เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 1831

อู๋เป่ยใช้วิธีการของมหาเทพ และส่งต่อพลังศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองให้กับเหลิ่งหรูเยียน และด้วยความช่วยเหลือจากพลังวิหารศักดิ์สิทธิ์ช่วยให้ร่างกายและจิตวิญญาณของเธอมีพลังมากขึ้น ด้วยวิธีนี้ และแม้ว่าเหลิ่งหรูเยียนจะเป็นดั่งหินแกร่ง ก็สามารถก้าวเข้าสู่ชั้นพระเจ้าได้อย่างง่ายดาย

แน่นอนว่า การที่ช่วยให้เหลิ่งหรูเยียนกลายเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ อู๋เป่ยก็ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ไปส่วนหนึ่ง และพลังศักดิ์สิทธิ์ส่วนนี้ ใช้เวลาในการฝึกตนเป็นเวลาครึ่งปีก็ไม่สามารถกลับคืนมาได้ สิ่งนี้ทำให้ อู๋เป่ยไม่สามารถฝึกฝนผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่องได้ ท้ายที่สุดแล้ว มหาเทพผู้ทรงพลังที่สุดในอดีต ก็ได้ฝึกฝนผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้เพียงแปดร้อยคนเท่านั้น และยังไปไม่ถึงขอบเขตที่เรียกว่า“ผู้ศักดิ์สิทธิ์พันคน”

เวลาในวิหารศักดิ์สิทธิ์นั้นแตกต่างจากเวลาของโลกภายนอก ข้างนอกผ่านไปเพียงหนึ่งวัน แต่เหลิ่งหรูเยียนที่อยู่ข้างในนั้นผ่านไปสามปีแล้ว ในช่วงสามปั้น เธอฝึกตนอย่างต่อเนื่อง การฝึกขั้นปรับร่างกาย พัฒนาจิตวิญญาณ และฝึกฝนวิชายุทธ์อริยมรรคที่อู๋เป่ยถ่ายทอดให้

ในที่สุด ในปีที่สาม เธอก็ได้กลายเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ และบรรลุถึงขั้นที่สองของขั้นจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของผู้ศักดิ์สิทธิ์โดยตรง

เมื่อเดินออกจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ ร่างกายของเหลิ่งหรูเยียนก็ปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ออกมา เมื่อเธอเห็นอู๋เป่ยอีกครั้ง ความรู้สึกก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เธอเห็นอู๋เป่ยนั้นสูงหนึ่งหมื่นฟุต ยืนสูงตระหง่าน มีเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทองลุกไหม้อยู่รอบๆกายเขา มีแสงศักดิ์สิทธิ์นับหมื่นส่องประกายอยู่ข้างหลังเขา และร่างกายของเขาดูเหมือนจะมีพลังอันไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้เมื่อเธอเห็นแล้วรู้สึกยอมจำนน

เธอตะลึงและพึมพำว่า :“ซวนเป่ย ไม่คิดว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ถ้าข้าไม่ได้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ข้าคงไม่มีวันเข้าใจเรื่องความแข็งแกร่งของเจ้าไปตลอดชีวิต”

อู๋เป่ยยิ้มและพูดว่า :“เจ้าพยายามฝึกตน ต่อไปก็จะแข็งแกร่งเหมือนข้า”

เหลิ่งหรูเยียนเดินเข้ามากอดเขาแล้วพูดเบาๆว่า :“จนกระทั่งตอนนี้ข้าเพิ่งเข้าใจ ซวนเป่ย จื่อยีและคนอื่นๆต่างก็มีลูกกับเจ้า พวกเราก็ให้กำเนิดผู้ศักดิ์สิทธิ์ตัวน้อยกันดีไหม?”

อู๋เป่ยแตะจมูกของเขา แล้วพูดว่า :“อืม ให้กำเนิดผู้ศักดิ์สิทธิ์ตัวน้อย ก็ไม่เลวเหมือนกัน”

เหลิ่งหรูเยียนรีบดึงตัวเขากลับเข้าไปในห้อง พวกเขาคนหนึ่งคือผู้ศักดิ์สิทธิ์ อีกคนคือมหาเทพ เมื่อร่วมหลับนอนกัน ก็เป็นเรื่องที่น่าสำราญ ซึ่งชายและหญิงธรรมดาทั่วไปไม่สามารถรับรู้ถึงมันได้

วันรุ่งขึ้น อู๋เป่ยเดินออกมาจากห้อง แล้วพูดว่า :“หรูเยียน ข้าสอนการปรุงยาให้เจ้าด้วยละกัน ช่วงนี้เจ้าก็พยายามฝึกการปรุงยาอายุวัฒนะ ส่วนข้าจะเดินทางไปที่ลัทธิเซียนไท่ชิง”

หลังจากพูดคุยกับเหลิ่งหรูเยียนแล้ว เขาก็กลับไปที่ตำหนักดาบคุนหลุนเพื่อตามหาหลานซิน และทั้งสองก็กลับไปที่ลัทธิเซียนไท่ชิง

เซียนเพียวเมี่ยวรู้ว่าพวกเขากำลังมา และกำลังรออยู่พร้อมกับบรรพบุรุษซวินตูแล้ว

เมื่อทั้งสองฝ่ายพบกัน อู๋เป่ยก็เข้ามาแสดงความเคารพ

บรรพบุรุษซวินตู ยิ้มแล้วพูดว่า :“ซวนเป่ย เจ้ามาได้เวลาพอดี ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”

อู๋เป่ย :“อาจารย์ปู่โปรดชี้แนะ”

เพียวเมี่ยว :“ข้าเป็นคนพูดเอง ซวนเป่ย เจ้าก็รู้ดี โลกแห่งไท่ชิงของเราเป็นระดับที่ต่ำที่สุด ด้านบนยังมีโลกแห่งซ่างชิงกับโลกแห่งอวี้ชิง เจ้าเข้าใจความแตกต่างของโลกอันยิ่งใหญ่ทั้งสามนี้หรือไม่?”

อู๋เป่ย :“ข้าเคยได้ยินหยวนเห่อพูดว่า ไท่ชิงคือสถานที่ฝึกเซียนอมตะอันล้ำค่า ซ่างชิงคือสถานที่ทำให้กลายเป็นเซียน อวี้ชิงคือสถานที่กลายเป็นเซียนอย่างแท้จริง”

เพียวเมี่ยว :“สิ่งที่เขาพูดมันเกินจริงไปหน่อย แต่ก็ไม่ผิด อาณาจักรไท่ชิง มีการสืบทอดวิถีเซียนมากมาย อาณาจักรซ่างชิงมีการสืบทอดผู้เที่ยงแท้โบราณและผู้ศักดิ์สิทธิ์ อาณาจักรอวี้ชิงมีการสืบทอดผู้ศักดิ์สิทธิ์และนักปราชญ์จากทุกยุคทุกสมัย”

บรรพบุรุษซวินตู :“จริงๆแล้ว ภายในโลกแห่งซ่างชิงมีระบบการฝึกตนของตนเอง แม้ว่าข้าจะไปที่นั่น ก็ต้องทำการแจ้งให้ทราบก่อน”

อู๋เป่ยเบิกตากว้าง :“แม้แต่อาจารย์ปู่ไปก็ต้องแจ้งให้ทราบก่อนหรือ?”

บรรพบุรุษซวินตู :“นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาแห่งความเป็นความตาย ยอดฝีมือแห่งโลกแห่งซ่างชิงก็จะมาสนับสนุนเราด้วย”

อู๋เป่ย :“สิ่งที่อาจารย์ปู่พูดนั้น เกี่ยวข้องกับซ่างชิงหรือเปล่า?”

บรรพบุรุษซวินตูพยักหน้า :“ใช่แล้ว ทุกๆร้อยปี เราสามารถส่งคนหนึ่งคนเข้าไปในโลกแห่งซ่างชิง เพื่อเข้าร่วมสมัชชาซ่างชิง”

อู๋เป่ยคิดในใจว่าบังเอิญจัง แล้วพูดว่า :“ข้ารู้จักจางอวี้หวง แล้วเซินพั่วเซียวล่ะ?”

เซียนเพียวเมี่ยว :“เซินพั่วเซียวเป็นผู้มีความสามารถอันดับต้นๆของขอบเขตรอบโลก เขามีชื่อเสียงมากในขอบเขตรอบโลกนั้น และโด่งดังมากกว่าชื่อเสียงของซวนเป่ยที่อยู่ที่นี่”

เซียนเพียวเมี่ยวหัวเราะ :“ข้าคงกังวลมากเกินไปแล้ว ซวนเป่ย ความแข็งแกร่งไม่ได้ด้อยไปกว่าอาจารย์เลย จะเกรงกลัวพวกเขาได้อย่างไร?”

เขาถามว่า :“อาจารย์ปู่ เจ้าจะเข้าร่วมการประชุมซ่างชิงเมื่อใด?”

บรรพบุรุษซวินตู :“มีเวลาไม่ถึงสามเดือน ในระหว่างนี้ เจ้าควรฝึกฝนให้หนัก และพัฒนาระดับพลังยุทธ์ของเจ้า ทางที่ดีที่สุดให้บรรลุอยู่ในขั้นราชาผู้ศักดิ์สิทธิ์ ราชาผู้เที่ยงแท้ ทั้งสองขั้นแบบนี้”

อู๋เป่ยพูดว่า :“ราชาผู้ศักดิ์สิทธิ์ค่อนข้างยาก แต่ข้าถึงขั้นราชาผู้เที่ยงแท้แล้ว”

หลังจากพูดคุยกันสักพัก บรรพบุรุษซวินตูก็เอ่ยถึงเรื่องการปรุงยา เขาหยิบสูตรยาอายุวัฒนะออกมา แล้วถามอู๋เป่ยว่าสามารถปรุงยาได้ไหม เขามองดูและพบว่าหากมีวัตถุดิบยา เขาก็สามารถลองปรุงยาเหล่านี้ได้

หลังจากรับปากบรรพบุรุษซวินตูแล้ว เขาก็ตามเซียนเพียวเมี่ยวไปยังโลกแห่งเพียวเมี่ยว

เมื่อมาถึงตำหนักเซียนเพียวเมี่ยว เซียนเพียวเมี่ยวยิ้มแล้วพูดว่า :“ซวนเป่ย อีกประเดี๋ยวไปพบศิษย์น้อง(ผู้หญิง)ของเจ้า”

อู๋เป่ยประหลาดใจมาก :“อาจารย์รับศิษย์อีกแล้วหรือ?”

หลานซินยิ้มแล้วพูดว่า :“ศิษย์น้อง ศิษย์น้อง(ผู้หญิง)ของเราถูกอาจารย์ปู่เรียกว่าอัจฉริยะ เจ้าจะประหลาดใจเมื่อได้พบกับเธอ”

หลังจากได้ยินสิ่งที่เธอพูด อู๋เป่ยก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น และพูดว่า :“ศิษย์น้อง(ผู้หญิง)ล่ะ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ