ฮวาเจี้ยนเฉิงพาอู๋เป่ยมายังโถงใหญ่อีกแห่ง ในห้องมีชายชราผมสีเงินทั้งศีรษะ น่าจะอายุราวหกสิบปี เขาสวมชุดสีดำเข้ม สีหน้าแจ่มใส บนใบหน้าไม่มีแม้แต่รอยเวิ่น
ฮวาเจี้ยนเฉิงเห็นชายชราก็รีบพูดว่า“เฒ่าหลิน! คนนี้แหละคือคุณเย่ที่ผมพูดถึงก่อนหน้านี้ คุณอู๋มีทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมมาก!”
เฒ่าหลินผู้นี้เป็นผู้มีพลังยุทธ์ระดับฝึกปราณขั้นเจ็ดซึ่งในโลกฆราวาสแล้ว ถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้าเลยทีเดียว แน่นอนว่าในหมู่ผู้ฝึกฝนเที่ยงแท้ เขายังไม่ถือว่าแข็งแกร่งมากนัก
เฒ่าหลินดูเป็นคนอัธยาศัยดี เขาพยักหน้าให้กับอู๋เป่ยเล็กน้อย“สหายอู๋ ยินดีที่ได้พบ”
อู๋เป่ยมองออกว่า แม้เฒ่าหลินจะดูเป็นมิตร แต่ในสายตาก็ยังแฝงไว้ด้วยความถือดี ในฐานะที่ตัวเองเป็นผู้ฝึกปราณระดับแปดขั้นสูง อู๋เป่ยและฮวาเจี้ยนเฉิงในสายตาเขาก็คงเป็นแค่บุคคลระดับล่างเท่านั้น
แต่อู๋เป่ยก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เขานั่งลงอย่างสบาย ๆ แล้วถามว่า“งานแลกเปลี่ยนเริ่มกี่โมงครับ?”
ฮวาเจี้ยนเฉิงตอบว่า“เริ่มตอนสามทุ่ม ยาวไปจนถึงตีสาม รวมสิบสองชั่วโมง พวกเราจะออกเดินทางในอีกครึ่งชั่วโมง ไปถึงก็จะประมาณสามทุ่มพอดีครับ”
เฒ่าหลินยิ้มแล้วถามว่า“สหายอู๋ตั้งใจจะไปซื้ออะไรบ้างล่ะ?”
อู๋เป่ยว่า“ส่วนใหญ่จะมองหาพวกสมุนไพร ถ้าเจอเตายา ก็จะซื้อไว้สักใบ”
จริง ๆ แล้วในตัวเขาก็มีเตายาระดับสูงอยู่แล้ว เป็นของที่โจวเฉียนชิวมอบให้ แต่เพราะเขาเพิ่งมาถึงที่นี่ ยังไม่กล้าเอาของชิ้นนั้นออกมา เลยต้องหาซื้อเพิ่ม
เฒ่าหลินมีสีหน้าประหลาดใจ“สหายจะซื้อเตายาไปปรุงยางั้นหรือ?”
ไม่แปลกที่เขาจะตกใจ เพราะในโลกฆราวาส แทบไม่มีผู้บำเพ็ญคนไหนที่สามารถปรุงยาได้ เพราะแม้แต่ในโลกผู้ฝึกฝนเที่ยงแท้ ตำแหน่งนักปรุงยาก็ยังหายากยิ่ง
อู๋เป่ยแน่นอนว่าไม่พูดความจริง เขายิ้มแล้วตอบ“ผมจะไปเข้าใจเรื่องปรุงยาได้ยังไง แค่สนใจเฉย ๆ เลยอยากซื้อเตายามาลองดูครับ”
เฒ่าหลินพยักหน้า
“อ้อ... เตายาน่ะราคาไม่แพงหรอก แต่สมุนไพรที่ใช้ปรุงยานั้นหายาก แม้แต่ยาอายุวัฒนะแห่งวิญญาณระดับหนึ่ง ก็ต้องใช้เงินเป็นสิบล้านเลยล่ะ”
อู๋เป่ยถามว่า“ที่งานแลกเปลี่ยน ใช้เงินเซียนได้ไหมครับ?”
เฒ่าหลินว่า“แน่นอน ใช้ได้ เพราะผู้ร่วมงานหลายคนก็เป็นผู้บำเพ็ญอยู่แล้ว เอาง่าย ๆ งานแลกเปลี่ยนเซียน-ฆราวาสนี้ก็เป็นมหกรรมที่รวมทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกัน”
คุยกันอยู่ไม่กี่ประโยค ฮวาเจี้ยนเฉิงก็ได้รับโทรศัพท์แล้วขอตัวออกไปก่อน ตอนนั้นเอง เฒ่าหลินก็ยิ้มพลางถามอู๋เป่ยว่า
“ฉันได้ยินฮวาเจี้ยนเฉิงพูดว่า คุณสามารถเอาชนะผู้ฝึกปราณระดับสามได้ง่าย ๆ แต่ฉันกลับมองไม่ออกเลยว่าคุณมีพลังยุทธ์ระดับไหน”
อู๋เป่ยตอบเรียบ ๆ“ผมก็แค่ฝึกปราณขั้นสี่ แข็งกว่าอีกฝ่ายนิดหน่อย ยังห่างไกลจากท่านเฒ่าหลินครับ”
เฒ่าหลินว่า“โอ้ คุณมองออกถึงพลังยุทธ์ของฉันงั้นหรือ?”
อู๋เป่ยยิ้ม“แม้ผมจะมองไม่ทะลุ แต่กลิ่นอายของท่านเฒ่าหลินนั้นรุนแรงมาก ผมคิดว่าอย่างน้อยก็คงเป็นผู้แข็งแกร่งระดับฝึกปราณขั้นเจ็ดหรือแปด”
เฒ่าหลินพยักหน้า“คุณมีสายตาพอใช้ได้ ฉันฝึกอยู่ที่ฝึกปราณขั้นแปด ดังนั้น ฉันจะถามคุณสักหน่อย คุณก็ควรจะตอบตามตรง”
อู๋เป่ยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ประโยคนี้ไม่ถือว่าสุภาพนัก เขาจึงตอบกลับอย่างสงบ
“เฒ่าหลินพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
เฒ่าหลินยิ้มเย็น“ฉันรู้ว่าคุณก็เป็นผู้ฝึกพลังยุทธ์เหมือนกัน พลังยุทธ์ของคุณต่ำกว่าฉัน แต่ฉันกลับมองไม่ออกว่าคุณอยู่ระดับไหน แสดงว่าบนตัวคุณต้องมีอะไรบางอย่างที่ปกปิดกลิ่นอายของคุณไว้ ใช่ไหมล่ะ?”
อู๋เป่ยตอบเรียบ ๆ“ผมมีอะไรอยู่บนตัว มันเกี่ยวอะไรกับท่านหรือเปล่าครับ?”
เฒ่าหลินหัวเราะ“คุณเป็นแค่รุ่นน้อง พลังยุทธ์ก็ต่ำกว่าฉัน จะให้อะไรฉันสักหน่อยก็สมควรอยู่แล้วนี่ ถ้าฉันอารมณ์ดี บางทีอาจจะชี้แนะเส้นทางฝึกตนให้คุณก็ได้”
อู๋เป่ยถอนหายใจ“ท่านเฒ่าหลินตกลงกันกับฮวาเจี้ยนเฉิงไว้ล่วงหน้าแล้วใช่ไหม?”
เฒ่าหลินส่ายหัว“เขาไม่รู้เรื่องหรอก จัดการพวกระดับคุณแค่นี้ ฉันไม่ต้องร่วมมือกับใครให้เสียเวลา”
สีหน้าของอู๋เป่ยเย็นลง“คุณมั่นใจจริง ๆ หรือว่าจัดการผมได้?”
เฒ่าหลินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ“คุณดูไม่เหมือนคนจากสำนัก น่าจะเป็นผู้บำเพ็ญพเนจร อายุเท่านี้ พลังยุทธ์ของคุณไม่มีทางเกินฝึกปราณขั้นห้า ส่วนฉันอยู่ฝึกปราณขั้นแปด จะจัดการคุณมันก็แค่เรื่องง่าย ๆ”
อู๋เป่ยว่า“คุณต้องการอะไรกันแน่?”
เฒ่าหลิน“ในฐานะผู้บำเพ็ญพเนจร การที่คุณมีพลังฝึกตนได้ขนาดนี้ต้องผ่านเหตุบังเอิญมามากมาย เอาของดีทั้งหมดบนตัวคุณออกมาเถอะ การฝึกในโลกฆราสาสมันยากเย็นนัก พอมาเจอแกะอ้วนแบบคุณ ฉันก็ไม่ปล่อยผ่านแน่”
พลังสายหนึ่งพุ่งเข้าไปทำลายสมองของเฒ่าหลิน เขาจากไปโดยไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย กลายเป็นศพทันที
ทันทีที่เฒ่าหลินสิ้นใจ ฮวาเจี้ยนเฉิงก็เดินเข้ามาในห้อง เห็นร่างเฒ่าหลินนอนอยู่บนพื้นก็ตกใจ
“คุณอู๋ เขาเป็นอะไรไป?”
อู๋เป่ยถอนหายใจ
“เมื่อกี้เขากำลังฝึกตน แล้วจู่ ๆ ก็เกิดคลุ้มคลั่ง สมองกลายเป็นน้ำ เลยตายครับ”
ฮวาเจี้ยนเฉิงมองอู๋เป่ยอย่างลึกซึ้ง แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อ แต่ก็ได้แค่ถอนใจ
“เฒ่าหลินนี่ชะตาไม่ดีจริง ๆ!” จากนั้นก็สั่งให้คนมาเก็บศพ
หลังจากศพเฒ่าหลินถูกยกออกไป ฮวาเจี้ยนเฉิงก็ยิ่งเคารพอู๋เป่ยมากขึ้น เพราะคนที่ฆ่าผู้ฝึกปราณขั้นแปดได้อย่างง่ายดาย ไม่ใช่คนที่เขาจะกล้าลองดีด้วย
“คุณอู๋ เราจะออกเดินทางกันในอีกไม่นาน และผมเตรียมของสองชิ้นไว้จะเอาไปขาย อยากให้คุณช่วยดูหน่อยครับ”
ว่าแล้วเขาก็เรียกคนให้ยกกล่องสองใบมา เปิดกล่องแรกออก ภายในคือก้อนคริสตัลสีฟ้าอ่อน รูปร่างไม่แน่นอน ภายในมีแสงเล็ก ๆ เปล่งออกมา
เมื่ออู๋เป่ยเห็นคริสตัลสีน้ำเงินนี้ เขาใช้ดวงตามิติส่องดู ก็พบว่าภายในคริสตัลมีเมล็ดพันธุ์เม็ดหนึ่ง และแสงที่เห็นก็ออกมาจากมัน เขาเอามือกดลงไปเบา ๆ ก็พบว่าคริสตัลนี้นิ่ม คล้ายเจล
แม้เขาจะไม่รู้แน่ชัดว่าคริสตัลนี้คืออะไร แต่ด้วยประสบการณ์ เขาคาดว่า มันน่าจะเป็นดินแห่งวิญญาณ และเมล็ดพันธุ์นั้นก็ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
เขาถาม“คุณได้มันมายังไง?”
ฮวาเจี้ยนเฉิงตอบ“เมื่อห้าปีก่อน ผมกลับไปบ้านเกิดเพื่อสร้างคฤหาสน์ให้พ่อแม่อยู่ ระหว่างที่ขุดฐานราก ก็เจอกล่องสัมฤทธิ์ใบหนึ่ง ปิดผนึกแน่นมาก ด้านนอกยังมีอักขระยันต์เขียนไว้ด้วย”
พูดจบ เขาก็หยิบมือถือออกมา เปิดภาพถ่ายที่ถ่ายไว้ตอนนั้นให้ดู
เมื่ออู๋เป่ยเห็นอักษรบนกล่อง เขาก็รู้ทันทีว่าเป็นภาษาเซียน เขาคิดอะไรบางอย่างในใจ และรู้สึกว่า กล่องนี้ไม่น่าจะมีเพียงใบเดียว จึงถามว่า“รอบ ๆ กล่องสัมฤทธิ์นั้น มีอะไรอีกไหม?”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
เรื่องนี้ไม่มีเปิดให้อ่านฟรีประจำวันแล้วเหรอครับ *-*...
ทำไมบางตอนถึงสั้นจังครับ...
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...