ยอดคุณหมอสกุลเฉิน นิยาย บท 69

สรุปบท ตอนที่69 ความเกลียดชัง: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน

อ่านสรุป ตอนที่69 ความเกลียดชัง จาก ยอดคุณหมอสกุลเฉิน โดย Internet

บทที่ ตอนที่69 ความเกลียดชัง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ยอดคุณหมอสกุลเฉิน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่69 ความเกลียดชัง

หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ฉีเล่ยก็นั่งBMWของหลี่ถงซีติดรถของเธอมุ่งหน้าสู่มหาวิทยาลัยแพทย์ปักกิ่ง

วันนี้เป็นวันแรกในฐานะอาจารย์

เมื่อฉีเล่ยขึ้นรถมา หลี่ถงซีพลันสังเกตเห็นท่าทีอ่อนเพลียของอีกฝ่าย สภาพครึ่งหลับครึ่งตื่นแบบนั้น แถมยังมีรอยคล้ำใต้ดวงตาอีก เธอจึงเอ่ยถามขึ้นทันทีว่า

“เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอ?”

“อืม”

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆถึงนอนไม่หลับ?”

“เมื่อคืนพอกลับถึงห้องพยายามหลับแล้ว แต่สุดท้ายมันก็ไม่หลับ ก็เลยตื่นมาอ่านหนังสือสักพัก เอ่อ…มันเกี่ยวกับอะไรสักอย่างนี่แหละ เท่าที่จำได้ก็ ‘7ปีไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ปกครองอำนาจด้วยความกลัว’ ส่วนท่อนสุดท้ายดันจำไม่ได้เพราะหลับไปซะก่อน”

“….”

มุมปากของหลี่ถงซีพลันกระตุกขึ้นอย่างแรง เธอพยายามกลั้นขำสุดชีวิต

มหาวิทยาลัยแพทย์ปักกิ่งเป็นสถานศึกษาที่อุดมไปด้วยสาขาการแพทย์ที่สำคัญและหลากหลายแขนงที่สุดในจีน ภายในนี้กว้างใหญ่เป็นอย่างมาก กินพื้นที่ในเมืองหลงไปถึงหนึ่งส่วนเต็ม ประกอบไปด้วย มหาวิทยาลัย, โรงพยาบาลในเครือ อาคารแพทย์เบื้องต้น อาคารวิศวกรรมชีวการแพทย์ อาคารเวชศาสตร์ อาคารสารธรณสุข อาคารแพทย์แผนจีนและอื่นๆอีกมากมาย

หลี่ถงซีเป็นอาจารย์อยู่ในอาคารวิศวกรรมชีวการแพทย์ ทั้งยังควบตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน ในขณะเดียวกัน สถานที่นี่ฉีเล่ยต้องไปเป็นอาคารแพทย์แผนจีน

ทั้งสองเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่สถานที่ทำงานกลับไม่ได้อยู่ในตัวอาคารเดียวกัน

ขับรถเข้ามาในมหาวิทยาลัย ตรงมายังอาคารวิศวกรรมชีวการแพทย์ หลี่ถงซีเอ่ยขึ้นว่า

“จอดรถไว้ตรงนี้แหละ เดี๋ยวฉันจะเดินไปส่งคุณที่อาคารแพทย์แผนจีนข้างๆ รายงานตัวด้วยล่ะ”

ฉีเล่ยพยักหน้าตอบ

รถของหลี่ถงซีแล่นเข้าซองเข้าจอดในลานจอดรถใต้อาคารเรียน แต่ทันใดนั้นก็มีรถสีแดงคันหนึ่งพุ่งเข้ามาเทียบข้างอย่างดุเดือด

ซูเสี่ยวหยานกระโจนลงจากรถชี้หน้าใส่หลี่ถงซีกับฉีเล่ยที่เพิ่งลงมาจากรถเช่นกันและกล่าวว่า

“จับได้คาหนังคาเขาขนาดนี้ว่าแอบคบชู้กับนักศึกษาของตัวเอง! ทีนี้ยังมีอะไรจะเถียงอีกไหม? อยากแถก็แถมาสิ!?”

บนโลกใบนี้มีคนสามประเภทที่รับมือได้ยากที่สุดคือ ขอทาน, นักบวชและผู้หญิง

ในชีวิตจริง ขอทานกับนักบวชไม่ใช่บุคคลที่จะเข้าใกล้ได้โดยง่าย และแน่นอนว่าด้วยสภาพสังคมทางปัจจุบัน บุคคลทั้งสองประเภทนี้ถูกด้อยค่าลงอย่างมาก ถึงแม้จะมีโอกาสได้พบเจอจริงๆ แต่ตัวคุณเองย่อมสามารถมแยกออกได้ทันทีที่เห็นว่าพวกเขาเป็นขอทานหรือนักบวช หากใส่ชุดเสื้อผ้าโทรมๆก็คือขอทาน แต่ถ้าหัวโล้นนุ่งเหลืองห่มเหลืองก็หมายถึงนักบวช

ดังนั้นแล้ว ในยุคปัจจุบันจึงเหลือแค่คนประเภทเดียวที่รับมือได้ยากที่สุดก็คือ ผู้หญิง

เมื่อเปรียบเทียบกับขอทานและนักบวชแล้ว ผู้หญิงมีอำนาจปกครองและห่มเหงผู้ชายมาอย่างยาวนานในประวัติศาสตร์ชาติมนุษย์ และที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ ตรรกะอันแสนซับซ้อนและเข้าใจยาก มันเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยที่จะทำความเข้าใจผู้หญิงพวกนี้ ดังนั้นจึงเกิดเหตุการณ์บ่อยครั้งที่จู่ๆฝ่ายหญิงก็เกิดอาการน้อยใจหรือโกรธฝ่ายชายโดยไม่มีเหตุผล หรืออาจถึงขั้นเก็บไปเป็นความแค้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้หญิงสองคนนี้ที่น่ากลัวเป็นพิเศษ

คนหนึ่งเป็นหญิงสาวผู้แสนเย็นชาดุจภูเขาน้ำแข็ง แถมยังป่วยทางจิต ส่วนอีกคนก็ดูกระตือรือร้นตลอดเวลา เนื้อแท้กลับเน่าเฟะ แต่ภายนอกกลับแสร้งทำตัวเป็นดอกไม้สวยที่ผู้คนมักเชยชม สิ่งที่โปรดปรานที่สุดคงจะเป็น การได้เกาะแข้งเกาะขาบรรดาบุคคลที่ประสบความสำเร็จแล้วในชีวิต

อย่างไรก็ตาม ซูเสี่ยวหยานคนนี้รังเกียจพวกเขาสองคนยิ่งกว่าอะไรดี พอนึกถึงภาพฉากในตอนนั้นที่เธอฉี่รดกางเกงกลางห้างต่อหน้าสาธารณะชน ก็อาฆาตแค้นซะจนอยากสับชายหญิงคู่นี้ให้แหลกเป็นพันหมื่นชิ้น

และสิ่งที่น่าเศร้าใจที่สุดคือ หลังจากกลับไปในวันนั้น หานหมิงต้าก็ไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย ไม่ว่าเธอจะต้องการอธิบายขนาดไหน อีกฝ่ายกลับไม่ให้โอกาสใดๆอีกต่อไป

เขาเป็นถึงเศรษฐีผู้ร่ำรวยอันดับต้นๆของปักกิ่ง ซูเสี่ยวหยานพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครอบครองอีกฝ่าย แม้จะถูกตราหน้านินทาว่า เก็บกินของเหลือจากคนอื่นก็ตาม

แต่ในตอนนี้อีกฝ่ายกลับทิ้งเธอไปแล้ว

ซูเสี่ยวหยานถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับไปถึงสองคืนเต็ม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอสาบานกับตัวเองไว้ว่าจะต้องหาทางแก้แค้นและทำให้หลี่ถงซีเสื่อมเสียชื่อเสียงทั้งหมดไป

และแล้วโอกาสก็มาถึงเร็วกว่าที่คิด ในฐานะอาจารย์ หลี่ถงซีกระทำการฉาวมีสัมพันธ์ต้องห้ามกับลูกศิษย์ตัวเอง พวกเขาทั้งคู่ขึ้นรถคันเดียวกันมามหาวิทยาลัยกันตั้งแต่เช้าตรู่ เป็นที่ชัดเจนว่าทั้งสองจะต้องใช้เวลาร่วมรักกันเมื่อคืน

รอบนี้จับได้คาหนังคาเขาขนาดนี้ ฉันขอดูหน่อยว่ายังจะแก้ตัวอะไรได้อีก?

หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย ไล่ออกไม่ต้องพูดถึง และแม้จะมีเส้นสายของคุณปู่เธอคอยช่วย อย่างดีที่สุดก็ได้อยู่ต่อ แต่เรื่องตำแหน่งหน้าที่การงานในอนาคตอย่าหวังจะได้ก้าวหน้า คงเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาแบบนี้จนเน่าตายทั้งเป็น

“ทำไม? ถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอ?”

ซูเสี่ยวหยานยกมือเท้าสะเอวจับจ้องทั้งสองอย่างเย่อหยิ่ง

“อย่าด่ากันลอยๆสิครับ ผมไร้ยางอายเรื่องอะไรล่ะ?”

“ดี! ดี! ดีมาก! เสแสร้งเก่งดีหนิ แล้วคอยดูได้เลยว่า ฉันจะจัดการนายยังไง!”

ซูเสี่ยวหยานโกรธจัดจนกระทืบเท้าลงพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะตัดสินใจเลิกพล่ามไร้สาระกับคนพวกนี้อีก เธอเชิดหน้าเดินขึ้นตัวอาคารไป ก่อนจากกันยังหันมายกมือถือถ่ายรูปของฉีเล่ยกับหลี่ถงซี เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงให้คณบดีและเพื่อนร่วมงานเห็นว่า‘อาจารย์สาวกับนักศึกษาหนุ่มกำลังทำเรื่องผิดศีลธรรมกันอยู่’

ขณะซูเสี่ยวหยานที่กำลังจะเดินขึ้นตัวอาคารไป ก็พลันได้ยินเสียงของฉีเล่ยตะโกนลั่นไล่หลังมาแต่ไกล

“อ่อ! จำได้แล้วครับ! เรื่องที่คุณฉี่แตกกลางห้างต่อหน้าสาธารณะชนและแฟนตัวเองใช่ไหม! แล้วทางฝ่ายชายเป็นยังไงบ้างครับ? คืนดีกันรึยัง! แต่ไม่ต้องกังวลไปนะครับ เรื่องนี้ผมจะเก็บเป็นความลับ!!”

ซูเสี่ยวหยานแทบสะดุดส้นสูงตัวเองล้มหน้าคะมำเมื่อได้ยิน

“ไอ้เด็กเหลือขอ! แกไม่ตายดีแน่!”

ซูเสี่ยวหยานก่นด่าสาปแช่งด้วยความโมโห ดวงตาคู่นั้นของเธอพลันเห่อร้อนขึ้นทันที ก่อนจะมีน้ำตาธารน้อยรินไหลออกมาจนเปียกชื้น

“ไปกันเถอะ”

หลี่ถงซีเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเรียบ

ฉีเล่ยหันมาจับจ้องหลี่ถงซีอยู่แวบหนึ่ง พลางเอ่ยถามขึ้นว่า

“สงสารเธอเหรอ?”

“เธอเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารนะ”

หลี่ถงซีกล่าวยอมรับไปตามตรง

ฉีเล่ยยักไหล่อย่างไม่ใสใจ

“ทุกคนย่อมมีข้อเสีย ถึงแบบนั้นความเกลียดชังภายในใจเธอคนนั้นมันชัดเจนเกินไป การยื่นความเมตตาให้ไม่นับเป็นวิธีที่ฉลาดเท่าไหร่ ถ้ามีโอกาสแก้แค้น นิสัยอย่างเธอไม่มีทางปรานีแน่นอน ถ้าคุณไม่เชื่อ ส่งผมเสร็จแล้วกลับขึ้นไปห้องพักอาจารย์รอเลย ข่าวนี้คงกระจายไปทั่วทั้งตึกแล้วแน่ๆ พอถึงตอนนั้นคุณจะอธิบายกับทุกคนยังไงล่ะ?”

“ฉัน…”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน