หานเสวี่ยฉี : “ภารกิจครั้งนี้หนทางยาวไกล ขอให้หัวหน้าอู๋กลับมาอย่างปลอดภัย”
อู๋ป่ย : “แน่นอน”
ชายชุดขาวผงกหัวแล้วเอ่ย : “พวกเรามีเวลาไม่มากแล้ว หัวหน้าอู๋งั้นวันนี้ก็ออกเดินทางกันเถอะ”
อู๋เป่ย : “โลงศพทองคำนี้สถานที่ที่ต้องไปส่งคืออยู่ที่เมืองไหนในแดนตะวันออก?”
ชายชุดขาว : “เมืองม้าขาวแห่งแดนตะวันออก เมื่อไปถึงที่นั่นแล้วย่อมมีคนมารับช่วงต่อ”
อู๋เป่ย : “งานสำคัญแบบนี้ทำไมถึงไม่หาสำนักคุ้มกันที่แข็งแกร่งกว่าพวกเรากัน แต่กลับมาอยากให้พวกเราสำนักคุ้มกันเวยหู่รับงานนี้?”
ชายชุดขาวเอ่ยเสียงเรียบ : “สุดท้ายพวกนายก็รับงานนี้อยู่ดีไม่ใช่หรือยังไง? ถ้าพวกนายไม่อยากรับ พวกเราก็ไม่มีทางไปบังคับได้หรอกนะหรือไม่ใช่?”
อู๋เป่ยยกยิ้ม : “ก็จริง งั้นฉันก็ไม่พูดมากแล้วอีกหนึ่งชั่วยามให้หลังเตรียมออกเดินทาง”
หลังจากนั้น อู๋เป่ยได้เลือกผู้คุ้มกันเฝ้ายามสิบนายและผู้คุ้มกันใหญ่อีกสองนายด้วยตัวเอง เขาไม่อาจานำคนไปได้มากนักเพราะว่าต้องทิ้งคนไว้ที่สำนักคุ้มกันไว้รับภารกิจอื่นๆ เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามการเดินทางครั้งนี้อาจยาวนานหลายเดือน
เหมินเอ๋อร์และปาหนิงชิงก็ออกมายืนส่งอู๋เป่ยมองดูรถขนส่งเคลื่อนตัวออกไปไกลเรื่อยๆ
อู๋ป่ยขี่ม้าที่ดีที่สุดของสำนักคุ้มภัย ม้าตัวนี้มีสีเหลืองอ่อนเป็นม้าชั้นดีกว่าม้าทั่วไป ม้าตัวนี้เป็นหานเสวี่ยฉีที่เพิ่งซื้อมาเมื่อครึ่งปีก่อนปกติแล้วเธอไม่ค่อยตัดใจจะขี่มันสักเท่าไหร่ นานๆ ทีถึงจะขี่ไปเดินเล่นในบางครั้งเท่านั้น
หานเสวี่ยฉี : “หัวหน้าอู๋ ฉันจะนายกลับมาหลอมยา”
เธอหาเตาหลอมยาให้อู๋เป่ยได้แล้วแต่น่าเสียดายที่ตอนนี้อู๋เป่ยกลับไม่มีเวลาที่จะหลอมยาอายุวัฒนะด้วยซ้ำ
อู๋เป่ย : “ได้! หัวหน้าใหญ่และทุกคนรักษาตัวด้วย!”
โลงศพทองคำถูกวางไว้บนรถโดยมีม้าถึงแปดตัวลากรถม้าคันนี้ อู๋เป่ยขี่ม้านำขบวนส่วนคนอื่นๆ ตามมาด้านหลัง
ช่วงเวลาพลบค่ำขบวนขนส่งก็ได้เข้าสู่ภายในเขตต้าฉี เมืองยวี่โจวสภาพอากาศฝนตกบ่อยครั้งถนนหนทางมีแต่ดินโคลน เดินทางได้ไม่นานอู๋เป่ยตัดสินใจพักที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งจากนั้นค่อยเร่งเดินทางในวันพรุ่งนี้
เหล่าผู้คุ้มกันเร่งรีบเดินทางมาทั้งวันเป็นการดีที่ได้พักผ่อนที่นี่ในคืนนี้
รถขนส่งถูกนำมาจอดไว้ในลานกว้าง ประตูห้องของอู๋เป่ยเปิดอยู่ ภายใต้แสงตะเกียงเขากำลังร่ำสุราและดูแผนที่ในมือไปพลาง
สุราพื้นเมืองมีรสชาติไม่เลวหลังจากดื่มไปสามแก้วภายในปากของเขาก็เต็มไปด้วยกลิ่นสุรา เขาที่เพิ่งหยิบถั่วเข้าปากจู่ๆ ก็มองออกไปด้านนอก
เวลานี้ ชายผู้สวมใส่ชุดสีทองทั้งตัวผู้หนึ่งยืนอยู่บนรถขนส่งสินค้าในมือซ้ายของเขาถือดาบทองคำด้ามหนึ่งไว้อยู่
อู๋เป่ยวางจอกสุราลงจากนั้นเดินออกไปด้านนอกประตูแล้วเอ่ยถาม : “ท่านมาเพื่อปล้นสินค้าหรือ?”
ชายชุดสีทอง : “เช่นนั้นแล้วทำไมพวกนายยังไม่รีบหนีเอาชีวิตรอดไปล่ะ?”
อู๋เป่ย : “เพราะการปรากฏตัวของนาย พวกเราเลยต้องหนีหรือ?”
เหล่าผู้คุ้มกันเมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็รีบพุ่งออกมาดู และมีผู้คุ้มกันผู้หนึ่งเมื่อเห็นชายผู้นั้นสีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนสี รีบเอ่ยกับอู่เป่ยว่า : “หัวหน้าอู๋ คนผู้นี้คือมหาโจรลำดับที่เก้าของต้าฉีดาบสังหารทองคำ!”
อู๋เป่ย : “โอ้ เขาร้ายกาจมากเลยหรอ?”
ผู้คุ้มกันใหญ่คนนั้นผงกหัวแล้วเอ่ยตอบ : “เขาเคยสังหารอ๋องผู้หนึ่ง”
หลังจากที่อู๋เป่ยได้ยินก็ส่ายศีรษะไปมา : “อ๋องผู้หนึ่งจะสามารถสังหารได้ง่ายดายขนาดนั้นได้อย่างไร? มีความเป็นไปได้ถึงแปดส่วนว่าคงมีผู้สูงศักดิ์สักคนที่คิดอยากให้เขาตายเสียมากกว่า”
ช่วงสายของวันทุกคนได้ทานข้าวกันอิ่มหนำแล้วจึงได้ออกเดินทางต่อ อู๋เป่ยขี่ม้านำขบวนคุ้มกันเหยาะย่างไปข้างหน้าด้วยท่าทางสบายๆ ดวงตาของเขาปิดอยู่แม้ดูเหมือนว่าเขากำลังพักผ่อนแต่ที่จริงแล้วเขากำลังฝึกวิชาลับ
เป็นเช่นนี้จนเดินทางได้เจ็ดวัน อู๋เป่ยก็สามารถฝึกเคล็ดวิชาลับได้ทั้งหมดสิบสามวิชาด้วยกัน หนึ่งในนั้นยังมีวิชาเคล็ดวิชาพลังลับระดับเทพ สายลมสังหารสิบสองกระบวนท่า
เมื่อใช้วิชาสายลมสังหารสิบสองกระบวนท่านี้ตัวของผู้ใช้จะเปลี่ยนเป็นดังสายลม ศัตรูจะถูกบั่นศีรษะก่อนที่จะรู้สึกตัวและเคล็ดวิชาลับนี้มีด้วยกันถึงสิบสองกระบวนท่าสามารถนำมาปรับใช้ตามใจชอบได้ตามต้องการซึ่งทำให้ยากต่อการป้องกัน
แต่ว่าเคล็ดวิชานี้พลังของมันแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก อู๋เป่ยไม่อาจใช้มันได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายของเขาตอนนี้ในเวลาสามถึงสี่ชั่วยามสามารถใช้ได้เพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น
เวลานี้ ขบวนคุ้มกันได้มาถึงเขตชายแดนต้าฉีแล้ว ไปข้างหน้าอีกนิดก็จะเป็นดินแดนไร้นาย ร้างไร้ผู้คนพื้นดินแห้งแล้งทุรกันดารซึ่งไม่มีแคว้นใดเต็มใจปกครองดินแดนแห่งนี้ ด้วยเหตุนี้จึงเหล่าโจรร้ายมากมายรวมตัวกันอยู่ในที่แห่งนี้ ยกตัวอย่างเช่นมหาโจรห้าในยี่สิบคนจากแคว้นข้างเคียงที่อาศัยอยู่ที่นี่
“ทุกคน ต่อจากนี้พวกเราอาจมีการปะทะกับโจรที่ร้ายกาจมากๆ จงตื่นตัวกันให้มากเข้าไว้!” อู๋เป่ยตะโกนบอก
ตอนนี้เหล่าผู้คุ้มกันเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของอู๋เป่ยต่างร้องเอ่ยว่า : “มีหัวหน้าอู๋อยู่ ต่อให้เป็นโจรที่แข็งแกร่งขนาดไหนก็ล้วนแล้วแต่มาหาเรื่องตายทั้งนั้น”
ในหมู่ผู้คุ้มกันมีคนผู้หนึ่งแม้พลังยุทธ์ไม่สูงแต่เขาเป็นผู้คุ้มกันอายุมากกว่าหกสิบปีแล้วซึ่งเป็นคนที่อู๋เป่ยตั้งใจเลือกผู้ที่มากประสบการณ์ผู้นี้มาโดยเฉพาะ
ผู้คุ้มกันเฒ่าคนนี้คลุกคลีในวงการนี้มาไม่น้อย เส้นทางนี้เขาก็จึงทราบดี : “หัวหน้าอู๋ ข้างหน้าคือด่านซือจี้เมื่อผ่านด่านไปแล้ว พวกเราต้องผ่านเขตแดนของเผ่าเลือดป่าเถื่อนซึ่งเป็นเผ่าที่ดุร้ายเป็นอย่างมาก ชื่นชอบกินหัวใจและดื่มเลือดมนุษย์ แต่ตราบใดที่เรามอบเสบียงให้พวกเขามากพอก็จะปล่อยเราผ่านไปได้ แต่อย่างไรแล้วพวกเราควรเตรียมรับมือเผื่อเกิดเหตุที่เลวร้ายที่สุดไว้ย่อมดีกว่า”
อู๋เป่ยผงกหัว : “เมื่อถึงข้างหน้า พวกเราก็ซื้อเสบียงไว้ให้มากสักหน่อยพยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับพวกเขา”
มีเมืองเล็กๆ อยู่ข้างหน้า อู๋เป่ยสั่งคนให้ไปซื้อเสบียงเป็นจำนวนมากทั้งของใช้ในชีวิตประจำวัน อาหารและเครื่องดื่ม และงานฝีมือบางส่วน
เช้าวันที่สองทุกคนก็เดินทางออกจากเมือง ผ่านด่านซือจี้เข้าสู่อาณาเขตของเผ่าเลือดป่าเถื่อน

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
ทำไมบางตอนถึงสั้นจังครับ...
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...
มีหลายตอนไม่ได้อ่านครบอยากปืนยิงคนดูแลจังลงก็ไม่ครบดีดูแลไม่ได้เรื่องของครอบครัวคนดูแลมีแต่ความชิบหาย...