มือขวาของอู๋เป่ยเอื้อมออกไปดึงมีดสั้นกลับมาไว้ข้างตัวของเขา
จุยเตี้ยนวิ่งไปดูที่หน้าตัดของแผ่นหิน ก็เกิดความตกใจพร้อมกับกล่าวขึ้น “ดาบนี่สุดยอดมาก!คุณเห็นลายเส้นพวกนี้มั้ย?มันสร้างขึ้นมาจากแรงสั่นสะเทือนของจิตวิญญาณ ซึ่งถ้าดาบนี้ตกอยู่ภายใต้แรงสั่นสะเทือนของจิตวิญญาณ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากมันจะสูญเสียการต่อสู้ทันที”
อู๋เป่ยพยักหน้า “พลังทำลายล้างของทหารเทพนั้นแข็งแกร่งมาก ผมได้ฝึกวิชาดาบจนถึงระดับสวรรค์ก่อนจะมาที่นี่ ก็เลยพอจะเข้าใจหลักการของวิชาดาบอยู่บ้าง”
จุยเตี้ยนกล่าว “พลังวิญญาณนั้นมีการใช้ที่หลากหลาย ภายภาคหน้าคุณก็จะมีประสบการณ์มากขึ้นเอง”
อู๋เป่ยเพิ่งพักไปได้ชั่วครู่ หวงเหวินชางก็มาอีก ครั้งนี้เขานำตะกร้าผลไม้มาด้วย พร้อมกับยิ้มและกล่าวขึ้น “น้องชาย ฉันเพิ่งไปเก็บผลไม้สดๆ เอามาให้นายชิม”
“ขอบคุณมากคุณพี่หวง” อู๋เป่ยกล่าว
หวงเหวินชางหยิบผลไม้ขึ้นมาวางบนโต๊ะ จากนั้นก็มองไปที่จุยเตี้ยนที่อยู่ในสำนักด้วยเช่นกัน “ถ้าม้าตัวนี้ชอบกิน ฉันจะให้คนเอามาให้อีก”
อู๋เป่ยหัวเราะ “ไม่ต้องหรอก มันไม่ชอบกินผลไม้” ในขณะที่กล่าวไป ก็ไปหยิบผลไม้มากัดไปหนึ่งคำ
เมื่อเห็นเขากินๆไป หวงเหวินชางก็ลอบถอนหายใจและยิ้มขึ้น “น้องชาย ฉันได้เตรียมเหล้าและอาหารมาด้วย เดี๋ยวพวกเรามาดื่มกันสักหน่อยเถอะ แล้วก็ถือโอกาสให้ฉันได้แนะนำให้นายรู้จักกับฉวนจื่อหยวนซิง”
อู๋เป่ย “ได้สิ”
เมื่อเห็นว่าอู๋เป่ยกินผลไม้ไปได้สองลูก หวงเหวินชางก็ได้ปลีกตัวออกไป
เมื่อหวงเหวินชางเดินออกไป อู๋เป่ยก็ได้อาเจียนเอาผลไม้ที่กินไปในท้องออกมา ตอนที่เขากินนั้นพลังวิญญาณนั้นได้ห่อหุ้มมันเอาไว้ จึงทำให้ตัวเขาไม่ได้สัมผัสกับมัน จึงไม่ได้โดนพิษแต่อย่างใด
จุยเตี้ยนกล่าว “เดี๋ยวในอาหารกับเหล้าน่าจะใส่ยาอีกตัวเข้าไป”
อู๋เป่ยกล่าวเสียงเรียบ “อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด”
ผ่านไปไม่นาน เขาก็มาถึงในงานเลี้ยงของหวงเหวินชาง ลูกชายของหวงเหวินชางอย่างหวงหยวนซิงก็อยู่เช่นกัน แววตาของหวงหยวนซิงนั้นแสนเหยือกเย็น เขาเพียงกล่าวทักทายอู๋เป่ยและก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดต่อ
ทางด้านหวงเหวินชางก็ได้รินเหล้าให้อู๋เป่ยด้วยตนเอง และยิ้มให้ “น้องชาย พวกเราได้มารู้จักกันเช่นนี้ นับว่าเป็วาสนาต่อกันยิ่งนัก มา ฉันจะรินให้นายสามแก้ว!”
เหล้านั้นถูกเทออกมาจากเหยือกเดียวกันจึงทำให้ไม่มีใครสงสัย
อู๋เป่ยดื่มติต่อกันสามแก้วจนหมดเกลี้ยง หวงเหวินชางที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ่งระบายยิ้มออกมากว้างขึ้น เขาหยุดพูดคุยไปชั่วครู่เพื่อรอดูยาออกฤทธิ์
ทันใดนั้นอู๋เป่ยก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย จึงกล่าวขึ้น “พี่หวง จู่ๆผมก็รู้สึกไม่ค่อยสบาย”
ดวงตาของหวงเหวินชางนั้นเป็นประกายขึ้นมาทันที “จริงเหรอ?ไม่สบายตรงไหน?”
อู๋เป่ย “รู้สึกว่าร่างกายไม่มีแรง”
จู่ๆหวงเหวินชางก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “ไม่มีแรงก็ถูกแล้วล่ะ!”
ในขณะที่เขาพูด ก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับที่มีชายสองคนที่มีท่าทางที่ห้าวหาญเดินมาจับอู่เป่ยไว้
อู๋เป่ยถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว แล้วกล่าวออกมาเสียงเรียบ “พี่หวงนี่มันหมายความว่ายังไงกัน?”
หวงเหวินชางหัวเราะเสียงเย็น “น้องชาย นายได้โดนยาที่ฉันซื้อมาด้วยราคาที่สูงลิบเลยล่ะ มันจะทำให้นายจะไร้เรี่ยวแรงภายในสามวัน จนกลายมาเป็นเหยื่อในกำมือของฉันเลยล่ะ”
อู๋เป่ย “พี่คิดจะทำอะไร?”
หวงหยวนซิงลุกขึ้นยืนพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ “คุณคงจะเคยได้ยินวิชายึดจิตวิญญาณใช่ไหม?”
อู๋เป่ย “นายคิดจะใช้มันกับฉันงั้นเหรอ?”
หวงหยวนซิง “ถูกต้องแล้ว วิชาจิตวิญญาณระดับเจ็ดนั้นยากมากที่ไปถึง ถ้าผมไปถึงจุดนั้นได้ ผมก็จะสามารถแก้แค้นได้”
อู๋เป่ยถอนหายใจออกมาพร้อมกับเอ่ยขึ้น “ถึงแม้ว่าฉันจะเดาถูกว่านายจะลงมือ แต่พอเรื่องมันเกิดขึ้นจริงๆแล้วฉันก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่เหมือนกัน”
หวงเหวินชาง “น้องชาย วางใจเถอะ ฉันจะเหลือร่างของนายไว้แน่นอน!”
วิชายึดจิตวิญญาณนี้ถือว่าเป็นวิชาที่ชั่วช้ามาก เมื่อได้ใช้แล้ว ผู้ที่โดนวิชายึดจิตวิญญาณถึงแม้จะไม่ตายแต่ก็จะกลายเป็นคนพิการ ที่จำไม่สามารถฝึกตนขึ้นมาได้อีก
อู๋เป่ยยื่นมือขวาออกมา กลางฝ่ามือของเขาปรากฏเป็นพลังสายฟ้า
เมื่อเห็นเช่นนี้ หวงเหวินชางก็ตกใจเป็นอย่างมาก และกล่าวขึ้น “แกเป็นอะไร?”
“ง่ายมาก ก็แค่ว่าทางที่ผมเลือกมาไม่ค่อยมีคนผ่าน ที่นี่คนผ่านไปผ่านมาน้อยการดักปล้นเลยน้อยไปด้วย อีกทั้งปกติแล้วผู้ที่จะผ่านเส้นทางเล็กๆนี่มักจะเป็นคนที่ไม่ได้มีเงินทองมากมาย”
เมื่อพูดจบ เขาก็พูดเสริมต่อ “หรือถึงจะมีโจรก็ไม่เป็นไร ผมก็จะแค่นอนแกล้งตายอยู่ที่พื้น ส่วนคุณก็รีบหนีไปให้เร็วที่สุด แล้วเราค่อยไปเจอกันที่เมืองห้าจักรพรรดิ”
หลังจากจุยเตี้ยนวิ่งมากว่าร้อยกิโล ก็สู่ถนนเล็กๆเส้นหนึ่ง ยามนี้ก็ใกล้มืดเต็มที อู๋เป่ยเลยแนะนำให้หาที่พักสักหน่อย ซึ่งก็ประจวบเหมาะที่ข้างหน้าไม่ไกลเป็นถนนที่มีตลาดรอบข้าง
ตลาดนี้เกิดขึ้นมาเอง เนื่องจากแถวนี้มีผู้คนที่อยู่ในเหมือง เลยทำให้มีคนสัญจรไปมา จึงค่อยๆมีตลาดเกิดขึ้น
ถนนเส้นนี้มีความยาวกว่ากิโลเมตร ส่วนพื้นที่ด้านหลังตลาดก็เป็นบ้านที่คนอาศัยอยู่
เมื่อมาถึงที่ตลาดแล้ว อู๋เป่ยก็ถูกดึงดูดจากร้านเหล้าที่อยู่ด้านข้างตลาดเข้า กลิ่นเหล้านี้ช่างแปลกนัก เขาเอ่ยกับม้าของเขา “จุยเตี้ยน เราหาอะไรกินกันสักหน่อยเถอะแล้วค่อยหาที่พัก”
จุยเตี้ยน “หาที่พักก่อนเถอะ แล้วค่อยไปหาอะไรกิน”
อู๋เป่ย “ก็ได้”
แล้วเขาก็ได้ผ่านมาที่โรงแรมหนึ่ง เขาจึงขี่มาเข้าไป
เมื่อเข้ามาที่หน้าประตุของโรงแรมนั้น ก็พบกับคนสามคนที่ดูท่าทางไม่น่าไว้ใจเดินเข้ามา พวกเขาสังเกตไปที่ม้าที่อู๋เป่ยกำลังขี่อยู่ รวมถึงหีบห่อที่อยู่บนหลังม้า ทันใดนั้นก็เกิดความคิดชั่วร้ายขึ้น
ชายคนผมสีเหลืองเอ่ยขึ้นเสียงดัง “ไอ้คนชั่ว แกกล้าดียังไงมาขโมยม้าของนายท่าน แกรนหาที่ตายใช่ไหม?”
อู๋เป่ยงงงวยไปชั่วครู่ ขโมยม้า? แต่ผ่านไปสักครู่เขาก็เข้าใจได้ทันที อีกฝ่ายตั้งใจใส่ร้ายเขา เพื่อต้องการยึดม้าของเขาไป รวมถึงของต่างๆบนหลังม้าด้วย
เขาลงมายืน แล้วหันไปมองคนที่พูดพร้อมกับถามขึ้น “คุณแน่ใจเหรอว่านี่เป็นม้าของคุณ?”
ชายผมเหลืองคนนั้นตอบเสียงดัง “แน่นอน!”
อู๋เป่ย “ในเมื่อม้าตัวนี้เป็นของคุณ งั้นคุณก็คงจะต้องรู้ว่าของที่อยู่บนหลังม้าคืออะไร?”
ชายผมเหลืองหัวเราะเยาะ “คืออะไร ฉันคงไม่ต้องบอก ไอ้หัวขโมย รีบจับมันเร็วเข้า!” ในขณะที่พูด ชายคนนั้นก็วิ่งเข้ามาหวังจะฆ่าอู๋เป่ย

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
เรื่องนี้ไม่มีเปิดให้อ่านฟรีประจำวันแล้วเหรอครับ *-*...
ทำไมบางตอนถึงสั้นจังครับ...
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...