ยอดคุณหมอสกุลเฉิน นิยาย บท 251

ตอนที่251 อานุภาพของประคำโลหิตม่วง

ฉีเล่ยสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติภายในร่างกายได้อย่างชัดเจน!

ในระหว่างทางที่กลับโรงแรมนั้นเขาไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่หลังจากที่เขากลับมาถึงโรงแรมได้สักพัก ร่างกายของเขาก็เริ่มส่งสัญญาณผิดปกติออกมาให้เห็น

ถงเซียวเซียวเห็นใบหน้าของฉีเล่ยที่มีสีเลือดเป็นปกติก่อนหน้านี้ ได้เปลี่ยนเป็นซีดขาวราวกับกระดาษ ก่อนจะเปลี่ยนกลับมาเป็นแดงก่ำอีกครั้ง

ส่วนที่ไหล่ของขวาของเขานั้นก็คล้ายมีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติเช่นกัน เพราะมันเริ่มมีลักษณะปูดโปนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และมีเส้นสีดำหนาปกคลุมอยู่ที่หัวไล่

“นี่.. นี่มันอะไร?! เกิดอะไรขึ้นกับนายวันนี้เหรอ?”

ถงเซียวเซียวร้องถามออกมาด้วยความตกอกตกใจ

ฉีเล่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และได้บอกถงเซียวเซียวไปว่า ตนเองถูกสองสามีภรรยาเผ่าเหมี่ยวใช้วิชากู่ เอาหนอนกู่เข้าร่างตั้งแต่ตอนที่พูดคุยกันอยู่ที่ซิงหัวพลาซ่า

แต่ก่อนหน้านี้ อี้ชาได้จัดการเอาหนอนกู่ออกจากร่างของเขาแล้ว และด้วยเหตุด้วยผล เหตุการณ์ลักษณะนี้จึงไม่ควรที่จะเกิดขึ้น แต่ว่าตอนนี้…

หรือว่าง.. สองสามีภรรยาชาวเหมี่ยวจะหลอกเขา?

ฉีเล่ยถึงกับหวาดกลัวจนเหงื่อเย็นไหลท่วมกาย ฉีเล่ยพยายามที่จะคิดหาเหตุผลและจุดประสงค์ของสองสามีภรรยาชาวเหมี่ยว แต่แล้วก็เป็นลมหมดสติไปเสียก่อน

ภายในบ้านของซือไถที่อยู่ห่างไกลออกไปนั้น ดูเหมือนอี้ชาเองก็จะสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นกับฉีเล่ยเช่นกัน เขาหันไปมองซิ่วเอ๋อพร้อมกับพยักหน้ายิ้มๆ

“เริ่มทำงานแล้ว”

ความจริงแล้ว คำพูดของซิ่วเอ๋อที่บอกกับฉีเล่ยว่า หนอนกู่ในร่างของเขาจะสลายไปภายในวัน นับตั้งแต่วันที่ทั้งคู่พบกันที่ซิงหัวพลาซ่านั้นล้วนเป็นความจริง และเป็นความตั้งใจของเธอตั้งแต่แรก

แต่คำพูดของเธอหลังจากนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นคำลวงทั้งสิ้น และเพื่อที่จะกำจัดฉีเล่ยให้ได้โดยเร็วที่สุด อี้ชาไม่เพียงไม่ถอนหนอนกู่ออกจากร่างของเขา แต่ยังฝังหนอนกู่ที่แข็งแกร่งลงไปในร่างของฉีเล่ยเพิ่มขึ้นไปอีก

“ฉันอยากจะรู้นักว่า คราวนี้แกจะเอาชีวิตรอดได้ยังไง?”

แม้ว่าตอนนี้ฉีเล่ยจะเป็นเพียงแค่อาจารย์ในมหาวิทยาลัย และเป็นประธานสภาแพทย์ แต่ซิ่วเอ๋อและคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเขาในวันข้างหน้าที่จะสามารถก้าวหน้าได้มากกว่านี้

และสำหรับพวกเขาแล้ว การเดินทางมาเจียงหลิงของฉีเล่ยในครั้งนี้ จุดประสงค์ก็คือการกำจัดเขาทิ้งนั่นเอง!

และเวลานี้ ดูเหมือนฉีเล่ยจะก้าวข้ามประตูแห่งความตายไปแล้ว

หลังจากที่ฉีเล่ยหมดสติไปแล้ว ถงเซียวเซียวจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และกดโทรไปที่โรงพยาบาลในทันที

และเมื่อทางโรงพยาบาลรู้ว่า ผู้ป่วยที่กำลังหมดสติ และกำลังอยู่ในระหว่างเป็นตายนั้นคือฉีเล่ย ประธานสภาแพทย์แผนจีนผู้กำลังโด่งดังอย่างมากอยู่ในโลกออนไลน์ ผู้อำนวยการของโรงพยาบาลก็ไม่กล้าที่จะเพิกเฉย

ทางโรงพยาบาลรีบจัดส่งรถฉุกเฉินไปรับฉีเล่ยที่โรงแรมในทันที แต่เมื่อร่างของหมอหนุ่มถูกหามเข้ามาในรถ บุคลากรทางการแพทย์ที่ได้พบเห็นสภาพของเขาในตอนนี้ ต่างก็แทบจะอาเจียนออกมา

นั่นเพราะสภาพของฉีเล่ยในช่วงระยะเวลาที่หมดสติไปนั้น ได้เปลี่ยนเป็นน่าสยดสยองอย่างมาก ใบหน้าของเขาไม่เพียงดูน่าสะพรึงกลัว แต่เนื้อบริเวณหัวไหล่กลับเริ่มเน่าเปื่อย และส่งกลิ่นเหม็นประหลาด จนผู้คนที่พบเห็นต่างก็แทบอาเจียนออกมา

“เกิดอะไรขึ้นกับคุณฉีเข้าเหรอครับ? นี่เขาไปกินอะไรมาก่อนหน้านี้?”

“ไม่น่านะคะ ไม่น่าจะเป็นเพราะเรื่องอาหาร! แต่ฉันเองก็ไม่รู้จริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาออกไปทำธุระข้างนอก แล้วพอกลับมาถึงที่โรงแรม จู่ๆเขาก็เป็นลมหมดสติไป แล้วก็กลายเป็นแบบนี้นี่ล่ะค่ะ เป็นไปได้ไหมคะว่าเขาจะถูกคนวางยา?”

ความจริงแล้วในฐานะนางแบบที่พบเจอแต่ของสวยๆงามๆอย่างถงเซียวเซียว หญิงสาวน่าจะรู้สึกรังเกียจกลิ่นเหม็นที่น่าขยะแขยงนี้ แต่เธอกลับไม่ใส่ใจมันเลยแม้แต่น้อย กระทั่งน้ำเหลืองเน่าเยิ้มจากไหล่ของฉีเล่ยไหลมาติดเสื้อผ้าของเธอ เธอก็ไม่แสดงท่าทีรังเกียจออกมาให้เห็นเลยสักนิด

“คุณถงอย่าเพิ่งกังวลใจไปเลยครับ สงบสติอารมณ์ก่อน ตอนนี้พวกเราคงจะยังให้คำตอบอะไรคุณไม่ได้ ต้องรอส่งตัวผู้ป่วยเข้าห้องฉุกเฉิน และทำการตรวจอย่างละเอียดซะก่อน”

ในระหว่างที่รอให้รถฉุกเฉินของทางโรงพยาบาลมารับนั้น ถงเซียวเซียวเองก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เธอจึงได้โทรไปเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้หลินชูวโม่ฟัง

ด้านหนึ่ง หลินชูวโม่ก็ต้องรีบรุดเดินทางมาที่เจียงหลิงโดยเร็วที่สุด ส่วนอีกด้านหนึ่ง เธอก็ต้องกำชับทางโรงพยาบาลว่า ขอให้ช่วยปกปิดเรื่องอาการป่วยของฉีเล่ยในเวลานี้ไว้ก่อน อย่าเพิ่งให้คนภายนอกล่วงรู้อย่างเด็ดขาด

นั่นเพราะจากรายการถ่ายทอดสดสัมภาษณ์เขาก่อนหน้านี้ ได้ทำให้ฉีเล่ยในฐานะประธานสภาแพทย์แผนจีนกลายเป็นที่รู้จักของผู้คนอย่างมากมายภายในเวลาเพียงแค่ชั่วข้ามคืน แต่หากเรื่องที่เขาป่วยสาหัสในครั้งนี้ถูกแพร่งพรายออกไป แน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของฉีเล่ยอย่างมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาเองก็คงจะไม่อยากให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

เมื่อรถฉุกเฉินไปถึงโรงพยาบาล ก็ได้มีทีมแพทย์ยืนรออยู่ที่หน้าประตูห้องฉุกเฉินอย่างพร้อมเพรียงแล้ว และทันทีที่รถฉุกเฉินแล่นมาจอดที่หน้าประตู เจ้าหน้าที่ก็รีบช่วยกันเคลื่อนย้ายร่างของฉีเล่ยลงจากรถ และเข็นเข้าห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างก็พยายามช่วยกันอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายมากไปกว่านี้

ถงเซียวเซียวอยากจะตามเข้าไปดูในห้องฉุกเฉินด้วย แต่ทีมแพทย์ปฏิเสธไม่ยอมให้เธอเข้าไปด้านใน และขอให้เธอรออยู่ด้านนอกแทน

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป…

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน