ตอนที่307 ความลับของเขาจิ่วเหลียน
หลังจากขับรถไปได้เกือบสองชั่วโมง ในที่สุดทั้งคู่ก็เข้าใกล้เขตเมืองเข้าไปทุกที
ฉีเล่ยกับฮวาโหล่วเข้าไปอยู่ในเขารวมแล้วเกือบหนึ่งสัปดาห์ ข้าวของอาหารแห้งที่นำติดตัวไป ก็กินไปจนหมดไม่มีเหลือแล้ว ตอนนี้ท้องของทั้งคู่จึงร้องด้วยความหิว
สิ่งที่ทั้งคู่อยากทำก่อนเรื่องอื่นทันทีที่เข้าไปในเมืองก็คือ พวกเขาต้องการอาหารดีๆ จากนั้นก็ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนที่แสนนุ่มสบายของโรงแรม
แต่เนื่องจากเมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ อีกทั้งสองคนยังกลับมาถึงในเวลาสี่ทุ่มกว่าซึ่งนับว่าดึกมากแล้ว จึงเหลือเพียงแค่ร้านขายเนื้อย่างเปิดอยู่แค่สองสามร้านเท่านั้น
ฉีเล่ยเองก็เหนื่อยจนคร้านที่จะตระเวนหาร้านอาหารหรูๆ ในเวลาที่หิวโหยเช่นนี้ อะไรก็ได้ที่สามารถกินแล้วอิ่มท้อง ก็นับว่าดีที่สุดแล้ว
“นี่ฉีเล่ย เรากลับไปโรงแรมคราวนี้คิดว่าจะเจอกับอะไรบ้างไหม?”
หลังจากนั่งกินอาหารไปได้ครู่หนึ่ง จู่ๆ ฮวาโหล่วก็ได้เอ่ยถามฉีเล่ยออกมาตรงๆ ตอนนี้เธอยังสวมเสื้อแจ็คเก็ตของเขาคลุมไว้ และสภาพร่ากายก็ดูทรุดโทรมแล้วก็เหนื่อยล้าอย่างมาก
“ก็มีความเป็นไปได้สองทาง ถ้าไม่มีคนมาคอยดักรอชิงคัมภีร์อยู่หน้าห้อง ก็…”
ฉีเล่ยพูดค้างไว้แค่นั้น แล้วจึงค่อยโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูฮวาโหล่วเสียงเบา “มีคนกำลังจ้องเอาชีวิตของพวกเราสองคนอยู่”
หลังจากได้ฟังคำพูดที่น่ากลัวของฉีเล่ย ฮวาโหล่วก็ถึงกับขนลุกขนชันไปทั่วทั้งร่าง เธอสะบัดหน้าไปมาเพื่อเรียกสติ ไม่ให้ตัวเองต้องคิดไปไกลกว่านี้
แม้ว่าเจ้าลิงน้อยที่นำลงมาจากเขาจิ่วเหลียนด้วยนั้นจะยังเป็นเพียงแค่ลูกลิง แต่ในเรื่องการกินนั้น มันสามารถกินไม่ได้แพ้ผู้ใหญ่เลย กว่าฉีเล่ยจะรู้ว่ามันกินจุขนาดนี้ เนื้อย่างที่เขาสั่งมาสำหรับผู้ใหญ่สองคนกินได้อิ่มนั้น กลับไม่พอให้เจ้าลิงน้อยตัวเดียวกิน
“ดูแกสิเจ้าลิงน้อย! นี่แกเป็นตือโป๊ยก่ายกลับชาติมาเกิดหรือยังไงห๊ะ?”
ฉีเล่ยอดที่จะร้องถามออกมาด้วยความประหลาดใจไม่ได้ แม้จะเป็นการหยอกเย้าเล่น แต่เจ้าลิงน้อยกลับยกมือขึ้นทำท่าจะตี พร้อมกับแยกเขี้ยวใส่เขาด้วยความโกรธ
“น้องชาย ลิงของน้องชายรู้ภาษามากจริงๆเลยนะ!”
“นานมาแล้วนะที่ฉันไม่ได้เห็นลิงในเมืองนี้ ครั้งสุดท้ายที่มีคนเห็นลิง ดูเหมือนจะเป็น…”
หลังจากพูดจบแล้ว เถ้าแก่ร้านก็ถึงกับแอบถอนหายใจออกมา และด้วยสัมผัสที่เฉียบคมของฉีเล่ย เขาสามารถคาดเดาออกมาได้ในทันที
“คงจะเป็นที่เทือกเขาจิ่วเหลียนหลายปีมาแล้วสินะครับ?”
“ใช่ๆ”
เถ้าแก่ร้านเอ่ยตอบพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปทางเทือกเขาจิ่วเหลียน
“นี่น้องชาย ไม่รู้ว่าเธอเคยได้ยินเรื่องเล่าเมื่อหลายสิบปีก่อนรึเปล่า? เห็นคนร่ำลือกันว่าบนเขาจิ่วเหลียนมีสุสานโบราณอยู่มากมาย แล้วทีมนักโบราณคดีชุดใหญ่ที่เข้าไปสำรวจ อ่อ.. แล้วก็ยังมีพวกโจรขุดสุสานที่ตามเข้าไปด้วยนะ แต่เชื่อไหมว่า แทบไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาได้เลย ในตอนนั้น ดูเหมือนจะมีคนเห็นลิงจำนวนมากวิ่งลงมาจากเขาจิ่วเหลียนด้วย พวกมันกรีดร้องคล้ายกับว่าพบเห็นอะไรบางสิ่งบางอย่าง..”
เถ้าแก่ร้านเล่าให้ฉีเล่ยฟังโดยแทบไม่ต้องคิด แต่เรื่องนี้เขาได้ฟังมาก่อนแล้วจึงไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร แต่สิ่งที่เขาแปลกใจและสงสัยก็คือว่า
ถ้าภายในถ้ำที่เชิงเขามีก๊าซพิษจริงๆ จะไม่มีนักโบราณคดีสักคนสามารถหนีเอาชีวิตรอดลงมาได้เลยเหรอ?
หรือว่า.. บางทีสถานที่ที่เขาเข้าไปในครั้งนี้ จะเป็นคนละที่กับทีมนักโบราณคดีเข้าไปในครั้งนั้น
หลังจากใคร่ครวญอยู่นาน ในที่สุด ฉีเล่ยก็แทบไม่กล้าที่จะจินตนาการต่อ มันมีความเป็นไปได้สูงที่ภายในเทือกเขาจิ่วเหลียน จะยังมีสถานที่ลี้ลับซ่อนอยู่อีกมากกว่าหนึ่งแห่ง
“เอาล่ะเถ้าแก่ ช่วยคิดเงินค่าอาหารเลยครับ”
หลังจากนั่งกินกันไปราวยี่สิบนาทีได้ ฉีเล่ยก็รู้สึกอิ่มกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว เขาจึงตัดสินใจที่จะกลับไปพักผ่อนที่โรงแรมต่อ
“ทั้งหมด 498 หยวนครับ”
หลังจากได้ยินราคาค่าอาหาร ฉีเล่ยจึงได้หันไปพูดกับเจ้าลิงน้อยที่กำลังเอามือลูบท้องตัวเอง คล้ายจะบอกว่ามันอิ่มแปล้เลยทีเดียว
“หวังว่าแกคงจะอิ่มแล้วนะเจ้าลิงน้อย ไม่งั้นฉันคงต้องหมดตัวแน่!”
เจ้าลิงน้อยยิ้มออกมาพร้อมกับกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของฉีเล่ย พร้อมกับยกมือสกปรกทั้งสองข้างของมันกอดคอเขาไว้ และเอนศรีษะลงซบอย่างน่าเอ็นดู จนฉีเล่ยถึงกับดุมันไม่ลง
“เจ้าลิงน้อยตัวนี้น่ารักแล้วก็แสนรู้จริงๆ!”
เถ้าแก่ร้านเอ่ยชมอีกครั้ง ก่อนจะถามต่อว่า “น้องชาย ไปได้เจ้าลิงน้อยนี่มาจากที่ไหนกัน? มันดูฉลาดมากเลย”
“เป็นเรื่องบังเอิญล่ะครับเถ้าแก่ ผมได้มันมาจากเขาจิ่วเหลียน น่ารักใช่ไหมล่ะครับ?”
ฉีเล่ยตอบกลับไปตามตรงโดยไม่ทันได้คิดอะไร แต่ทันทีที่ได้ยินว่า ฉีเล่ยนำลิงน้อยมาจากเขาจิ่วเหลียน เขาก็รีบยื่นเงินจำนวนห้าร้อยหยวนคืนฉีเล่ยไป พร้อมกับร้องไล่ด้วยสีหน้าตื่นตระหนกว่า
“เอาเงินค่าอาหารคืนไปเถอะน้องชาย วันนี้ถือว่าฉันเลี้ยงก็แล้วกันนะ เอาล่ะ รีบๆออกไปจากร้านของฉันได้แล้ว!”
สีหน้าท่าทางของเถ้าแก่ร้านในตอนนี้ ทำให้ฉีเล่ยรู้สึกประหลาด และตกตะลึงอย่างมาก เขาคิดไม่ถึงว่า จู่ๆเหตุการณ์จะกลับตาลปัตรมาเป็นแบบนี้ได้ จึงเอ่ยถามออกไปด้วยความแปลกใจ
“ทำไมเหรอครับเถ้าแก่? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ฉันขอร้องล่ะน้องชาย รีบๆนำสิ่งอัปมงคลนี้ออกไปจากร้านของฉันเดี๋ยวนี้เลย แล้ววันหลังก็อย่าพามันเข้ามาอีก ร้านของฉันไม่ต้อนรับ!”
เถ้าแก่ร้านมองฉีเล่ยพร้อมกับพูดต่อว่า “น้องชาย ฉันจำเป็นจริงๆ ถ้าวันหลังเธออยากจะมากินอาหารที่ร้านของฉัน ก็อย่าเอาสิ่งอัปมงคลนี้มาด้วยก็พอ”
หลังจากที่ได้สัมผัสถึงความเกลียดชังที่เถ้าแก่ร้านมีต่อตัวเอง เจ้าลิงน้อยที่มีใบหน้าเบิกบานเมื่อครู่ พลันเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยขึ้นในทันที
“เถ้าแก่ ช่วยเล่าให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน