ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 124

ลมปราณถูกปลดออก เขารีบทำการปลดเส้นลมปราณชานจี๋ทันที การรับรู้เทพทำงานร่วมกับตาทิพย์ ทำให้เขาสามารถรับรู้ตำแหน่งของลมปราณชานจี๋ และจากนั้นก็ใช้ชี้แท้ปลดปล่อยมัน

ครั้งนี้อู๋เป่ยสามารถปลดปล่อยลมปราณที่อยู่ส่วนหัวได้ แบบนี้ทำให้เขาฉลาดกว่าเดิม ตรรกะของเขาก็ชัดเจนมากขึ้น

ลมปราณส่วนหัวเป็นส่วนที่สลับซับซ้อนที่สุด ยังดีที่เขาเปิดการรับรู้เทพได้แล้ว บวกกับตาทิพย์จึงทำให้ผ่านไปได้อย่างราบรื่น

จนถึงเวลาสิบโมงเช้า อู๋เป่ยรู้สึกว่าส่วนหัวมีเสียงดัง " ตูม" เหมือนเสียงฟ้าร้อง เส้นลมปราณชานจี๋เส้นสุดท้ายถูกปลดออก

ตอนนี้เขารู้สึกว่าการประมวลผลของสมองเร็วมาก แค่พริบตาเดียวก็สามารถคำนวณได้มากมาย และที่รู้สึกชัดเจนที่สุดคือ การฟัง การมองเห็น การสัมผัส รวมถึงประสบการณ์ต่างๆ ของเขาถูกนำมาประมวลรวมกัน จากนั้นประมวลคำตอบที่ดีที่สุดในเวลาที่สั้นที่สุดออกมา

ก่อนหน้านี้ เขาได้เรียนยี่สิบกระบวนท่ามือสยบมังกร ตอนนี้แค่คิดตื้นๆ ก็สามารถเข้าใจอย่างถ่องแท้ เขารีบลุกขึ้นมานั่งฝึกวิชาทันที กวาดแกว่งมือไปมาก็ฝึกกระบวนที่ที่หนึ่งจนคุ้นชิน ตามด้วยกระบวนที่ที่สอง ที่สาม และทุกๆ กระบวนท่าใช้เวลาสั้นๆ ก็เกิดความชำนาญ

เขาใช้เวลาสั้นๆ ก็สามารถฝึกยี่สิบกระบวนท่ามือสยบมังกรจนสำเร็จ เท่านี้ยังไม่พอ เขายังได้รวมมือสยบมังกรเข้ากับกรงเล็บมังกรทองด้วย จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการคิด เพียงไม่นานก็รวมกันอย่างสมบูรณ์แบบ แล้วยังเกิดเป็นกระบวนท่าใหม่ ที่คิดขึ้นเองด้วย

เวลาที่อู๋เป่ยฝึกวิชา เขาคลั่งวิชาจนลืมกินน้ำกินข้าว กว่าเขาจะฝึกมือสยบมังกรถึงขั้นสมบูรณ์ เวลาก็ล่วงไปถึงบ่ายสองกว่าแล้ว

เปิดมือถือดูพบว่ามีสายที่ไม่ได้รับหลายสายมาก มีของถังจื่อยี่ ของจัวคัง และยังมีของเฉินหลิงซวงด้วย

เขาตอบสายกลับตามลำดับ ถังจื่อยี่บอกว่าเย็นนี้จะทำธุรกิจใหญ่ เป็นการค้าขายครั้งแรกหลังจากที่เธอได้สืบทอดกิจการบ้านตระกูลถัง เธอยังไม่มีความมั่นใจจึงอยากให้อู๋เป่ยไปเป็นเพื่อนกับเธอ

อู๋เป่ยก็รับปาก บอกว่าเดี๋ยวเย็นนี้จะไปหา

ส่วนจัวคังนั้นไม่ได้มีธุระอะไร แค่อยากจะชวนอู๋เป่ยไปนั่งกินเหล้ากับเขา เขาได้เหล้าชั้นดีใหม่ๆ เตรียมไว้เพื่อเชิญอู๋เป่ย แต่ว่าอู๋เป่ยยุ่งมาก จึงตอบปฏิเสธไป

เฉินหลิงซวงกลับพูดถึงโอวลี่ บอกว่าโอวลี่อยู่กับเธออยากให้อู๋เป่ยเห็นแก่หน้าเธอ ยอมให้อภัยโอวลี่

จริงๆ แล้วอู๋เป่ยเองก็ชอบนักกีฬาอย่างโอวลี่อยู่ เพราะประเทศเหยียนหลงนั้นมีนักบาสที่เก่งอย่างนี้น้อยมาก นับดูแล้วก็มีแค่สองสามคน เขาก็ไม่อยากเห็นโอวลี่หมดอนาคตในด้านกีฬา

แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ใจอ่อน บอกแค่ว่าเจอกันค่อยว่ากันอีกที

ก่อนออกจากบ้านคิดได้ว่า วันนี้เป็นวันออดิชันของหลินปิงเซียน เมื่อคิดไปมา เขาก็โทรถามสถานการณ์ทางโน้น

แต่ว่าสายของหลินปิงเซียนไม่มีใครรับ เขารู้สึกเอะใจเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้คิดมาก

เวลานี้ การออดิชันในรายการเสียงก้องไปทั่วหล้า ก็ได้จัดขึ้นในวิทยาลัยดนตรีอวิ๋นจิง การออดิชันครั้งนี้ ต้องได้รับการโหวตของกรรมการสี่ท่านขึ้นไปจากกรรมการทั้งหมดห้าท่าน ถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปในรอบถัดไป

ตอนนี้ หลินปิงเซียนตื่นเต้นจนใจจะวาย เธอยืนท่ามกลางผู้คน รอคิวตัวเองขึ้นไปแสดง แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันข้างหลัง

" พวกคุณได้ให้เงินกับกรรมการหรือยัง " ผู้หญิงคนหนึ่งถามขึ้น

"ให้ไปแสนหนึ่ง พวกคุณล่ะ"

"ฉันหมื่น"

"ฉันเก้าหมื่น"

" เกินไปไหม กรรมการพวกนี้เล่นสกปรกกัน ไม่ยัดเงินก็ไม่ให้ผ่าน"

"จะไปสนใจมันทำไม ยังไงเราก็ยัดเงินไปแล้ว รับรองว่าให้เราผ่านแน่นอน"

ได้ยินอย่างนี้ ใจของหลินปิงเซียนตกลงไปถึงตาตุ่ม ต้องยัดเงินเหรอ อย่างนี้ยังจะเรียกว่าออดิชันอีกเหรอ"

แวบเดียวก็ถึงคิวของเธอ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือเสียงเพลงที่ร้อง หลินปิงเซียนสามารถได้คะแนนที่สูงได้ แต่ที่แปลกคือ กรรมการห้าท่าน มีแค่สองท่านเท่านั้นที่โหวตให้เธอ

หลินปิงเซียนผิดหวังมากเมื่อคิดถึงคำพูดที่พูดถึงกรรมการก่อนหน้านั้น แต่เธอก็รวบรวมความกล้า แล้วก็ถามกรรมการที่ไม่ได้โหวตให้เธอคนหนึ่ง " ท่านกรรมการที่เคารพ ช่วยบอกหนูหน่อยได้ไหมว่าหนูมีที่ไหนยังทำได้ไม่ดีพอ"

กรรมการคนนี้เป็นผู้หญิงวัยสี่สิบกว่า เธอตอบอย่างเย็นชา" ไม่ดีพอเหรอ เธอมีใบหน้าที่เจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอก ฉันเห็นแล้วอยากจะอวก พอใจยัง ลงไปได้แล้ว"

หลินปิงเซียนตกใจมาก ทำไมถึงด่าว่าคนอื่นแบบนี้ละ เธอน้ำตาไหลเหมือนเม็ดฝนทันที ก้มหน้าเดินลงเวทีไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ