ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 117

หลังออกจากโรงแรม เขาก็ขับรถเบนซ์กลับบ้าน

หลินปิงเซียนเลิกเรียนแล้วและกำลังเล่นเกมกับหงหลิง หลินเหม่ยเจียวกำลังทำอาหาร

เขากล่าวทักทายคำหนึ่งแล้วก็กลับไปยังห้องทำงาน จากนั้นก็เปิดคอมพิวเตอร์เพื่อที่จะตรวจดูหุ้นของบริษัทซานไห่มีเดีย

บริษัทซานไห่มีเดียเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อสามปีก่อน สามปีที่ผ่านมากำไรและผลตอบแทนมีค่าคงที่ ปัจจุบันมีมูลค่าทางตลาด 1.5ล้านล้านหยวน หุ้นราคาหุ้นละ 4.30 หยวน

อู๋เป่ยลังเลครู่หนึ่ง รีบเชื่อมบัญชีหลักทรัพย์เข้ากับเอทีเอ็มธนาคารของเขา    เขาตัดสินใจที่จะซื้อหุ้นเจ็ดสิบล้านหุ้น ราคารวมประมาณสามพันล้าน

ปริมาณเงินทุนที่อยู่ในมือของเขา ไม่นับเงินทุนห้าพันล้านที่จะลงทุนกับหลี่กว่างหลง ยังมีเงินทุนเหลืออีกประมาณ สองพันเจ็ดร้อยล้าน ถ้านับรวมก้บค่ารักษาเฉินหลิงซวงก็จะได้ สามพันล้านพอดี คร้ังนี้เขาเอาเงินทั้นหมดออกมาซื้อหุ้น เห็นได้ชัดว่ามีความเสี่ยงมากๆ

ก่อนที่จะซื้อหุ้น เขาได้ศึกษากลยุทธในการซื้อหุ้นเข้าด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงการซื้อหุ้นเยอะเกินแล้วทำให้เกิดความวุ่นวายทางการตลาด เพราะอย่างนี้ วันที่หนึ่ง เขาแบ่งซื้อเข้าประมาณห้าล้านกว่าหุ้น

เพียงเวลาสั้นๆ หงหลิงเรียกเขาลงมาทานข้าว อาหารเย็นนี้หลินเหม่ยเจียวทำอาหารเมนูหนึ่ง ทั้งกลิ่นสีรสชาติครบคลังมาก

ในระหว่างทานอาหาร เขาได้ถามเรื่องการออดิชั่น หลินปิงเซียนบอกว่าการออดิชั่นครั้งนี้จะจัดขึ้นในสามวันข้างหน้า

คืนนั้น อู๋เป่ยยังคงฝึกเคล็ดวิชาเทียนตี้ซวนหวง ไม่นานมานี้ เขาได้ฝึกถึงขั้น ฝึกเทพ

ขั้นหวงนั้นแบ่งเป็น ฝึกลมปราณ ฝึกเทพ และ สร้างรากฐานวิชา สามช่วง ก่อนหน้านี้อู๋เป่ยอยู่ช่วงฝึกลมปราณตลอด ตอนนี้เขาสามารถเปิดเส้นลมปราณชั้นสองทั้งหมดแล้ว ทำให้ลมปราณก่อตัว ในที่สุดก็สามารถเข้าสู่ช่วงที่สอง ช่วงฝึกเทพ

ช่วงฝึกเทพ ความหมายจริงๆ ของมันก็คือ การฝึกจิตรับรู้แห่งเทพ และวิญญาณเทพ ฝึกเทพยังแบ่งออกเป็นสามขั้นเล็กๆ ได้แก่ การรับรู้เทพ ปรารถนาแห่งเทพ และปราชญ์แห่งเทพ

การรับรู้เทพคือช่วงที่วิญญาณเทพตื่น คือจิตรับรู้ของแต่ละคน เป็นขั้นสูงสุดของการตอบสนองตามสัญชาตญาณของมนุษย์

เรื่องเกี่ยวกับการฝึกเทพนั้นอู๋เป่ยเคยคุยกับสวี่จี้เฟยแล้ว สวี่จี้เฟยบอกว่า การฝึกวิชาในโลกนั้นล้วนแตกต่างกัน แต่โดยรวมก็คล้ายๆ กัน แต่ว่าวิชาที่คนส่วนใหญ่ได้รับการถ่ายทอดนั้นไม่สมบูรณ์ บ้างก็ถึงแค่ช่วงการรับรู้เทพบ้างก็ถึงขั้นปรารถนาแห่งเทพ

อีกอย่างต่อให้เป็นขั้นปรารถนาแห่งเทพเหมือนกันก็จะมีการฝึกฝนที่หนักไม่เท่ากัน บางคนฝึกการรับรู้ไอสังหาร บางคนกลับฝึกวิชาภาพลวงตา

แต่ว่าวิชาที่อู๋เป่ยฝึกนั้น เป็นเคล็ดลับวิชาโบราณของฝ่ายธรรมะ ทำให้การฝึกวิชาทั้งสามขั้นเล็กๆ ต่างมีความซับซ้อนมาก

ตอนนี้ เขาใช้วิชาการกำหนดลมหายใจเพื่อฝึกความแข็งแกร่งทางจิตใจ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดช่วงการรับรู้เทพ

เขาเบิกตาดู เวลาก็ล่วงมาถึงตอนเช้าของวันที่สองแล้ว

เขาเปิดมือถือ เว่ยชิงอิ่งส่งข้อความมา บอกว่าเธอได้เตรียมห้องที่จะรักษาเฉินหลิงซวงแล้ว พร้อมกับแนบที่อยู่มาให้ด้วย

อู๋เป่ยไม่ได้รีบร้อน หลังจากกินข้าว ก็พาหงหลิงไปยังลานฝึกวิชาก่อนเพื่อให้มันได้ดูดกลืนปราณพลังจนอิ่ม จากนั้นค่อยไปรักษาเฉินหลิงซวง

ที่นี่เป็นบ้านเล็กๆที่อยู่ในเมืองเก่า เงียบมาก อู๋เป่ยเคาะประตู และคนที่มาเปิดประตูคือเว่ยชิงอิ่ง

แล้วก็พาเขาไปยังห้องรับแขก เฉินหลิงซวงรออยู่ที่นั่นอยู่แล้ว เมื่อเห็นอู๋เป่ย เธอพูดด้วยความจริงจังว่า " คุณหมออู๋ ฉันเตรียมพร้อมแล้วล่ะ"

อู๋เป่ยผงกหัว " ในระหว่างการรักษา อยากจะขอความร่วมมือจากคุณ"

เฉินชิงอิ่งตอบ " ฉันจะให้ความร่วมมือค่ะ"

เขาให้เฉินหลิงซวงนอนคว่ำลงบนโซฟา มือทั้งสองข้างจับหมอนไว้ ส่วนเขาก็ใช้กรรไกรตัดเสื้อผ้าบนหลังของเฉินหลิงซวงให้มีช่องเปิดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า

ผิวของเฉินหลิงซวงดีมาก แต่เป็นเพราะป่วยมากว่าปีทำให้ซีดจางเล็กน้อย

เว่ยชิงอิ่งก็ยืนดูข้างๆ เธอถาม "คุณอู๋ ต้องการให้ฉันช่วยอะไรไหม"

อู๋เป่ยส่ายหัว หยิบเข็มทองออกมา แล้วก็ทิ่มลงไป หลังจากที่แทงเข็มลงไปนิ้วมือของเขาก็กดบาดแผลไว้ ในขณะเดียวกันก็เปิดการมองด้วยตาทิพย์เพื่อตรวจสอบบาดแผล

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ