เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 1902

ชายคนนั้นเอื้อมมือมาหวังจะจับตัวอู๋เป่ย แต่เมื่อมือของเขายื่นเข้ามาก็ถูกอู๋เป่ยจับไว้เสียก่อน จากนั้นก็จับเขากดลงไปบนพื้น

เข่าของเขาพาดอยู่บนหลังของชายผมเหลือง เจ็บปวดจนต้องร้องขอชีวิต

“แกกล้ามากนะที่มาขู่ฉัน!”

ในขณะที่เขาพูดไป เขาก็หักไหล่ทั้งสองข้างของชายผมเหลืองจนเกิดเสียง ‘กร็อบ’ ชายคนนั้นเจ็บจนอยู่ในสภาพที่ตายแหล่ไม่ตายแหล่

ส่วนคนที่เหลือก็ต่างพากันตกใจ จนชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “แกรู้หรือเปล่าว่าคนที่แกทำร้ายเป็นใคร?แกเตรียมตัวตายได้เลย!” เมื่อพูดจบทุกคนก็ลุกฮือขึ้นมา

จุยเตี้ยนเอ่ยขึ้นมาอย่างราบเรียบ “ที่แบบนี้ไม่น่าจะมีคนที่มีฝีมือแน่นอน พวกเราพักกันก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวค่อยมาจัดการกับพวกนี้”

อู๋เป่ยหัวเราะ “จุยเตี้ยน ดูเหมือนแกจะเกลียดและขุ่นเคืองใจกับพวกมันมากนะ”

จุยเตี้ยนถอนหายใจออกมา “นายท่านคนเก่าของผม ก็โดนพวกมันฆ่าตายที่นี่แหละ เรื่องนี้คงต้องโทษผมเอง ผมให้เงินเขาไปส่วนหนึ่ง พอพวกมันเห็นเงินก็เลยเกิดความโลภ”

อู๋เป่ย “ฆ่าตาย?”

จุยเตี้ยนพยักหน้าลงเบาๆ “ถนนเส้นนี้มีตระกูลหนึ่งชื่อว่าตระกูลเอ้อ ไม่แน่ว่าเมื่อกี้ก็อาจจะมีคนที่เป็นหนึ่งในตระกูลเอ้อ”

อู๋เป่ยยิ้มและถามขึ้น “แกอยากแก้แค้น?”

จุยเตี้ยนเงียบไปชั่วครู่ “ถ้ามีโอกาส ก็ช่วยผมสั่งสอนไอ้พวกสารเลวพวกนั้นหน่อย”

อู๋เป่ยพยักหน้า “ไม่มีปัญหา”

จุยเตี้ยนกล่าวเสริมอีกเล็กน้อย “ใช่แล้ว ที่คนของตระกูลเอ้อออกมาอาละวาดตามตลาดได้ ก็เพราะว่าตระกูลนี้มีอัจฉริยะคนหนึ่งที่มีพลังยุทธ์สูงมาก”

อู๋เป่ย “สูงแค่ไหน?”

จุยเตี้ยน “เขาชื่อว่าเอ้อเฟย ฝึกตนไปถึงระดับที่ห้าแล้ว แล้วก็มีทหารเทพที่แข็งแกร่ง”

อู๋เป่ย “เช่นนั้นก็ไม่เท่าไหร่หรอก แกวางใจเถอะ ฉันจะแก้แค้นให้แกเอง”

เมื่อเข้ามาพักในโรงแรมแล้ว อู๋เป่ยก็ให้โรงเหล้าที่อยู่ตรงข้ามมาเสิร์ฟอาหาร กินไปได้ไม่กี่คำ ก็เกิดเสียงโวกเวกโวยวายขึ้นที่หน้าประตูโรงแรม

“คนที่อยู่ข้างในไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”

อู๋เป่ยวางตะเกียบลง และกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ “น่าจะเป็นพวกตระกูลเอ้อ”

เขาเดินมาที่หน้าประตู ก็เจอเข้ากับคนนับสิบกว่าคนที่ยืนเบียดเสียดกันอยู่ที่หน้าประตู เจ้าของโรงแรมก็ไม่กล้าที่จะออกไป เหล่าแขกคนอื่นๆก็ไม่กล้าออกไปเช่นกัน

เมื่อเห็นอู๋เป่ย ชายผมเหลืองที่ได้รับบาดเจ็บคนนั้นก็ตระโกนเสียงดัง “เสี่ยวเฟย คนนี้แหละ!”

คนที่ถูกเรียกว่าเสี่ยวเฟยก็ก้าวออกมา และก็เป็นเอ้อเฟยคนของตระกูลเอ้อคนนั้นพอดี เขาแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “เจ้าหนู กล้ามากนะที่มาแตะต้องคนของตระกูลเอ้อ คิดไว้หรือยังว่าจะตายยังไง?”

อู๋เป่ย “ฉันน่าจะต้องเป็นฝ่ายพูดประโยคนี้มากกว่านะ ว่าแกอยากจะตายยังไง?”

เอ้อเฟยใช้มือขวาขว้างมีดบินขึ้นไปจนหมุนกลางอากาศ ความยาวของมีดนี้ประมาณหนึ่งนิ้ว บนใบมีดมีเงาวับ เขาขยับมือขวาของเขาเบาๆ มีดบินนั้นก็กลับมาหมุนอยู่รอบๆนิ้วมือของเขา เร็วขึ้นเรื่อยๆ

เขาถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็น “มีดบินของฉันเนี่ย พอมันบินออกไปแล้วก็ต้องมีคนตาย เจ้าหนูอยากโดนปาดคอหรือโดนควักลูกตาออกมาดีล่ะ?”

อู๋เป่ยเอ่ยเสียงเรียบ “มีดบินของแกทำอะไรฉันไม่ได้หรอก แกลองดูสิ”

เอ้อเฟยส่ายหัว “ปากแกนี่ดีใช้ได้เลยนะ งั้นฉันตัดปากแกก่อนเลยดีกว่า!”

พูดจบ มีดบินนั่นก็ลอยมาราวกับสายฟ้า เกิดเป็นลำแสงที่ลอยมาหาอู๋เป่ย

จุยเตี้ยน “อืม ได้สิ มาอยู่ที่นี่ก็ดีกว่าต้องใช้เวลาอยู่บนถนน ”

หลังจากนั้น อู๋เป่ยจึงได้อยู่ที่นี่ชั่วคราว และด้วยความซาบซึ้งใจของเจ้าของโรงแรม เขาจึงไม่เก็บค่าห้อง นอกจากนี้ร้านอาหารฝั่งตรงข้ามยังส่งอาหารให้เขาสามมื้อทุกวัน ซึ่งล้วนเป็นอาหารขึ้นชื่อทั้งนั้นอีกทั้งยังไม่คิดเงินเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่ออู๋เป่ยถามว่าใครเป็นคนส่งมาให้ เจ้าของร้านอาหารก็บอกว่าแต่ละวันนั้นไม่ซ้ำคนกันเลย

อู๋เป่ยจึงไม่สนใจใดๆอีก วันๆเขากินดื่มและฝึกตน

เจ็ดมิติอาณาจักรแกนมหัศจรรย์และมิติทหารเทพ เรียกว่ามิติหลิงเว่ย มิติหลิงเว่ยนี้จะเปิดเส้นลมปราณวิญญาณทั้งร่าง เปิดใช้ทะเลจิตวิญญาณและยังสามารถนำวิชาจิตวิญญาณมาแปลงเป็นส่วนหนึ่งของพลังงานในร่างกายและเก็บเอาไว้ในทะเลจิตวิญญาณ ยิ่งวิชาจิตวิญญาณมีพลังยุทธ์มาก หลิงเว่ยก็จะยิ่งแข็งแกร่ง เมื่อหลิงเว่ยแข็งแกร่งถึงระดับที่แน่นอนแล้ว ก็จะสามารถเปลี่ยนโครงสร้างของทุกสรรพสิ่ง และสร้างความว่างเปล่าให้กลายเป็นจริงได้

วิชาจิตวิญญาณการฝึกตนยิ่งยอดเยี่ยมเท่าไหร่ หลิงเว่ยก็จะยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น

แต่การฝึกตนในมิติหลิงเว่ยไม่ใช่เรื่องง่าย ขั้นแรกจะต้องเชื่อมต่อเส้นลมปราณวิญญาณโดยรอบร่างกายให้เข้ากันเสียก่อน ในช่วงเวลานั้น ซึ่งการจะเปิดเส้นลมปราณวิญญาณเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก เพราะเส้นลมปราณวิญญาณนั้นเล็กและละเอียดมาก และจะต้องเชื่อมเส้นลมปราณวิญญาณเข้ากับทุกส่วนของพลังงานร่างกาย

ในตอนที่สื่อสารกับจิตวิญญาณอู๋เป่ยได้ค้นพบว่า จากการที่เขาเปิดลมปราณจิตวิญญาณทั้งสิบสองนั้น ทำให้สามารถเปิดใช้เส้นลมปราณวิญญาณได้อย่างครบถ้วน สามารถเชื่อมกันทั้งร่างกาย อีกทั้งผู้บำเพ็ญคนอื่นที่ต้องการสื่อสารกับจิตวิญญาณก็ไม่ได้สามารถทำได้อย่างราบรื่นแบบเขา บางคนก็เปิดลมปราณจิตวิญญาณได้แค่สามส่วน บางคนก็ห้าส่วน ซึ่งคนส่วนมากมักจะเปิดได้แค่หนึ่งส่วนเท่านั้น

อู๋เป่ยมีพลังจิตวิญญาณที่อยู่ในระดับที่สูง แน่นอนว่าการสื่อสารกับจิตวิญญาณย่อมง่ายกว่าคนอื่นเป็นธรรมดา เขาใช้เวลาไปเพียงแค่สองวันครึ่ง ก็สามารถเปิดเส้นลมปราณวิญญาณพื้นฐานได้ทั้งร่างกาย และทำให้พลังจิตวิญญาณทั้งร่างรวมกันอย่างเป็นระบบ เมื่อระบบนี้ปรากฏขึ้น เขาก็จะสามารถเปิดทะเลจิตวิญญาณได้อย่างง่ายดาย

ทะเลจิตวิญญาณเป็นสถานที่เก็บหลิงหยวน ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถสร้างพลังจิตวิญญาณเพิ่มได้อีกด้วย ถ้าได้ใช้ทะเลจิตวิญญาณแล้ว ก็จะสามารถต่อสู้ได้อย่างยาวนานโดยไม่สูญเสียพลัง

แน่นอนว่าเส้นลมปราณวิญญาณและทะเลจิตวิญญาณเป็นแค่เงื่อนไข สุดท้ายแล้วเป้าหมายก็คือไปฝึกพลังจิตวิญญาณให้มีหลิงเว่ยที่แข็งแกร่ง เขาฝึกมาได้ถึงประตูพลังจิตวิญญาณระดับเจ็ดแล้ว ยามนี้อู๋เป่ยต้องเร่งระดมพลังจิตวิญญาณทั้งหมดที่มีในตัวเขา หลอมรวมและค่อยๆควบแน่นเข้าด้วยกันเป็นมือขนาดใหญ่ กระจายตัวอยู่ในทะเลจิตวิญญาณ ซึ่งมันเป็นจุดรวมตัวของจิตวิญญาณ กลายเป็นมือไล่วิญญาณ!จากนั้นพลังของอู๋เป่ยก็เพิ่มขึ้น พลังจิตวิญญาณเพิ่มขึ้น และพลังของมือไล่วิญญาณเองก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน

เมื่อมือไล่วิญญาณปรากฏ ก็เกิดหลิงเว่ยรอบตัวของอู๋เป่ย มันเกิดมาจากพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง และเกิดจากพลังของมือไล่วิญญาณที่แข็งแกร่ง

เมื่ออู๋เป่ยฝึกมือไล่วิญญาณสำเร็จ ก็กินเวลาไปกว่าเก้าวันแล้ว ตอนนี้นับตั้งแต่เขามายังโลกนี้ เวลาก็ล่วงเลยไปกว่ายี่สิบห้าวันแล้ว

จุยเตี้ยน “ต่อไปท่านต้องฝึกพลังจิตวิญญาณให้มากขึ้น และก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อแล้ว พวกเราเดินทางไปเมืองห้าจักรพรรดิกันต่อเถอะ”

อู๋เป่ย “ได้ พวกเรารีบเดินทางไปเมืองห้าจักรพรรดิกันต่อ!“

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ