ตอนที่325 จางจงจิง
แม้ว่าข้อความที่อยู่ด้านในจะเขียนขึ้นด้วยอักษรโบราณ แต่ฉีเล่ยกลับสามารถเข้าใจได้ดี
‘การที่เจ้าสามารถขึ้นมาถึงหุบเขาศิลาเหลืองพบคฤหาสน์แห่งนี้ได้นั้น ย่อมหมายความว่าเราสองคนมีชะตาต้องกัน หากท่านมีวาสนา ก็จะอาจได้ร่ำเรียนวิชาจากข้า’
ฉีเล่ยหลงดีใจคิดว่าภายในจดหมายจะบอกที่อยู่ของดอกอวิ๋นชู แต่หลังจากอ่านข้อความที่อยู่ด้านใน เขากลับรู้สึกว่า จดหมายฉบับนี้เขียนขึ้นเพื่อทำให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัว
ร่ำเรียนวิชาอะไรกัน? แล้วใครเป็นเจ้าของจดหมายฉบับนี้?
เวลานี้ นอกจากหน้าผาสูงชันที่ไร้วี่แววของดอกอวิ๋นชูนั้น ทำให้ฉีเล่ยอดคิดไม่ได้ว่า คงต้อนย้อนกลับไปสำรวจดูถนนเส้นซ้ายมือบ้าง คิดได้แบบนั้นฉีเล่ยก็ได้แต่ยิ้มขื่น เขาเสียเวลาสำรวจที่นี่อยู่นานกว่าสี่ชั่วโมงโดยไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
…….
ณ วังมังกรเวลานี้ บรรยากาศกลับไม่ได้อบอวลไปด้วยความรักใคร่สามัคคีอย่างที่ฉีเล่ยคิด
หนึ่งในแพทย์แผนจีนที่ยังหนุ่มแน่นคนหนึ่ง ได้คว้าคอเสื้อของแพทย์อาวุโสที่แนะนำให้ใช้ดอกอวิ๋นชูแก้พิษไว้ ปากก็ร้องตะโกนใส่หน้าน้ำเสียงดุดัน
“ตาแก่! นี่แกจงใจหาทางให้ฉีเล่ยออกไปจากที่นี่ แล้วทิ้งพวกเราทั้งหมดให้ตายที่นี่ใช่ไหม?”
แพทย์อาวุโสท่านนั้นจ้องมองแพทย์หนุ่มด้วยแววตาใสซื่อ พร้อมตอบกลับไปว่า “เชื่อฉันเถอะ! ดอกอวิ๋นชูสามารถขจัดพิษในร่างของพวกเราได้จริงๆ”
“ใครจะไปรู้ได้ว่า ที่แกพูดเป็นความจริงแค่ไหน? ฉันอยู่มาจนอายุขนาดนี้ ยังไม่เคยได้ยินว่าดอกอวิ๋นชูจะมีสรรพคุณแบบนั้น”
แพทย์หนุ่มผู้นั้นจ้องมองแพทย์อาวุโสด้วยสายตาดุดัน ก่อนจะพูดต่อว่า “ตาแก่ ฟังที่ฉันพูดให้ดีนะ ถ้าฉีเล่ยไม่กลับมาที่นี่อีก ฉันสาบานว่าไม่ใช่แกเท่านั้นที่ต้องตาย แต่คนในครอบครัวของแกจะต้องตายตามแกไปด้วย!”
ที่แพทย์หนุ่มโมโหมากขนาดนี้ก็เพราะว่า ทุกคนล้วนถูกพิษกันหมด ความหวังที่จะมีชีวิตรอดจึงไปตกอยู่กับฉีเล่ยเพียงคนเดียว แต่เป็นเพราะคำพูดของแพทย์อาวุโสผู้นี้ ทำให้ฉีเล่ยออกจากวังมังกรแห่งนี้ไปแล้ว
แต่ฮวาโหล่วนั้นเชื่อมั่นในตัวฉีเล่ยว่า เขาจะไม่หนีไปอย่างแน่นอน แต่ใช่ว่าคนอื่นๆจะคิดเช่นเกียวกับเธอ หลายคนกำลังคิดว่าฉีเล่ยหนีเอาตัวรอดคนเดียว และปล่อยให้คนอื่นๆต้องเสียชีวิตอยู่ภายในวังมังกรแห่งนี้
“หลู่เซิน หยุดทำโวยวายได้แล้ว!”
ผู้เฒ่าวังมังกรตวาดเสียงดัง ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาหลู่เซินพร้อมกับตำหนิเสียงดัง “ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ ทุกคนเลือกที่จะเชื่อใจฉีเล่ย แต่เธอกลับมาโวยวายให้คนที่อาวุโสกว่าแบบนี้ ไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือยังไง?”
หลู่เซินหัวเราะพร้อมกับจ้องมองผู้เฒ่าวังมังกรแน่นิ่ง ก่อนจะตอบกลับไปว่า “คุณเองก็อย่าคิดว่าผมไม่รู้จุดประสงค์ของคุณล่ะ เพียงแต่ผมถูกสั่งมาไม่ให้พูดเท่านั้นเอง”
“คนอื่นๆอาจจะกลัวคุณ แต่ผมไม่กลัวหรอกนะ อีกอย่าง ตอนนี้คุณก็ไม่ต่างจากตัวตลกตัวหนึ่ง ยังมีคุณสมบัติอะไรมาแสดงอำนาจบาทใหญ่ต่อหน้าผม?”
ดูท่าหลู่เซินจะเสียสติไปแล้ว เขาหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ถ้าผมต้องตาย ทุกคนในวังมังกรก็อย่าหวังว่าจะรอดชีวิตไปได้เลย หึ! จู่ๆก็มาจัดการแข่งขันขึ้นที่นี่ มิหนำซ้ำยังมียาอายุวัฒนะเป็นรางวัล มันฟังดูน่าอัศจรรย์ไหมล่ะ?”
หลู่เซินกวาดตามองไปรอบๆ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยความอาฆาตมาดร้าย “ถ้าพรุ่งนี้ฉีเล่ยยังไม่กลับมา ก็อย่าหาว่าผมใจดำก็แล้วกัน!”
หลังจากพูดจบ หลู่เซินก็หันหลังเดินจากไปทันที โดยไม่สนใจว่าใครจะพูดอะไรอีก
ฮวาโหล่วเดินตรงเข้ามาหาผู้เฒ่าวังมังกร พร้อมกับเอ่ยถามว่า “คนแซ่หลู่นั่น…”
“เฮ้อ… สองสามปีมานี้ตระกูลหลู่ค่อนข้างมีอำนาจอิทธิพลมาก ประมุขตระกูลเป็นคนไม่เลวนัก แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ทายาทรุ่นหลังจะกลายเป็นคนมีนิสัยใจคอเช่นนี้ไปได้”
ผู้เฒ่าวังมังกรถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก
“ช่างเถอะค่ะ! รอให้ฉีเล่ยกลับมาก่อน เขาต้องมีวิธีจัดการกับคนแบบนี้แน่ๆ”
ผู้เฒ่าวังมังกรพยักหน้าเห็นด้วย
ฉีเล่ยที่อยู่บนหุบเขาศิลาเหลือง ไม่มีโอกาสล่วงรู้เลยว่า ได้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นที่วังมังกรแห่งนี้บ้าง
ยามนี้ ฉีเล่ยที่อยู่บนหุบเขาศิลาเหลือง ท่ามกลางลมพัดหวีดหวิว เขาได้กลิ่นของดินทรายตลบอบอวล ราวกับว่ากำลังอยู่กลางทะเลทราย
ฉีเล่ยคิดว่าในเส้นทางใหม่นี้ เขาอาจต้องเดินเข้าไปอีกไกลจึงจะหาดอกอวิ๋นชูพบ แต่กลับคิดไม่ถึงว่า หลังจาเดินเข้าไปเพียงครู่เดียว ก็พบดอกอวิ๋นชูแล้ว
ฉีเล่ยได้แต่แอบคิดในใจว่า นอกจากดอกอวิ๋นชูแล้ว คงยากที่จะมีไม้พรรณอื่นๆ เติบโตภายในหุบเขาศิลาเหลืองแห่งนี้ได้
“โชคดีมากจริงๆ เดินมาเดี๋ยวเดียวก็พบแล้ว!”
ฉีเล่ยร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ นั่นเพราะหากพบดอกอวิ๋นชู เท่ากับว่าการเดินทางมาที่นี่ของเขานั้นไม่เสียเปล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน