ยากในชีวิตไป ก็มักจะได้พบเจอกับความสุขตามมา..”
“การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้น ชีวิตจะมีความหมายก็ต่อเมื่อ ได้ผ่านการดิ้นรนต่อสู้กับความยากลำบากจนผ่านพ้นไปได้ ถึงจะได้ลิ้มรสความหวานชื่นของชีวิตยังไงล่ะ..”
เฉินอวี้หลัวประทับใจในคำพูดของฉีเล่ยอย่างมาก เธอเงยหน้าขึ้นจ้องมองใบหน้าของฉีเล่ย พร้อมกับพูดเย้ายวน
“ถ้าอย่างนั้น นายก็ลองชิมฉันดูหน่อยสิว่าฉันหวานมากมั๊ย?”
ฉีเล่ยเอื้อมมือไปจับไว้ที่ลำคอด้านหลังของหญิงสาว พร้อมตอบกลับไปทันที “ได้เลย.. แม่ปีศาจสาวแสนหวาน..”
จากนั้น เขาก็ได้ก้มลงลิ้มรสริมฝีปากที่หอมหวานนั้น..
การเดินทางมาพักผ่อนในครั้งนี้ นับว่าคุ้มค่ายิ่งนัก นอกจากชายหาดที่แสนงดงามแล้ว ยังมีนกนางนวล ท้องฟ้าสีคราม และต้นมะพร้าวเรียงราย ที่ทอดเงาอยู่แทบทุกหนทุกแห่ง ฉีเล่ยรู้สึกราวกับได้ปลดปล่อยพันธนาการของชีวิต และได้ทำตามความปรารถนาแรงกล้าที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกคน
ในเมื่อต่างฝ่ายต่างยินยอมพร้อมใจ ใครเล่าจะต้านทานความปรารถนาเหล่นี้ได้..
เฉินอวี้หลัวเองก็ดูเหมือนต้องการที่จะชดใช้ และตอบแทนในสิ่งที่ฉีเล่ยไม่เคยได้รับมาตลอดแปดปีให้กับเขา ด้วยเหตุนี้ ตลอดระยะเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง หญิงสาวมันก็จะคอยยั่วยวนชายหนุ่มอยู่เสมอ และสามารถจูบเขาได้เสมอเมื่อต้องการ
นับตั้งแต่เช้าจรดเย็น ทั้งคู่ก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังภายในบ้านพัก จนผ้าปูที่นอน และเก้าอี้โยกต่างก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อของคนทั้งคู่
เฉินอวี้หลัวจับมือฉีเล่ยไว้แน่น พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “จากนี้ไป ไม่ว่านายจะต้องพบเจอความทุกข์มากแค่ไหน ฉันจะเป็นความหวานให้กับนายเอง!”
“เชิญลิ้มลองรสหวานสิ..”
..….
การเดินทางไปฮันนีมูนของหนุ่มสาวทั้งสองได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และในที่สุดทั้งคู่ก็ต้องบินกลับเสียที
ทันทีที่เครื่องบินลงจอดที่ท่าอากาศยานหนานหยางเรียบร้อยแล้ว โทรศัพท์มือถือของฉีเล่ยก็ดังขึ้น..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน