ตอน ตอนที่59 ฉี่แตก จาก ยอดคุณหมอสกุลเฉิน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่59 ฉี่แตก คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ยอดคุณหมอสกุลเฉิน ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่59 ฉี่แตก
“ไร้สาระ!”
ซูเสี่ยวหยานตะโกนสวนขึ้นลั่นด้วยความโกรธจัด แน่นอนว่าเธอไม่เชื่อที่ฉีเล่ยพูดแน่นอน แต่ทันใดนั้นร่างกายก็พลันสัมผัสได้ถึงความเปียกแฉะบริเวณกางเกง…
เธอก้มลงไปมองตรงกางเกง…
หลังจากได้ยินเสียงตะโกนของฉีเล่ย บรรดาฝูงชนโดยรอบก็หันขวับจับจ้องไปที่กางเกงของซูเสี่ยวหยานเป็นตาเดียว
ทันใดนั้นภาพฉากอันน่าตื่นตะลึงก็ปรากฏขึ้น…
วันนี้ซูเสี่ยวหยานสวมกางเกงสแล็คขายาวสีขาวรัดรูป เนื้อผ้าดูนุ่มใส่สบาย แต่จู่ๆ…ตรงเป้ากางเกงกลับปรากฏวงเปียกชื้นปริศนาขึ้น แถมยังมีหยดน้ำไหลลงมาจากขากางเกง กลายมาเป็นแอ่งน้ำน้อยๆใต้เท้าของเธอ…
ดูเหมือนว่าเธอจะฉี่แตกจริงๆ…
“เห้ย! ดูนั่น! ดูนั่น! เธอฉี่แตกจริงๆว่ะ!”
“พระเจ้าช่วย! รีบถ่ายเก็บไว้เร็ว! รีบถ่ายเก็บไว้เร็ว!”
“อะไรวะเนี่ย…”
….
“กรี๊ดดด!!”
ซูเสี่ยวหยานกรีดร้องเสียงดังลั่น รีบเอากระเป๋าสะพายปิดป้องบริเวณเป้ากางเกงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ฝูงชนโดยรอบเกิดความโกลาหลยกใหญ่ บางคนรีบหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายกันไม่หยุด
ในที่สุดเธอบากหน้ารับความอับอายนี้ไม่ไหว จึงรีบวิ่งฝ่ากลางฝูงชนหนีออกไปทันที
“นี่แกทำอะไรกับเธอ?”
เมื่อเห็นซูเสี่ยวหยานวิ่งหนีออกไปทั้งแบบนั้น หานหมิงต้าก็หันขวับจับจ้องฉีเล่ยตาเขม็งก่อนจะเอ่ยถามออกมาอย่างเย็นชา
“ผมไม่เข้าใจนะครับว่าคุณกำลังหมายถึงอะไร?”
ฉีเล่ยยกมือทั้งสองข้างขึ้นพร้อมปั้นสีหน้าหยอกเย้า ราวกับกำลังแสดงให้เห็นว่า ตนไม่ได้เป็นอันตรายต่อคนสัตว์สิ่งของใดๆ
“ได้! ได้! คราวนี้แกจบไม่สวยแน่!”
หานหมิงต้ากรนเสียงเย็นใส่ฉีเล่ยดูเกรี้ยวกวาดอย่างยิ่ง ก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากห้างโดยเร็ว แฟนสาวของเขาวิ่งหนีออกไปชนิดไม่มีรอ ดังนั้นจึงต้องรีบวิ่งตามก่อนที่จะคลาดกัน
ดวงตาคู่สวยของหลี่ถงซีจับจ้องไปที่ฉีเล่ยทันที เธอรู้ว่าฉีเล่ยจะต้องทำอะไรสักอย่างแน่นอน
ซูเสี่ยวหยานไม่ได้เป็นโรคอะไรร้ายแรงอย่างพวก เบาจืด ที่ไม่สามารถควบคุมระบบทางเดินปัสสาวะได้ ดังนั้นเธอจะฉี่แตกออกมาแบบนี้ได้ยังไงกัน?
ฉีเล่ยยิ้มและหันไปมองตอบหลี่ถงซีพร้อมกล่าวว่า
“ผมบังเอิญแตะโดนเส้นลมปราณ ที่เชื่อมตรงไปยังกระเพาะปัสสาวะพอดี”
ในความเห็นของหลี่ถงซี ฉีเล่ยจะต้องแอบทำอะไรสักอย่างกับหญิงสาวแน่นอน และมันก็เป็นอย่างที่เธอคิดไม่มีผิด ตอนที่ฉีเล่ยพยายามเข้าใกล้ซูเสี่ยวหยานเพื่อกระซิบข้างหูของเธอ เขาอาศัยจังหวะที่ทุกคนไม่ทันสังเกต ใช้ดัชนีแทงกดเข้าไปยังจุดซานเจาบริเวณเอวของอีกฝ่ายโดยไม่ทันรู้ตัว
จุดซานเจาอยู่บริเวณเอวข้างซ้าย ออกไปประมาณ1.5มิลลิเมตร ใต้กระดูกสันหลังตรงเงี่ยงกระดูกส่วนแรก (spinous) ซึ่งเป็นจุดที่ส่งผลกับกระเพาะปัสสาวะโดยตรง โดยทั่วไปการฝังเข็มในจุดดังกล่าว เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องระบบปัสสาวะ ทั้งปัญหาเรื่องปัสสาวะไม่ออก และปัสสาวะน้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
ฉีเล่ยมีความรู้เรื่องนี้โดยธรรมชาติเกี่ยวกับเรื่องอนาโตมี่1และเรื่องจุดฝังเข็มทั่วร่างกายมนุษย์ หากผสมผสานระหว่างความรู้ทั้งสองเข้าด้วยกัน การจะทำให้คนๆหนึ่งฉี่แตกขึ้นมาไม่ใช่เรื่องยาก
“ทุเรศ”
หลี่ถงซีกล่าวเจือน้ำเสียงดูถูก
“….”
ฉีเล่ยโกรธมากเมื่อได้ยิน
ผู้หญิงคนนี้นี่โง่เกินเยียวยา ไม่เพียงแต่จะไม่เห็นค่าที่ฉันทำลงไป แถมยังด่ากันอีกว่า ทุเรศ? ถ้าไม่ทำเรื่องทุเรศแบบนี้ มีเหรอที่เธอจะรอดกลับไป?
เออได้! ครั้งหน้าถ้าเกิดเรื่องอะไรแบบนี้อีก เดี๋ยวจะยืนดูอยู่เฉยๆนั่นแหละ! ไม่เข้าไปช่วยแล้ว! ถ้ามีปัญญาแก้ปัญหาเอง งั้นก็ลองทำให้ดูหน่อย! แล้วฉันจะคอย…
“ขอบใจ”
ขณะที่ฉีเล่ยกำลังสบถด่าอยู่ภายในใจอย่างเมามัน แต่จู่ๆหลี่ถงซีก็เอ่ยปากกล่าวขอบคุณทันทีพร้อมรอยยิ้มประดับบาง
“ช่างเถอะ”
ฉีเล่ยโบกมือปัดเจือสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ถึงแบบนั้นเขาก็โกรธเธอไม่ลงแล้ว
ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริงแฮะ โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่ป่วยแบบนี้ ฉีเล่ยเหลือบมองหลี่ถงซีเล็กน้อยก่อนกล่าวต่อว่า
“ยิ้มอีกสิ คุณสวยมากเลยนะตอนยิ้มน่ะ”
“….”
ใบหน้าของหลี่ถงซีกลับมาบึ้งตึงอีกครั้งทันที
…………….
ทั้งสองเดินซื้อของช้อปปิ้งกันไปอีกสักพัก ฉีเล่ยได้ชุดเสื้อผ้ามาอีกหลากหลายแบบสำหรับใส่ในโอกาสต่างๆ ก่อนจะพากันขึ้นรถของหลี่ถงซีกลับบ้านไป
หลี่ฮั่วเฉินดูท่าจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เมื่อเห็นทั้งคู่กลับถึงบ้านเร็วขนาดนี้ ขณะที่กำลังจะหาข้ออ้างไล่สองคนนั้นให้ออกไปเที่ยวต่อข้างนอก จู่ๆก็มีสายเรียกเข้าดังขึ้นจากโทรศัพท์ของฉีเล่ย
“ฮัลโหล จำเสียงฉันได้รึเปล่าสุดหล่อ?”
“ชูซินซู่?”
ณ บ้านของหลี่ฮั่วเฉิน
“จะไปตอนนี้เลยเหรอ?”
“ใช่ครับ ไปแป๊ปเดียวเดี๋ยวก็กลับ”
“อยากไปที่นั่นจริงๆเหรอ?”
“ครับ”
“ถึงอีกฝ่ายจะบอกว่าอยากตอบแทนก็เถอะ แต่ชวนไปบ้านแบบนี้มัน… ฉันว่ามันแปลกๆนะ?”
ฉีเล่ยถึงกับตะลึงงัน หยุดยืนอยู่หน้ากระจกทั้งที่หวียังคาอยู่บนหัวแบบนั้น ก่อนจะค่อยๆเหลียวมองไปทางหลี่ฮั่วเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆ และกล่าวขึ้นว่า
“อาวุโสหลี่ ถามจริงจังเลยนะครับ พอได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นสาวสวย คุณก็รีบมาห้ามผม เพราะกลัวว่าเธอคนนั้นจะพรากผมไปจากหลานสาวคุณ?”
หลี่ฮั่นเฉินในขณะนี้ไม่ต่างอะไรกับคนแก่ทำผิด ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเป็นเด็กน้อย
“แล้วทำไมเธอต้องไปด้วยล่ะ?”
ฉีเล่ยกล่าวอธิบายขึ้นว่า
“อาการของผู้ป่วยรายนี้ค่อนข้างพิเศษน่ะครับ เธอเป็นโรคหัวใจที่เกี่ยวเนื่องกับปอด หากอารมณ์ไม่คงที่อาจส่งผลต่อร่างกายโดยตรง ผมก็เลยไปดูอาการหน่อยดีกว่าครับ”
หลังจากพูดจบเขาก็วางหวีไว้บนโต๊ะ และหันมากล่าวย้ำกับหลี่ฮั่วเฉินด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
“ผมขอย้ำให้ฟังอีกครั้งนะครับ ผมแต่งงานแล้ว! แล้วผมเองก็รักภรรยาของผมแค่คนเดียว! ไม่ว่าจะเป็นหลานสาวหรือผู้ป่วยคนนี้ ก็ไม่มีทางแย่งหัวใจของผมไปจากภรรยาได้!”
หลี่ฮั่วเฉินถึงกับสำลักพูดไม่ออกไปชั่วขณะ พลางคิดกับตัวเองไปว่า
‘คิดว่าฉันจะยอมแพ้กับเรื่องเสี่ยวซีง่ายๆงั้นเหรอ? ไม่มีทาง! ก็เห็นๆกันอยู่ว่า เธอประทับใจในตัวนายแค่ไหน เป็นเพราะเธอเกลียดผู้ชาย ทำให้ต้องอยู่ตัวคนเดียวเพียงลำพังเรื่อยมา แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว! หลานสาวคนนี้ดูมีความสุขอย่างมากเมื่ออยู่กับนาย เพียงแค่นี้ ต่อให้ป่วยเป็นโรคทางจิตอะไร มันจะยังสำคัญอยู่ไหม?’
อันที่จริงแล้ว ฉีเล่ยเองก็ตระหนักดีว่า นี่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการรักษาอาการทางจิตเวช โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักจะตกหลุมรักพวกจิตแพทย์ หรือไม่ก็นักจิตวิทยา เป็นเพราะพวกเขาสามารถช่วยให้บรรดาผู้ป่วยเหล่านั้น หลุดพ้นออกจากเงามืดได้ จึงเป็นธรรมดาที่จะทำให้ผู้ป่วยตกหลุมรักได้ง่าย
นี่ไม่ใช่เรื่องตลกแต่อย่างใด ทว่ากลับเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่จิตแพทย์ และนักจิตวิทยาหลายคนต้องเผชิญ
แต่ฉีเล่ยเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้เช่นกัน คงทำได้แค่ขอโทษเฉินอวี้หลิวซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ภายในใจ เพราะจะให้เขาเพิกเฉยต่ออาการป่วยทางจิตของหลี่ถงซี ก็คงทำไม่ได้เช่นกัน
ยากจริงแหะ
การจะเป็นหมอที่ดีเป็นเรื่องยากจริงๆ
แถมตัวเองดันเกิดมาหน้าตาดีอีก…
ฉีเล่ยถึงกับส่ายหัวเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะจัดข้าวของ และเดินออกจากบ้านไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน