“อ้าว นั่นหน้าใหม่หรือ? พี่น้องท่านใดรู้จักชายคนนี้บ้างไหม?” หนุ่มชุดน้ำเงินคนหนึ่งถามขึ้นเสียงสดใส
“ไม่รู้จักนะ ถ้าคนนี้มีฝีมือขนาดนั้น เราน่าจะได้ยินชื่อกันไปแล้ว”
ชายชุดน้ำเงินยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “เดี๋ยวผมจะไปทักทายเขาดู” ก่อนจะก้าวเดินตรงไปหาอู๋เป่ย
อู๋เป่ยเห็นมีคนเดินมาหา จึงหยุดยืนรอ
ชายชุดน้ำเงินหยุดอยู่ห่างไม่กี่ก้าว ก้มลงประนมมือแล้วยิ้มพูดอย่างสุภาพว่า
“พี่ชาย ผมชื่อหยางอี้อู๋ จากแดนเซินโจว ยินดีด้วยที่ท่านได้ขึ้นมาร่วมงานประชุมยอดเขาดวงดาวครับ”
อู๋เป่ยรับคำทักทายด้วยความสุภาพ
“ขอบคุณครับ ผมชื่ออู๋เป่ย”
หยางอี้อู๋หัวเราะ “ที่เซินโจวไม่ค่อยมีตระกูลใหญ่ที่ใช้ชื่ออู๋สักเท่าไหร่ ไม่ทราบว่าพี่อู๋เป็นนักบำเพ็ญพลังที่มาจากภายนอกหรือเปล่าครับ?”
อู๋เป่ยไม่ได้ปฏิเสธ “ผมมาหาเพื่อนครับ แถมยังตั้งใจมาร่วมงานประชุมยอดเขาด้วย”
หยางอี้อู๋ถามต่อด้วยความอยากรู้ “พี่อู๋มาเยี่ยมเพื่อนคนไหนครับ?”
อู๋เป่ยในใจคิดว่าคำถามนี่ช่างมากมาย แต่ก็ยังตอบอย่างตรงไปตรงมา “หยวนตระกูลครับ”
หยางอี้อู๋พยักหน้าเบาๆ ก่อนหันไปบอกคนรอบข้าง “ทุกคนครับ คุณชายอู๋คนนี้ มาที่นี่เพื่อแทนหยวนตระกูล”
จากฝูงชนมีเสียงหัวเราะแทรกขึ้นมาอย่างดูถูก “นั่นแหละปกติ หยวนตระกูลสามครั้งติดก็ไม่มีลูกชายขึ้นอันดับ ย่อมต้องรีบจ้างคนจากภายนอกมาแก้เกมสินะ”
อู๋เป่ยไม่ได้สนใจจะอธิบายอะไร เพราะเขาไม่รู้จักพวกนี้ดีนัก ให้พวกเขาคิดตามใจไปเถอะ
จู่ๆ ชายหนุ่มชุดขาวคนหนึ่งเดินเข้ามา หัวเราะและถาม “คุณชายอู๋ ไม่ทราบว่าท่านเป็นศิษย์สำนักใด?”
อู๋เป่ยตอบสั้นๆ “ไม่มีสำนัก ไม่มีนิกายครับ”
ชายชุดขาวยิ้มเยาะ “ไม่มีสำนัก ไม่มีนิกาย งั้นหรือว่าท่านเป็น ‘นักบำเพ็ญพเนจร’ หรือ?”
‘นักบำเพ็ญพเนจร’ คือคนที่ไม่มีต้นสังกัด ไม่มีต้นตระกูลหรือเส้นสายที่ชัดเจน การฝึกฝนไม่มีระบบและมักจะไม่ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ ดังนั้นกลุ่มคนที่มีสำนักและนับถือตนว่ามีเชื้อสาย จะดูถูกพวกนี้เสมอ
เมื่อได้ยินคำพูดของชายชุดขาว ทุกคนในฝูงชนหัวเราะลั่น
อู๋เป่ยไม่ได้พูดอะไรตอบกลับ เพราะเขามาเพื่อแข่งขันชิงตำแหน่งลูกชาย ไม่ได้มาเพื่อเป็นเพื่อนกับใคร
“คุณชายอู๋ หยวนตระกูลส่งเจ้ามาด้วยผลประโยชน์เท่าไหร่กัน?”
อู๋เป่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ไม่มีผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น”
คำตอบนี้ไม่มีใครเชื่อ ทุกคนส่ายหัว มองว่าเขาแกล้งทำตัวสูงส่งเกินจริง
ในขณะนั้น มีชายหนุ่มชุดดำหน้าตาน่าเกลียดเต็มไปด้วยกลิ่นเน่าเหม็นเหมือนศพเดินเข้ามา คนนี้คือ ‘ซือกงจื่อ’ หรือ ‘ซือบู๋อวี่’
ทุกคนในที่นั้นหันหน้าหนีเพราะกลัวเขา ซือบู๋อวี่เป็นยอดฝีมือที่กำลังพุ่งทะยานเข้าสู่สามอันดับแรกของการแข่งขัน และวิชายุทธของเขานั้นน่ากลัวจนคนอื่นไม่กล้าปะทะด้วย
ซือบู๋อวี่ลงมายืนที่นี่ สายตาของเขากวาดมองไปทั่วห้อง เหมือนกำลังมองหาคนบางคน
หลังจากมองไปรอบหนึ่ง สายตาก็หยุดอยู่ที่อู๋เป่ย เพราะเขาคนเดียวเท่านั้นที่หน้าไม่คุ้นเคย ส่วนคนอื่นเขารู้จักหมด
ซือบู๋อวี่ถามด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาด แหบต่ำและแหลมคม จนคนฟังรู้สึกไม่สบายใจ
“เจ้าคืออู๋เป่ยใช่ไหม?”
อู๋เป่ยเดาได้ทันทีว่าเป็นใคร “ซือกงจื่อ?”
ซือบู๋อวี่เยาะเย้ย “ข้าคือซือบู๋อวี่ เดิมทีหยวนชิงอิ่งจะมาแต่งงานกับข้า แต่ข้าได้ข่าวว่า เธอไปอยู่กับคนชื่ออู๋เป่ย เจ้าใจกล้าจริง ๆ กล้าชิงหญิงจากข้า!”
อู๋เป่ยตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน “เจ้าไม่ใช่คนสำคัญอะไรนักหนา ข้ากลัวเจ้าได้อย่างไร?”
ซือบู๋อวี่หัวเราะเย็นชา “เจ้าจะตายอย่างสาหัส! ข้าจะเปลี่ยนเจ้ากลายเป็นซอมบี้ ให้เป็นทาสของข้าตลอดไป!”
อู๋เป่ยไม่ยอมเสียท่า “ไม่ต้องพูดเยาะเย้ย วันนี้ในการประชุมยอดเขา เรามาดวลกันเถอะ ถ้าเจ้าใจกล้า ก็ขึ้นมาแสดงฝีมือกับข้าได้เลย”
จริง ๆ แล้ว กติกาของงานประชุมยอดเขานั้นง่ายมาก ใครมีความมั่นใจในฝีมือ ก็ขึ้นไปยืนที่เวทีที่หนึ่ง จากนั้นก็รอรับการท้าประลองจากลูกชายคนอื่น
ถ้าอยู่ที่เวทีหนึ่งได้นานจนค่ำ โดยไม่แพ้ใคร ก็จะได้รับตำแหน่ง ‘ลูกชายที่หนึ่ง’
นอกจากนี้ยังมีเวทีที่สอง ถ้าลูกชายคนใดมั่นใจว่าตัวเองแรงรองจากลูกชายที่หนึ่ง ก็จะขึ้นไปยืนเวทีที่สอง
และเวทีต่อ ๆ ไป ไล่ไปจนถึงเวทีที่สิบ
เมื่อลูกชายยืนประจำเวทีครบสิบคนที่หนึ่งถึงสิบแล้ว ลูกชายที่เหลือก็จะเข้าไปท้าประลองกับผู้ครองเวทีเหล่านี้ หากชนะได้ ก็จะได้ขึ้นมาแทนที่กลายเป็นเจ้าของเวทีแทน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
ทำไมบางตอนถึงสั้นจังครับ...
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...
มีหลายตอนไม่ได้อ่านครบอยากปืนยิงคนดูแลจังลงก็ไม่ครบดีดูแลไม่ได้เรื่องของครอบครัวคนดูแลมีแต่ความชิบหาย...