ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 1573

สรุปบท บทที่ 1573 กิเลนทมิฬ: ยอดคุณหมอตาวิเศษ

บทที่ 1573 กิเลนทมิฬ – ตอนที่ต้องอ่านของ ยอดคุณหมอตาวิเศษ

ตอนนี้ของ ยอดคุณหมอตาวิเศษ โดย เสี่ยวเยา ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายความสามารถแปลกทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1573 กิเลนทมิฬ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เมื่อเผชิญหน้ากับค่ายกลขนาดใหญ่ ดาบของอู๋เป่ยทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ค่ายกลห้าสังหารของดาบเทียนเหมิงสว่างขึ้น แสงดาบนับหมื่นฟันลงไปยังกองทัพ

“บูม!”

ดาบนับหมื่นในมือของเหล่าทหารถูกยกขึ้นมาในเวลาเดียวกัน เพื่อรวมเป็นหนึ่งเผชิญหน้าต่อดาบนี้ของอู๋เป่ย

ดาบแสงปะทะกันพลันดาบแสงของอู๋เป่ยก็แตกสลายส่วนและทหารเกือบครึ่งของกองทัพล้มลงและกระอักเลือดออกมา!

ในกองทัพ ปรากฏชายผู้หนึ่งทะยานออกมาในมือของเขาถือดาบเสี้ยวพระจันทร์ รอบกายมีกลิ่นอายอันน่ะพรึง อู๋เป่ยเพียงมองก็รู้ว่าคนผู้คนผู้นี้มีพลังยุทธ์ราชาบู๊ เดาว่าน่าจะเป็นราชาบู๊เจิ้นหลาน

เขาถาม : “นายก็คือราชาบู๊ของเผ่าเจิ้นหลานใช่หรือไม่?”

ชายผู้นั้นสวมชุดเกราะหนักสีดำและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม: "ราชาบู๊เจิ้นหลาน เหลียวป้า!”

อู๋เป่ย : “นายก็เห็นแล้วนะพวกนายเผ่าเจิ้นหลานตั้งตนเป็นศัตรูกับฉันให้รีบมอบตัวซะ ฉันสามารถละเว้นชีวิตให้ได้”

ชายผู้นั้นตะโกนตอบกลับ : “ชายชาติแห่งเผ่าเจิ้นหลานมีเพียงรบจนสิ้นชีพ ไม่มีทางยอมถอย!”

อู๋เป่ย : “เช่นนั้นหรือ ? เช่นนั้นฉันก็จะฆ่านายก่อน”

สิ้นคำ เขาจึงออกกระบวนท่าดาบแสง ฟันไปยังชายผู้นั้น กระบวนท่านี้ที่เขากำลังแสดงนั้นเป็นกระบวนท่าใหม่คือ แปดกระบวนท่าสังหารมังกร

“สวรรค์พิโรธ!”

ทันใดนั้น ชายวัยกลางคนสวมชุดหนังเสือก็ปรากฏตัวขึ้น คุกเข่าลงบนพื้นแสดงท่าทางขอร้องต่ออู๋เป่ย

ดาบแสงพลันสลาย อู๋เป่ยมองไปทางชายวัยกลางคน : “นายเป็นใคร?”

ชายคนนั้นรีบร้อนกล่าวตอบ : “ผมเป็นผู้นำของเผ่าเจิ้นหลาน ไมค์ . ลูกชายของผมไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ท่านเซียนโปรดอย่าได้ถือสา!”

เหลียวป้าเอ่ยเสียงสูง : “ท่านพ่อ ลูกไม่กลัวเขา!”

ไมค์โทสะพุ่งสูง : “เจ้าโง่ ดาบเทียนเหมิงของท่านเซียนต่อให้เจ้าจะเป็นต้าหลัวจินเซียนก็มิใช่คู่ต่อสู้ของท่านเซียน !”

ไมค์ผู้นี้นั้นมีสายตนนาที่ดี รู้ถึงความร้ายกาจของดาบเหทียนเหมิงในมือของอู๋เป่ย จึงได้รีบมาขอร้องชีวิตให้แก่ลูกของเขาเหลียวป้า

อู๋เป่ย : “ไม่มีดาบนี้ฉันก็สามารถฆ่าเขาได้เหมือนเดิม”

ไมค์ : “ขอรับพวกเราเผ่าเจิ้นหลานจะถอนทัพทีและไม่คิดต่อต้านอีกต่อไป”

อู๋เป่ยยิ้มเย็น : “เพียงถอนทัพไปเฉยๆ อย่างนี้หรือ ฉันจะไปพวกนายไปเช่นนี้?”

ไมค์ : “ท่านเซียน เผ่าเจิ้นหลานของเราตั้งอยู่ในดินแดนหนาวแน็บอันแร้นแค้น ไม่มีค่าอะไรหากท่านต้องการจริงๆ พวกเราเผ่าเจิ้นหลานยินยอมย้ายถิ่นฐานไปยังทีอื่น ”

อู๋เป่ย : “เรื่องการย้ายถิ่นฐานนั้นไม่จำเป็นหรอก แต่ว่าเผ่าเจิ้นหลานของพวกนายต้องยอมอยู่ภายใต้อำนาจของเทียนเต้าเหมิน แน่นอนว่าจากความยากจนข้นแค้นของเผ่าเจิ้นหลานทางเทียนเต้าเหมินไม่มีทางให้ส่งมอบสิ่งใด เพียบใช้ชีวิตของพวกนายต่อไปการยอมสวามิภักดิ์เช่นนี้ก็เป็นเพียงในนามก็เท่านั้น”

“เผ่าเจิ้นหลาน ไม่มีทางยินยอมสวามิภักดิ์ต่อผู้ใด!” เหลียวป้าผู้นั้นส่งเสียงกร้าว

อู๋เป่ยมองไปทางเขาแล้วกล่าว : “นายอวดดีเช่นนี้ ดูท่าแล้วไม่ยินยอม เช่นนั้นพวกเราสู้กันสักตั้ง ท่านผู้นำไม่ต้องกังวลใจไป ฉันไม่สังหารเขาหรอก”

ยาะกะนิ่งคิดขณะหนึ่ง ที่จริงแล้วเขานั้นอยากที่จะเห็นความสามารถของอู๋เป่ยเช่นเดียวกัน จึงได้พยักหน้าตกลง : “ก็ดี ขอท่านเซียนแสดงให้เขาเห็นสักหน่อยว่าสิ่งใดกันคือการต่อสู้ที่แท้จริง”

เหตุที่เขาเอ่ยเช่นนี้ ที่จริงแล้วหวังว่าอู๋เป่ยจะไม่ใช้ดาบเทียนเหมิง

อู๋เป่ยเก็บดาบเทียนเหมิง แล้วกล่าว : “ฉันจะใช้เพียงหมัดต่อสู้กับเขา”

อีกฝ่ายนั้นเป็นราชานักบู๊ แต่ตอนนี้ ณ เขาหอคอยเซียนหวู่เขานั้นเป็นจักรพรรดิศิลปะการต่อสู้สูงสุดเจ็ดดาว ตอนนี้เขานั้นไม่รู้ว่าความสามารถของเขานั้นเลื่อนไปถึงระดับไหนแล้วจึงมิได้เห็นเหลียวป้าผู้นี้อยู่ในสายตาเสียด้วยซ้ำ

เหลียวป้าก้าวขึ้นมาด้านหน้า เอ่ย : “ลงมือเถอะ!”

อีกด้านหนึ่ง อู๋เป่ยก็ได้เรียกไมค์และเหลียวป้ามาที่ตำหนักและถามเกี่ยวกับพื้นที่ต้องห้าม

ไมค์กล่าว : “ที่จริงแล้วบรรพบุรุษของเผ่าเจิ้นหลานเป็นผู้เฝ้าดูแลเขตต้องห้ามรุ่นแรก ต่อมาได้กำเนิดเพิ่มขึ้นจึงได้กลายมาเป็นเผ่าเจิ้นหลานในปัจจุบัน”

อู๋เป่ย : “เขตร้องห้ามคืออะไรกัน?”

ไมค์ : “เขตต้องห้ามได้ผนึกสัตว์วิญญาณน่ากลัวไว้ การมีอยู่ของพวกเราคือบอกเตือนแก่เหล่าผู้ที่บุกเข้ามาให้ออกไป บอกแก่พวกเขาถึงอันตรายเหล่านี้”

อู๋เป่ย : “สัตว์วิญญาณอะไรกัน?”

ยะกะหยิบหนังสือโบราณออกมา หนังสือโบราณเล่มนี้ทำจากหนังสัตว์ หลังจากเปิดหนังสือออกด้านบนนั้นมีภาพเหมือนภาพหนึ่งเมื่อเห็นภาพเหมือนนี้หัวใจของอู๋เป่ยก็สั่นไหว เขามองไปที่ภาพเหมือนนั้น จำได้ทันทีว่ามันคือ "กิเลนทมิฬ" สัตว์ผู้พิทักษ์อันดับสอง กิเลนทมิฬตัวนี้มีพลังแห่งความรอบรู้แปดสิบเอ็ดชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีพลังทำลายล้างโลกได้ ด้วยเหตุนี้มันจึงอยู่ในอันดับที่สองในบรรดาสัตว์ผู้พิทักษ์

อันดับเดียวกัยนแต่ขั้นนั้นต่างกัน ฉยงฉีไม่ใช่แม้แต่คู่ต่อสู้ของกิเลนทมิฬตัวนี้ แต่ว่าขั้นของฉยงฉีมีขั้นที่สูงยมากกว่าดังนั้นการจัดลำดับจึงสามารถกดกิเลนทมิฬลงได้

อู๋เป่ยเอ่ยถามเสียงเรียบ : “สัตว์วิญญาณตัวนี้ ถูกผู้ใดสะกดไว้ที่นี่กัน?”

ไมค์พลิกหนังสือไปอีกหน้า บนหนังสือเป็นชายผู้หนึ่ง

เขาหยหนังสือโบราณเล่มนั้นมาอ่านข้อความด้านหลังจึงได้รู้ความเป็นมาของชายผู้นี้ เขาผู้นี้เป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่งได้บุกเขาไปยังโลกปีศาจเพียงลำพังและได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก กิเลนทมิฬที่เป็นสัตว์พาหนะก็ได้ปนเปื้อนพลังปีศาจเช่นกันสุดท้ายได้กลายเป็นปีศาจอย่างสมบูรณ์ เขาทนไม่ได้ที่จะสังหารกิเลนทมิฬจึงใช้พลังที่เหลืออยู่กักขังกิเลนทมิฬไว้ ณ ที่นี้ กลายเป็นเขตต้องห้ามในปัจจุบัน ในหนังสือกล่าวว่าในตอนนั้นกิเลนทมิฬเป็นสัตว์ผู้พิทักษ์ลำดับที่ 12 แล้ว!

หนังสือโบราณนี้ไม่มีเนื้อหานอกเหนือจากนี้แล้วแต่ทำให้อู๋เป่ยมีความคิดมากมายเกิดขึ้น

เขาถาม : “หลังจากนั้นมีคนเข้าไปยังเขตต้องห้ามหรือไม่?”

ไมค์ถอนหายใจออกมาเบาๆ : “จะไม่มีได้อย่างไร นับเพียงที่ฉันเห็นด้วยตาตัวเองแล้วก็เจ็ดคน ในพวกเขาก็มี เซียนผู้เที่ยงแท้ ครึ่งก้าวขั้นต้าลัว ยังมีท่านหนึ่งขั้นเต้าจวินและมหาเทพท่านหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่มีใครสามารถออกมาได้ ”

อู๋เป่ยหรี่ตาลง หากแม้แต่มหาเทพและเต้าจวินยังไม่สามารถที่จะออกมาได้ เขตต้องห้ามนี้ย่อมเป็นที่ที่อันตรายมาก!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ