ตอนที่225 ก็คุณไงล่ะ
แต่ฉีเล่ยนั้นแตกต่างกัน นี่เป็นผลงานโฆษณาชิ้นแรกของเขา และเขาก็นับเป็นมือใหม่ในอาชีพนี้อย่างมาก เมื่อถูกผู้กำกับร้องตะโกนกำชับเรื่องหนึ่ง เขาก็ลืมอีกสองสามเรื่องที่จะต้องทำ
มิหนำซ้ำรอบๆการถ่ายทำก็มีคนมามุงดูอยู่ตั้งมากมาย ทำให้เขาค่อนข้างเสียสมาธิได้ง่าย เมื่อมีคนข้างนอกพูดคุยอะไรกันอยู่นอกหน้าต่าง เขาก็จะหันไปมอง หรือถ้าได้ยินเสียงหลินชูวโม่หัวเราะ เขาก็จะรีบหันไปมองเพราะคิดว่าอีกฝ่ายหัวเราะเยาะตัวเอง…
และเพราะเหตุนี้เอง ทำให้ฉีเล่ยไม่สามารถแสดงบทบาทของชายหนุ่ม ที่กำลังวาดคิ้วให้กับภรรยาที่อยู่ในห้องด้วยความรักใคร่สุดซึ้งออกมาให้เป็นที่พอใจของจางเหวินไคได้ และนี่ถ้าเป็นนางแบบนายแบบคนอื่นแล้วล่ะก็ จางเหวินไคคงจะดุเสียงดังกว่านี้แน่
แต่เป็นเพราะเขารู้ถึงฐานะของฉีเล่ยดี นอกจากจะไม่กล้าดุด่าแล้ว เขายังต้องเดินย้ายก้นเข้าไปอธิบายให้ฉีเล่ยฟังด้วยความอดทน
“คุณฉีครับ เรามีเวลาจำกัดนะครับ ถ้าพระอาทิตย์ตกดิน พวกเราก็จะไม่สามารถ่ายทำต่อได้ เพราะถึงแม้จะใช้แสงไฟช่วย แต่ภาพที่ออกมาจะไม่สวยงามเท่ากับแสงธรรมชาตินะครับ!”
“ผมเข้าใจครับคุณฉีว่าคุณยังเป็นมือใหม่ คือ.. มือใหม่ทำได้แค่นี้ก็นับว่าโอเคอยู่นะครับ ส่วนใหญ่นักแสดงหน้าใหม่มักจะผิดพลาดเรื่องตำแหน่งจุดยืน เอาเป็นว่า ก่อนอื่นคุณจะต้องจำให้ได้ว่าตัวเองจะต้องไปยืนอยู่จุดไหนให้ได้ก่อน คุณจะไปยืนบังกระจกทองแดงนั่นไม่ได้ เพราะทางเราจะต้องซูมภาพนางเอกจากระจกนั่น เพราะตัวเอกของโฆษณาชิ้นนี้คือตัวนางเอก”
“อีกเรื่อง คุณต้องพยายามมีสมาธิอยู่กับการถ่ายทำ อย่าว่อกแว่กกับคนที่อยู่นอกฉาก คุณต้องมีสมาธิอยู่กับตัวละครที่เป็นให้ได้ บทบาทของคุณในตอนนี้ก็คือ คุณเป็นสามีของผู้หญิงคนหนึ่ง พอตื่นเช้ามาก็เห็นภรรยาสุดที่รักกำลังนั่งแต่งหน้าทำผมอยู่หน้ากระจก คุณก็เลยเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่อาบไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงค่อยๆดึงดินสอเขียนคิ้วออกมาจากมือของเธอ แล้วบรรจงวาดให้กับเธอด้วยความรักความเสน่หาดื่มด่ำ… คุณฉี คุณต้องพยายามจินตนาการให้ได้ว่า ภายในห้องนี้มีแค่คุณกับภรรยาสองคนเท่านั้น… อย่าให้สิ่งรอบตัวมีผลกระทบกับสมาธิของคุณได้ คุณต้องมองทุกคนเป็นเพียงแค่อากาศธาตุ เข้าใจไหมครับคุณฉี?”
ฉีเล่ยพยักหน้าและตอบกลับทันที “เข้าใจ!”
“ที่สำคัญ อย่าก้มหน้าก้มตา สายตาของคุณต้องจับจ้องอยู่ที่คิ้วของนางเอก เข้าใจไหมครับ?” จางเหวินไคย้ำให้ฉีเล่ยรู้อีกครั้ง
ฉีเล่ยแทบอยากจะใช้นิ้วมือทิ่มสกัดจุดผู้กำกับให้ตายๆไปซะ เขาเพียงแค่บังเอิญก้มต่ำอย่างไม่ตั้งใจเท่านั้น กลับพูดเหมือนกับว่าเขาเป็นพวกโรคจิตวิปริตอย่างนั้นล่ะ? มันไม่ใช่อย่างที่ผู้กำกับคิดซะหน่อย!
แต่ฉีเล่ยก็รู้ดีว่า จางเหวินไคต้องการให้การถ่ายทำเสร็จสิ้นเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาจึงคร้านที่จะโต้เถียงและตอบกลับไปเพียงแค่สั้นๆ
“ได้ครับ ผมจะระวังไม่ให้ก้มหน้าต่ำอีก!”
“ดีมาก! เอาล่ะ ผมจะให้เวลาคุณได้สงบสติอารมณ์แล้วก็ทำสมาธิห้านาที พยายามบิวท์อารมณ์ของตัวเองให้ได้ล่ะ แล้วค่อยถ่ายทำต่อ” จางเหวินไคร้องสั่งในฐานะผู้กำกับ
“ได้ครับ!” ฉีเล่ยพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยตอบ
“ฉันมีวิธีที่จะทำให้นายอินกับบทบาทได้เร็วขึ้น นายมีคนที่ตัวเองชอบไหมล่ะ?” ถงเซียวเซียวหันไปถามฉีเล่ยที่อยู่ใกล้ๆ
“เกี่ยวอะไรกันเหรอ?” ฉีเล่ยย้อนถามด้วยสีหน้างุนงง
“นายก็จินตนาการว่าฉันเป็นผู้หญิงที่นายชอบสิ คือฉัน.. ฉันหมายความว่า ถ้าฉันเป็นผู้หญิงที่นายชอบ นายก็จะสามารถแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาในระหว่างเขียนคิ้วให้กับฉันได้ยังไงล่ะ? คือนายต้องพยายามหาวิธีบิวท์อารมณ์ให้ได้” ถงเซียวเซียวแนะนำ
คนที่ชอบงั้นเหรอ?
ฉีเล่ยลองใคร่ครวญดู และคิดว่าผู้หญิงที่เขาชอบน่าจะต้องเป็นเฉินอวี้หลัวคนเดียวสินะ?
“นายนึกออกรึยัง?” ถงเซียวเซียวร้องถาม
“นึกออกแล้ว”
“…”
ถงเซียวเซียวได้แต่ทำสีหน้างุนงง เพราะไม่คิดว่าฉีเล่ยจะสามารถนึกออกได้เร็วขนาดนี้ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเศร้าใจไปด้วย เมื่อคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะต้องเป็นคนที่ฉีเล่ยชอบ และห่วงใยมากแค่ไหน
จางเหวินไคยกนาฬิกาในมือขึ้นดูพร้อมกับร้องตะโกนถามว่า “เอาล่ะ ได้เวลาเริ่มถ่ายทำใหม่แล้ว คุณคงจะบิวท์อารมณ์ได้แล้วสินะ?”
ถงเซียวเซียวหันมองไปทางฉีเล่ยพร้อมกับสูดลมหายใจลึก และร้องบอกไปว่า “ได้เวลาเริ่มถ่ายทำใหม่แล้วล่ะ!”
แสงอาทิตย์ยามบ่ายสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง กระทบเข้ากับใบหน้างดงามไร้ริ้วรอยของถงเซียวเซียว ฉีเล่ยยืนแนบชิดกับเรือนร่างในชุดผ้าแพรบางเบา ใบหน้าเปื้อนยิ้มพร้อมกับถือแท่งถ่านไว้ด้วยสีหน้าแววตาที่เปี่ยมไปด้วยเสน่หา
ในดวงตาของผมมีเพียงเงาของคุณ สายตาของผมมีไว้จ้องมองคุณเพียงผู้เดียว เขาสบสายตาหญิงสาวแน่นิ่งดื่มด่ำ ราวกับจะให้คำมั่นสัญญาว่า ‘จะจับมือกันไว้และอยู่ด้วยกันจนนาทีสุดท้าย’
“สวยจังเลย! เป็นภาพที่น่าประทับใจมากจริงๆ!”
เด็กสาวที่ยืนอยู่ด้านนอกหน้าต่างพึมพำออกมาด้วยสีหน้าแววตาซาบซึ้งใจ
“นี่.. ต่อไปนายต้องตื่นมาเขียนคิ้วให้ฉันทุกเช้าแบบนี้นะรู้ไหม?” ใบหน้ากลมดิ๊กของเด็กสาวหันมาบอกกับแฟนหนุ่ม
“ได้สิ!”
เด็กหนุ่มพยักหน้าพร้อมรับปากหนักแน่น แต่ก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจนัก “แต่ผมเขียนคิ้วไม่เป็นนะบอกไว้ก่อน”
“จะไปยากอะไรล่ะ นายก็หัดเขียนสิ” เด็กสาวหันมาบอกพร้อมกับยิ้มหวานให้
ใครจะไปสนใจว่าอีกฝ่ายจะวาดคิ้วให้กับตัวเองได้จริงหรือเปล่า? สิ่งที่ผู้หญิงสนใจคือ ความคิดที่ชายคนรักที่อยากจะอยู่เคียงข้างเธอเพื่อเขียนคิ้วให้ไปตลอดชีวิตต่างหากล่ะ
คำขอเพียงเล็กๆน้อยๆนี้ อีกฝ่ายจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไรกันล่ะ?
แม้กระทั่งหลินชูวโม่ที่ยืนมองภาพตรงหน้านิ่งเงียบอยู่นั้น แววตาของเธอกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
ส่วนจางเหวินไคนั้นยังคงกดชัตเตอร์รัวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
แชะ..
แชะๆๆ เสียงชัตเตอร์รัวอยู่เป็นเวลานาน จนในที่สุดเสียงร้องชื่นชมของจางเหวินไคก็ดังขึ้น
“เยี่ยม!”
เสียงร้องตะโกนของเขาดังขึ้นทำลายบรรยากาศที่สวยงามน่าประทับใจ ซึ่งทั้งฉีเล่ยและถงเซียวเซียวกำลังดื่มด่ำอยู่ และบรรดาผู้ที่ยืมชมก็กำลังซาบซึ้งไปกับภาพตรงหน้า
จางเหวินไคเดินหัวเราะร่วนตรงเข้าไปหานักแสดงทั้งสองคน เขาตรงเข้ากอดฉีเล่ยและถงเซียวเซียว ปากก็ร้องชื่นชมไม่หยุด
“พวกคุณสองคนทำได้ดีมาก ยอดเยี่ยมมากจริงๆ รู้ไหมว่าผมอินไปกับพวกคุณสองคนด้วยจนเกือบจะลืมกดชัตเตอร์เลยล่ะ”
“เป็นยังไงบ้าง? ผมทำได้ดีไหม?” ฉีเล่ยจ้องมองหลินชูวโม่ที่กำลังเดินตรงเข้ามาหา พร้อมกับเอ่ยถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน