จากนั้นก็มีเงาของคนคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในห้อง และทันใดนั้นทุกคนก็ลงไปอยู่ที่พื้นในพริบตาเดียว รวมถึงสองคนที่กำลังจะไปจับตัวหันเสวี่ยฉีด้วยเช่นกัน
ในขณะที่เหล่าผู้คุ้มกันยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆกลับมา คนพวกนั้นก็ถูกอู๋เป่ยจัดการหมดเรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างพากันชื่นชม “ฝีมือของผู้คุ้มกันอู๋ดีมากๆ !”
อู๋เป่ยปัดเศษดินเศษฝุ่นบนตัวออก จากนั้นกล่าวขึ้น “พวกมันรู้ว่ามันไม่มีทางชนะเราได้ เลยต้องเล่นสกปรกแบบนี้ ต่อไปพวกเราต้องระวังตัวแล้วล่ะ”
เขาเดินไปดูที่หลังครัวก็พบว่าคนในครัวตายกันหมดแล้ว ส่วนเด็กเสิร์ฟนั้นก็เป็นลมอยู่ล้มลงไปที่พื้น
อู๋เป่ยไม่อยากเปลี่ยนร้านแล้ว จึงต้องลงมือทำอาหารด้วยตัวเองให้ทุกคนกิน
เมื่อกินอาหารเสร็จ ทุกคนก็ออกเดินทางต่อ สองวันหลังจากนี้ก็หวังว่าไม่มีความเสียใดๆเกิดขึ้นแล้ว และตระกูลหมาป่าก็ไม่ได้ส่งคนมีอีก
ระยะทางจากเมืองเหล็กดำตอนนี้เหลือเพียงไม่ถึงสองร้อยกิโลเมตร รถม้าก็ค่อยๆเคลื่อนไปอย่างไม่รีบร้อน
อู๋เป่ยที่ยังนั่งอยู่ในรถม้า กล่าวขึ้นมาอย่างติดตลก “หัวหน้าคุ้มกัน ฝ่ายนั้นคงจะยอมแพ้ไปแล้วแหละ พวกเราก็คงยังต้องส่งผู้คุ้มกันปลอมไป ซึ่งก็ไม่รู้ว่าผู้คุ้มกันที่แท้จริงอยู่ที่ไหน?”
หันเสวี่ยฉี “เธอไปถึงตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนแล้ว แต่แค่ยังไม่ได้พบกับคนตระกูลหยาง ภารกิจของพวกเรายังมีอีกอย่างหนึ่งก็คือพาคุณหนูปาส่งไปให้ถึงมือตระกูลหยาง”
อู๋เป่ย “ถ้าเช่นนั้น ในตอนที่สลับตัวก็อันตรายน่ะสิ?และท่ามกลางความอันตรายนั้นก็เป็นพวกเราหน่วยคุ้มกันที่ต้องรับผิดชอบ?”
หันเสวี่ยฉี “ถูกต้องแล้ว ตระกูลหลางใช้ความพยายามอย่างมากที่จะตามฆ่าพวกเราระหว่างทางหลายพันกิโลเมตรที่ผ่านมา แล้วนับประสาอะไรกับตอนเปลี่ยนคน ดังนั้นตอนนี้ฉันได้จัดเตรียมที่ๆปลอดภัยเอาไว้ให้คุณหนูปาเรียบร้อยแล้ว ถ้าพวกเราไปถึงก็ส่งเธอไปที่ตระกูลหยางได้เลย”
อู๋เป่ย “พอความลับถูกส่งไปที่ตระกูลหยางก็ไม่ใช่ว่าเสร็จสิ้นแล้วเหรอ?”
หันเสวี่ยฉี “ฉันเชื่อใจแค่คนของพวกเรา คนของตระกูลหยางนั้นก็มากหน้าหลายตา ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้ข่าวหลุดไปได้ ดังนั้นในตอนที่แลกเปลี่ยนคน พวกเราจะต้องอยู่ด้วย”
อู๋เป่ยพยักหน้า “ที่หัวหน้าผู้คุ้มกันกังวลก็มีเหตุผล”
ในที่สุดรถม้าก็เคลื่อนตัวมาถึงเมืองเหล็กดำ รถไม่ได้ตรงไปยังตระกูลหยางในทันที แต่เข้าไปในคฤหาสน์หลังหนึ่ง
เมื่อมาถึงแล้ว อู๋เป่ยก็พบกับคนผู้หนึ่งที่รูปร่างหน้าเหมือนกันกับหันเสวี่ยฉีทุกอย่างนั่งอยู่ เมื่อเห็นหันเสวี่ยฉีเธอก็ลุกขึ้นยกยิ้มพร้อมกับเอ่ยขึ้น “พี่เสวี่ยฉี!”
หันเสวี่ยฉียิ้มรับ “ชิงหนิง อยู่ที่นี่มาสองวันคุ้นเคยกับที่นี่หรือยัง?”
หญิงสาวคนนี้ก็คือคุณหนูปาชิงหนิง คุณหนูแห่งตระกูลปา “อยู่แต่ในบ้านทุกวันไม่ได้ออกไปไหนเลย ไม่มีอะไรที่ไม่คุ้นเคยแล้วล่ะ พี่เสวี่ยฉี เมื่อไหร่เราจะไปที่บ้านตระกูลหยางล่ะ?”
หันเสวี่ยฉี “จะไปเดี๋ยวนี้แหละ เธอเตรียมพร้อมหรือยัง?”
ปาชิงหนิงพยักหน้าตอบรับ “พร้อมตั้งนานแล้วค่ะ”
หันเสวี่ยฉีใช้โอกาสนี้แนะนำเธอให้กับอู๋เป่ยรู้จักคร่าวๆ “ท่านนี้เป็นผู้คุ้มกันอู๋ เขาเป็นผู้คุ้มกันพี่มาตลอดทาง จัดการกับคนร้ายมามากมาย ต่อไปเขาจะเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยของเธอ”
ปาชิงหนิงโค้งให้กับอู๋เป่ย “ขอบคุณมากค่ะผู้คุ้มกันอู๋”
อู๋เป่ยตอบกลับ “ไม่ต้องเกรงใจ เชิญขึ้นรถเถอะครับ”
เมื่อขึ้นรถแล้ว รถก็มุ่งหน้าไปยังตระกูลหยางทันที และครั้งนี้อู๋เป่ยก็เป็นผู้บังคับรถม้าด้วยตนเอง
จากที่นี่ไปยังบ้านตระกูลหยาง ระยะทางห่างกันสิบกว่ากิโลเมตร ซึ่งระหว่างทางที่รถม้าผ่านไป อู๋เป่ยก็รู้สึกถึงสายตามากมายที่แอบจ้องมองมาที่ตัวเองรถม้า สีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนไป และยังคงบังคับรถม้าต่อไปอย่างช้าๆ
ในยามที่รถม้าข้ามผ่านถนนใหญ่ ทันใดนั้นอู๋เป่ยก็หันไปมองทางซ้าย และก็พบเข้ากับคนคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนยอดตึกสูงเก้าชั้น กำลังง้างคันธนูมาทางพวกเขา
ลูกธนูนี้มีความกว่าสามเมตร หนาเท่าลำกล้องปืน และมีน้ำหนักที่หนักมาก
อู๋เป่ยยังคงนั่งอยู่บนรถม้าไม่ขยับตัวไปไหน เขาขวาลูกธนูที่ลอยพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเควี้ยงมันกลับไป
“ชึ้บ!”
ลูกธนูพุ่งย้อนกลับไปทางเดิม และแทงทะลุเข้าไปที่กลางอกของคนที่ยิงมา อีกฝ่ายส่งเสียงร้องออกมาด้วยความทรมาน และร่วงหล่นลงมาจากข้างบน
ในขณะเดียวกัน รอบๆตัวเขาก็มีชายชุดดำปรากฏตัวออกมาจำนวนมาก และง้างตะขอเหล็กหวังที่จะเกี่ยวรถม้าเอาไว้
อู๋เป่ย “คุณหนูปา ภารกิจของพวกเราเสร็จสิ้นแล้ว คงต้องขอตัวก่อน”
เมื่อพูดจบ เขาก็เดินออกไปจากประตูใหญ่ พร้อมกับมือของเขาที่สะบัดจนเกิดลมหมุนจนทำให้กลุ่มชายชุดดำพากันหนีไป
หันเสวี่ยฉียังคงอยู่บนรถม้า เมื่อเห็นอู๋เป่ยกลับมาจึงถามขึ้น “ทิ้งเธอไว้แบบนี้เลยเหรอ?”
อู๋เป่ยตอบกลับเสียงเรียบ “งานของพวกเราคือการคุ้มกัน เมื่อเสร็จภารกิจแล้ว เรื่องอื่นก็ไม่เกี่ยวกับเราแล้ว”
หันเสวี่ยฉี “แต่เธอเป็นแกะที่กำลังจะเข้าปากเสือนะ”
อู๋เป่ย “แปลกจริงๆ ทั้งๆที่ทั้งสองฝ่ายก็ได้ผลประโยชน์ แต่ทำไมตระกูลหยางถึงทำแบบนี้?”
ทันใดนั้น ก็มีผู้คุ้มกันคนหนึ่งขี่ม้ามา พร้อมกับกล่าวรายงาน “หัวหน้าผู้คุ้มกันครับ มีข่าวใหม่”
หันเสวี่ยฉีมีสีหน้าที่จริงจังขึ้น “ว่ามา!”
ผู้คุ้มกันคนนั้นตอบกลับ “ท่านปาซานมีภารกิจให้พวกเรารับตัวคุณหนูปากลับไป ส่วนเงินจะให้เหมือนครั้งก่อนครับ”
หันเสวี่ยฉีขมวดคิ้ว “นี่มันหมายความว่ายังไงกัน!”
อู๋เป่ย “มาส่งแล้ว แล้วก็ต้องพากลับไปอีก สองตระกูลนี้มันค้าขายยาอะไรกันเนี่ย?”
หันเสวี่ยฉี “ช่างเถอะ หน้าที่ของของพวกเราคือคุ้มกัน”
อู๋เป่ยเดินกลับไปที่หน้าประตูตระกูลหยางอีกครั้ง “คุณหนูปา คุณพ่อของคุณให้พวกเรามารับกลับไป”
ชิงหนิงยืนนิ่งอยู่ด้านในประตูราวกับรูปปั้น เธอที่เพิ่งคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงตาทั้งสองข้างก็มีน้ำตาไหลออกมา “ไม่ต้องแล้วล่ะ ตั้งแต่ที่ฉันผ่านประตูนี้เข้ามาแล้ว ฉันก็จะไม่สามารถออกไปได้อีก”
ในขณะเดียวกัน ที่ด้านหลังของเธอก็มีคนของตระกูลหยางเดินออกมาเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นที่เป็นชายวัยกลางคนก็ได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งครึม “ถูกต้องแล้ว ถ้าผ่านประตูของตระกูลหยางเข้ามาแล้ว ถึงตายไปก็ต้องเป็นผีของตระกูลหยาง!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
ทำไมบางตอนถึงสั้นจังครับ...
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...
มีหลายตอนไม่ได้อ่านครบอยากปืนยิงคนดูแลจังลงก็ไม่ครบดีดูแลไม่ได้เรื่องของครอบครัวคนดูแลมีแต่ความชิบหาย...