ตอนที่282 วิธีพิเศษ
การโดนพูดจาดูถูกถากถางซึ่งหน้าแบบนี้ เป็นใครก็คงต้องโกรธ และอาจจะระเบิดความโมโหออกมาตั้งนานแล้วก็ได้
แต่ฉีเล่ยตระหนักดีว่า ในเวลานี้เขาเป็นใคร และอีกฝ่ายเป็นใคร เขาจึงไม่ได้ตอบโต้กลับไปแต่อย่างใด และการทะเลาะวิวาทกันก็ไม่ได้ช่วยให้เกิดประโยชน์อะไรเลย
และสิ่งเดียวที่ฉีเล่ยต้องการทำมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ หาวิธีรักษาอาการป่วยของผู้ฒ่าจินให้จงได้ และแค่นี้ก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว เพราะสิ่งเดียวที่จะสามารถทำให้หมอจีนที่แก่แต่อายุพวกนั้นหุบปากลงได้ ก็คงจะมีเพียงแค่ผลงานเท่านั้น
จูกวงหลงเองก็ยื่นมือออกมาตบไหล่ฉีเล่ยเบาๆ เพื่อบอกเป็นนัยๆว่า ขอให้เขาสงบสติอารมณ์ และอย่าได้ไปสนใจกับเสียงนกเสียงกาเหล่านั้น
ฉีเล่ยหันไปยิ้มให้กับจู่กวงหลง พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ขอบคุณครับ ไม่ต้องห่วง!”
หลังจากลงไปถึงชั้นสองแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกลับเข้าห้องพักของตนเอง ฉีเล่ยเองก็เช่นกัน แต่ในขณะที่เขากำลังจะดันประตูห้องปิดนั้น จูหลงกวงที่เดินตามมาด้วยก็รีบเอื้อมมือออกไปขวางไว้ พร้อมกับกระซิบถามเบาๆว่า
“ตอนนี้สะดวกที่จะพูดรึยังล่ะเสี่ยวเล่ย?”
“เอ่อ.. เชิญข้างในดีกว่าครับผู้อำนวยการจู” ฉีเล่ยกระซิบบอก
“เธอพบบางสิ่งบางอย่างเข้าแล้วใช่ไหม?”
จูกวงหลงไม่ปฏิเสธคำเชิญ และรีบเดินตรงเข้าไปนั่งที่โซฟาภายในห้องของฉีเล่ยทันที หลังจากนั้นจึงหันไปจ้องหน้าเขาแน่นิ่งพร้อมกับถามต่อว่า
“รู้ไหมว่าสีหน้าของเธอมันหักหลังเธอแล้ว? นี่เธอคิดว่าคนอย่างฉันจะดูไม่ออกงั้นเหรอ?”
“ผมสัมผัสได้ถึงพลังลึกลับบางอย่างที่อยู่ในร่างของผู้เฒ่าจินครับ หลังจากที่ผมได้ลองเปลี่ยนวิธีการตรวจลมปราณภายในร่างของคนไข้ใหม่ ปรากฏว่า ผมสามารถสัมผัสได้ถึงพลังลึกลับบางอย่าง ที่กำลังหมุนเวียนอยู่ภายในร่างของเขา แต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะรักษามันด้วยวิธีไหน ถึงต้องขอกลับมาศึกษาเพิ่มเติมก่อนนี่ล่ะครับ”
อาจเป็นเพราะอุปนิสัยที่เป็นมิตรของจูกวงหลงก็เป็นได้ ทำให้ฉีเล่ยไม่รู้สึกต่อต้านอะไร และยอมที่จะเปิดปากบอกในสิ่งที่เขาพบเจอให้อีกฝ่ายรู้อย่างไม่ปิดบัง
“แล้วนี่เธอคิดที่จะยังไงต่อไปล่ะ?”
ฉีเล่ยจึงได้ตอบกลับไปว่า “ผู้อำนวยการจูครับ กรุณาอย่าบอกเรื่องนี้ให้คนอื่นๆรู้นะครับ ผมจะพยายามคิดหาวิธีการรักษาด้วยตัวผมเอง แล้วเมื่อไหร่ที่ผมคิดหาวิธีได้ และมั่นใจว่าต้องสำเร็จแน่ ผมจะรีบบอกให้อาวุโสรู้ทันที!”
“เอ่อ.. แล้วผมก็ขออนุญาตไม่เข้าร่วมประชุมในบ่ายนี้ด้วยนะครับ หวังว่าอาวุโสคงจะเข้าใจเหตุผลของผม”
ฉีเล่ยได้คิดใคร่ครวญอยู่ภายในใจไว้แล้วว่า ขืนเขาเข้าร่วมประชุมในบ่ายนี้ โดยที่ยังหาวิธีการรักษาผู้ป่วยไม่ได้แล้วล่ะก็ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเช้า เห็นได้ชัดว่าเขาคงจะต้องตกเป็นเป้าหมายโจมตีของหมอแก่ๆพวกนั้นแน่ และหากโดนดูถูกเหยียดหยามมากไปกว่านี้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ และอาจจะระเบิดความโกรธออกมากลางที่ประชุมก็เป็นได้
แต่การที่เขาอยู่ในห้องของตัวเองแบบนี้ ไม่เพียงจะได้พักผ่อน แต่ยังไม่ต้องออกไปรับรู้รับฟังคำพูดไม่ดี คนพวกนั้นอยากจะพูดอะไรก็เชิญ และหากเขาไม่รู้ไม่เห็น เขาเองก็จะได้ไม่ต้องอารมณ์เสียไปด้วย
จูกวงหลงเองก็ดูเหมือนจะเข้าใจความคิดของฉีเล่ยดี เขาจึงเพียงแค่พยักหน้าเห็นด้วย แต่ไม่พูดอะไรออกมา
…….
การประชุมของทีมแพทย์แผนจีนยังคงดำเนินต่อไปตามแผนเดิม แม้ว่าจะไม่มีอะไรคืบหน้ามากนักก็ตาม แต่ถึงอย่างไร พวกเขาก็ต้องมานั่งปรึกษาหารือ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอยู่ดี
“แล้วนี่หายไปไหนคนหนึ่งล่ะ?”
คนที่เอ่ยปากถามขึ้นนั้น ดูเหมือนจะเป็นหมอที่ไม่ชอบขี้หน้าฉีเล่ยมากที่สุดในเวลานี้
ตอนนี้ ผู้ร่วมประชุมหายไปหนึ่งคนจึงเหลือองค์ประชุมเพียงแค่สิบสองคนเท่านั้น และเพียงแค่กวาดตามองก็รู้แล้วว่า คนที่หายไปนั้นเป็นใคร?
“ผู้อำนวยการจู อย่าหาว่าผมจงใจตำหนิคุณเลยนะครับ? แต่สิ่งที่คุณทำอยู่ในตอนนี้ ไม่รู้ว่ามันออกจะเป็นการลำเอียงไปหน่อยเหรอ? ดูเหมือนคุณจะเข้าข้างฉีเล่ยอย่างออกหน้าออกตาไปซะหน่อยนะ!”
ฉู่อวิ๋นเจี๋ยยังคงพูดต่อด้วยความโมโหอย่างมาก
“หมอเทวดาบ้าบออะไรกัน?! ก็แค่หมอใหม่ที่ยังไม่เข้าใจแม้กระทั่งพื้นฐานแพทย์แผนจีน ผมเองเคยได้แต่ยินแต่ชื่อของเขา ไม่เคยได้มีโอกาสพบเจอกันมาก่อน แต่ได้มาเห็นทักษะทางการแพทย์ของเขาด้วยตาตัวเองในวันนี้ ขอบอกเลยว่าฉายาหมอเทวดาอะไรนั่นก็แค่คำเท็จ!”
แต่จูกวงหลงกลับนิ่งเงียบไม่ตอบโต้ และเมื่อเห็นจูกวงหลงยังคงนิ่งเฉย ฉูู่อวิ๋นเจี๋ยก็ยิ่งได้ใจ และพูดดูถูกดูแคลนฉีเล่ยต่อไม่หยุด
“คนแบบนี้น่ะเหรอสมควรที่จะได้ฉายาหมอเทวดา แล้วคนแบบนี้น่ะเหรอที่สมควรจะได้มาทำงานร่วมกับทีมกับพวกเรา พวกเราแต่ละคนล้วนในที่นี้ ก็แล้วแต่มีตำแหน่งหน้าที่การงานสูงส่ง พวกคุณคิดเห็นกับเรื่องนี้ยังไงกันบ้าง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน