ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 235

เมื่อทั้งห้าคนเข้าไปในห้องนั้น ต้วนหลงจึงถามขึ้นว่า “คุณหมออู๋ครับ รบกวนช่วยดูให้ที ว่าพิษของผมสามารถรักษาได้ไหม?”

อู๋เป่ยแทะแอปเปิลไปพลาง และสังเกตใบหน้าที่เน่าเฟ่ะของเขาไปด้วย เขาทำปากขมุบขมิบและพูดว่า “พิษของคุณเกิดจากพิษศพ แถมยังเป็นพิษศพจากสวรรค์อีกด้วย พวกคุณไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม?ถึงได้แสหาเรื่องศพสวรรค์เช่นนี้!”

ต้วนหลงมีสีหน้าตื่นตระหนก อู๋เป่ยมองเพียงแค่แวบเดียว ก็สามารถบอกได้แล้วว่าเป็นพิษศพจากศพสวรรค์ สายตาของเขาช่างแหลมคมน่าทึ่งเสียจริงๆ!

“มันคือพิษศพสวรรค์จริงๆ แหละ คุณหมออู๋ อาการของผมยังสามารถรักษาได้อยู่ไหม?” น้ำเสียงของเขาราวกับเรียบนิ่ง แต่จริงๆ แล้วในใจของเขานั้นรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก เพราะคำตอบของอู๋เป่ย เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตายของเขา

อู๋เป่ยแทะแอปเปิลเสร็จเรียบร้อย จากนั้นจึงถามเขาว่า “ทานผลไม้ไหม?”

ต้วนหลงร้อนรนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว เขาตอบว่า “ขอบคุณครับ ผมไม่ทาน”

อู๋เป่ยถามซย่าเหลียนต่อว่า “พวกคุณทานไหม?”

สีหน้าของซย่าเหลียนดูเคร่งขรึม “คุณหมออู๋ครับ โปรดตอบคำถามของพี่ใหญ่ผมด้วยครับ ว่าพิษนี้ คุณสามารถรักษาได้หรือไม่?”

อู๋เป่ยถอนหายใจ และเสียงถอนหายใจครั้งนี้ ทำเอาคนอื่นต่างรู้สึกใจแป้วไปตามๆ กัน หรือว่าโรคนี้จะรักษาไม่ได้กันแน่นะ?

อู๋เป่ยหยิบองุ่นขึ้นมาพวงหนึ่ง กินไปสองสามลูกก็พูดว่า “พิษนี้ยากนักที่จะรักษา แต่พวกคุณวางใจเถอะ ฉันรับรองว่า ฉันสามารถรักษาเขาให้หายดีเป็นปกติได้”

สายตาของต้วนหลงดูเป็นประกายขึ้นมาทันที  “คุณหมออู๋ พิษศพสวรรค์นี้รักษาหายได้จริงๆ หรือ?”

อู๋เป่ย “รักษาได้ แต่มันจำเป็นต้องใช้ตัวยาล้ำค่าหลายชนิด คุณรีบส่งคนไปรวบรวมตัวยามาเถอะ” พูดจบ เขาก็ออกใบสั่งยาหนึ่งฉบับและส่งให้กับซย่าเหลียน

ซย่าเหลียนกวาดตามองอย่างรวดเร็ว มีตัวยาหลายชนิดที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน จึงถามไปว่า “ตัวยาพวกนี้ต้องไปหาซื้อที่ไหนหรือ?”

อู๋เป่ย “ตระกูลอวิ๋นจิงถังมีเก็บรวบรวมตัวยาไว้อยู่จำนวนไม่น้อย คุณลองไปสอบถามเขาดูสิ” เขาไม่ได้เป็นนายหน้าใดใดให้กับตระกูลถัง แต่มีตัวยาอยู่จำนวนหนึ่งที่ทางตระกูลถังมีอยู่จริงๆ เพียงแค่ว่าราคาสูงมากก็เท่านั้นเอง

ซย่าเหลียนพยักหน้าอย่างจริงจัง “ผมจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้เลยครับ!”

ซย่าเหลียนนำคนไปเอายา ในห้องเหลือเพียงอู๋เป่ยกับต้วนหลง และบริวารอีกสองคนเท่านั้น

อู๋เป่ยบอกให้เขาถอดเสื้อผ้าออกให้หมด แผ่นหลังและบริเวณช่วงไหล่ของเขาล้วนเต็มไปด้วยตุ่มหนอง แต่ละตุ่มมีขนาดเท่ากับเม็ดถั่วเขียว และส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว

อู๋เป่ยหยิบเข็มทองออกมา และปักลงไปที่ตุ่มหนองทีละตุ่มทีละตุ่ม จากนั้นก็บีบเอาหนองออกมาและใส่ลงไปในขวดเล็กๆ ใบหนึ่ง

ปักลงไปสองสามตุ่ม เขาจึงถามขึ้นว่า “พวกคุณไปเจอศพสวรรค์มาได้อย่างไร?”

ต้วนหลงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟังอย่างไม่ปิดบัง

ตอนนั้น ทีมพระเจ้าที่นำทีมโดยต้วนหลงได้รับภารกิจอย่างหนึ่ง คือการคุ้มกันชาวยุโรปสามคนให้เดินทางไปยังสุสานของสุลต่านใหญ่ในโกบี

ชาวยุโรปเชื่อว่า ณ สุสานแห่งนั้น มีการแอบฝังสิ่งของสมัยก่อนประวัติศาสตร์เอาไว้ ซึ่งสิ่งของเหล่านั้นล้วนมีค่าและมิอาจประเมินค่าได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คำนึงถึงจำนวนเงินนั้น และขอให้ทีมพระเจ้าช่วยเหลือพวกเขาในครั้งนี้

เมื่อเข้าไปในสุสานได้ไม่นานนัก ก็ได้พบกับภัยอันตรายต่างๆมากมาย มีผู้คนล้มตายอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งโลงศพของเจ้าของสุสานถูกเปิดออก เรื่องน่าสยดสยองก็เกิดขึ้น ศพสวรรค์กระโดดออกมาจากโลง เป็นที่น่าตกใจ เพียงฝ่ามือเดียวเล่นเอาผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเทพอย่างต้วนหลงกระเด็นออกไปไกล จนเขาสลบลงไปทันที จากนั้นก็เกิดการสังหารหมู่จากคนเพียงคนเดียว กำลังพลทั้งหมดของทีมพระเจ้าที่เข้าร่วมในครั้งนั้นถูกทำลายจนย่อยยับ ส่วนชาวยุโรปเหล่านั้นก็ถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของศพสวรรค์

จนกระทั่งต้วนหลงฟื้นขึ้นมา ศพสวรรค์กำลังกัดแทะซากศพจากหลุมฝังศพอื่นๆอยู่ เขาจึงฉวยโอกาสนั้นลากสังขารตัวเองและรีบออกจากสุสานไปทันที เพื่อรีบไปขอความช่วยเหลือ ตอนที่ทีมช่วยเหลือตามหาเขาเจอนั้น เขาก็เป็นลมหมดสติไปแล้ว

เมื่อเขาฟื้นคืนสติขึ้นมา ครึ่งซีกหน้าของเขาก็เน่าเฟ่ะไปหมด ส่วนบริเวณแผ่นหลังก็เต็มไปด้วยตุ่มหนอง บรรดาหมอที่มีชื่อเสียงทั้งหลายต่างพูดกันว่า เขาจะมีชีวิตได้อีกไม่ถึงเดือน ถ้าไม่ใช่เพราะพลังยุทธ์ที่เขาฝึกฝนจนถึงขั้นเทพแล้วนั้น เกรงว่าเขาคงจะอยู่ได้อีกไม่ถึงหนึ่งวัน

เมื่ออู๋เป่ยฟังเขาพรรณนาจนจบ ก็เปล่งเสียงออกมาว่า “อืม” และเจาะตุ่มหนองต่อไปโดยไม่พูดอะไร หลังจากที่ทำความสะอาดแผลบริเวณตุ่มหนองเสร็จแล้ว เขาก็เริ่มฝังเข็มลงไปบนร่างของต้วนหลง และถ่ายทอดวิชารีดพิษให้กับเขาอีกด้วย

พลังยุทธ์ของต้วนหลงนั้นแข็งแกร่ง แค่เดินลมปราณเพียงเล็กน้อย เม็ดเหงื่อสีดำก็ค่อยๆ ผุดขึ้นออกมาจากรูขุมขน และส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่ว

อู๋เป่ยเปิดฝักบัวในห้องน้ำ ให้น้ำร้อนไหลลงมา จากนั้นก็สั่งให้เขานั่งลงกลางน้ำจากฝักบัวนั้น ปล่อยให้น้ำไหลผ่านร่างกายเขาไม่หยุด พอพิษออกมา ก็ถูกน้ำชำระล้างออกไป

จากนั้นเขาปิดประตู และนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องรับแขก งานแถลงข่าวภาพยนตร์เรื่องใหม่ของดาราใหญ่อย่างเฉินหลิงซวง กำลังออกอากาศพอดี เฉินหลิงซวงกำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ ออร่าส่องประกายดูเปล่งปลั่งมากๆ

ด้วยเหตุนี้ ราคาหุ้นของบริษัทซานไห่มีเดียถึงได้พุ่งสูงขึ้นถึงสิบห้าเหรียญ ราคาเพิ่มขึ้นจากตอนที่อู๋เป่ยซื้อมาถึงสามเท่ากว่า เกินกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้ด้วยซ้ำ

“ตอนแรกซื้อหุ้นมาในจำนวนมหาศาล ราคาในตอนนี้ ขายเททิ้งได้หล่ะ” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และเริ่มทยอยขายเทหุ้น ล็อตแรกขายเทหนึ่งล้านหุ้น ได้เงินในบัญชีถึงสิบห้าล้านห้าแสนสามหมื่นหยวน

หุ้นที่เขาปล่อยออกไป ถูกคนช้อนซื้อทันที ดังนั้นเขาเลยค่อยๆ เพิ่มราคาสูงขึ้น สิบห้าจุดสามสี่หยวน สิบห้าจุดห้าห้าหยวน ไปจนถึงสิบห้าหยวน

ด้วยวิธีนี้ เขาขายหุ้นสามสิบล้านหุ้นได้ภายในช่วงระยะเวลาหนึ่งชั่วโมง ทำเงินได้ห้าร้อยเก้าสิบสองล้านหยวน

ที่เหลืออีกห้าสิบล้านหุ้น เขาเก็บไว้เพื่อรอขายต่อภายหลัง ไม่แน่ว่าราคาหุ้นอาจจะเพิ่มขึ้นอีกก็เป็นได้

พอเขาขายหุ้นจนเสร็จ ซย่าเหลียนก็เข้ามาพอดี เธอถือถุงเข้ามาหลายใบ และพูดอย่างเหนื่อยหอบว่า “คุณหมออู๋ เราได้ยาตามที่คุณต้องการทั้งหมดแล้ว!”

อู๋เป่ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ในเวลาเพียงชั่วโมงกว่าๆ ยาทั้งหมดก็ถูกรวบรวมไว้จนครบถ้วนสมบูรณ์ ความเร็วนี้ช่างน่ากลัวจนขนลุกเสียเหลือเกิน

เขาหยิบยาออกมาดู หลังจากพบว่ายาเหล่านั้นไม่ได้มีปัญหาอะไร จึงเรียกซย่าเหลียนให้ไปต้มน้ำอ่างใหญ่เตรียมเอาไว้ จากนั้นก็โยนตัวยาเหล่านั้นลงไป วิธีการล้างพิษขั้นต่อไปคล้ายกับวิธีที่ไป๋จื่อกุยใช้ล้างพิษในตอนแรก

น้ำเดือดแล้ว ต้วนหลงนั่งลงไปแช่ในน้ำสมุนไพรนั้น และทำการกระตุ้นเพื่อล้างพิษต่อไป

อู๋เป่ยยังคงต้มยาต่อไปเรื่อยๆ และให้เขาใช้ยานี้เพื่อขับพิษที่เหลืออยู่ออกไปให้หมด

หลังจากแช่น้ำอยู่นานสามชั่วโมง ผิวหนังบริเวณส่วนหลังของต้วนหลง ก็กลายเป็นผิวหนังที่ตาย เมื่อผิวที่ตายแล้วลอกหลุดออก ก็จะเกิดผิวหนังใหม่ขึ้นมา นั้นแสดงว่าการรักษาได้ผลเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ บริเวณใบหน้าอันเน่าเฟ่ะของเขามีเนื้อสดๆ เกิดขึ้นมาใหม่ ด้วยพลังชีวิตอันแข็งแกร่งของเขา ไม่เกินสามวันหลังจากนี้ บาดแผลบนใบหน้าของเขาจะหายดีเป็นปกติ แม้แต่รอยแผลเป็นก็จะไม่มีทิ้งหลงเหลือไว้เลยแม้แต่น้อย

เมื่อถึงตอนนี้ ต้วนหลงรู้แล้วว่าพิษในตัวของเขาหายเป็นปกติแล้ว เขาหัวเราะและพูดว่า “คุณอู๋ บุญคุณที่ช่วยชีวิตในครั้งนี้ ไม่รู้จะกล่าวคำขอบคุณยังไงดี คราวหน้าหากมีอะไรที่ต้วนหลงอย่างฉันพอที่จะทำให้ได้บ้าง ขอให้เอ่ยปากออกมาได้เลยครับ”

อู๋เป่ยเปล่งเสียงสั้นๆ “อืม” “ถ้างั้นพวกเรามาคุยถึงเรื่องค่ารักษากันเถอะ ชาวยุโรปพวกนั้น ให้ค่าคอมมิชชั่นกับคุณเท่าไร”

ซย่าเหลียนตอบด้วยความโมโหว่า “คุณหมายความว่าอะไร คุณคงไม่ได้อยากได้ค่าคอมมิชชั่นก้อนนั้นหรอกใช่ไหม?”

ต้วนหลงหัวเราะและพูดว่า “เสี่ยวเหลียน อย่าเสียมารยาท มันก็แค่ค่าคอมมิชชั่นเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ต่อให้ยอดเงินมากกว่านี้อีกสิบเท่า มันยังไม่มากพอกับคำขอบคุณที่ฉันมีต่อคุณหมออู๋ได้เลยด้วยซ้ำไป”

“ไม่ต้องถึงสิบเท่าหรอก แค่หนึ่งในสามก็พอ” อู๋เป่ยตอบ

ต้วนหลงหัวเราะ “คนพวกนั้นให้ค่าคอมมิชชั่นผมสามร้อยล้านยูโร ผมจะให้กับคุณหมออู๋หนึ่งร้อยล้านยูโร คุณคิดเห็นว่าอย่างไร?”

หนึ่งร้อยล้านยูโร นั่นก็เท่ากับล้านร้อยล้านหยวน นับว่าเป็นจำนวนเงินมหาศาลเลยก็ว่าได้

อู๋เป่ยหัวเราะและพูดว่า “ตกลง คุณโอนเงินเข้าบัญชีผมได้เลย ฉันจะให้คุณอยู่ห้องนี้ต่อ แต่อย่าลืมจ่ายเงินค่าห้องก่อนค่อยกลับด้วยหล่ะ”

ซย่าเหลียนตอบด้วยน้ำเสียงชิงชัง “รู้แล้วหน่า!”

อู๋เป่ย “ใช้ยาตัวนี้แช่ตัวติดต่อกันสิบสองชั่วโมง ส่วนยาตัวนี้ใช้ดื่มสามเวลา จากนั้นอาการน่าจะหายดีเป็นปกติแล้วหล่ะ ถ้าไม่มีอะไรอื่นแล้วหล่ะก็ ผมขอตัวไปก่อนนะ”

หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบของที่อยู่ในห้องเช่น ไวน์แดง ขนมขบเคี้ยว ซิการ์ และอื่นๆ ที่จ่ายเงินแล้วใส่กระเป๋าไป สิ่งของรวมๆ มูลค่าหลายหมื่นหยวน ถูกหิ้วออกไปทั้งหมด ยังไงซะต้วนหลงก็เป็นคนจ่ายค่าห้อง ไม่เอาก็น่าเสียดายหน่ะสิ

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ซย่าเหลียนก็ทำปากขมุบขมิบด้วยความโกรธ เขาเหลือบไปมองต้วนหลง แต่ต้วนหลงกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จนกระทั่งอู๋เป่ยเดินออกจากห้องไป เธอจึงรีบพูดขึ้นว่า “เฮ้ย” “สุดท้าย ก็เป็นคนได้รับเงินร้อยล้านไป แถมยังงี้งกอีกต่างหาก! ช่างน่าขายหน้าเสียจริงๆ!”

ต้วนหลงหัวเราะ “ฮ่าฮ่า” “แต่ฉันกลับรู้สึกว่า คนแบบนี้สิถึงจะน่าสนใจ”

เขาหยุดไปครู่หนึ่งจึงพูดว่า “ไปเอาเหล้าชั้นดีกับซิการ์ที่ฉันเก็บสะสมเอาไว้ เลือกอันที่ดีที่สุดและส่งไปที่บ้านของคุณหมออู๋ เพื่อเป็นของขวัญแทนคำขอบคุณ”

ซย่าเหลียนถลึงตาโต “พี่หลง พวกเราให้เงินเขาไปร้อยล้านยูโรแล้วนะ ทำไมยังจะต้องส่งของขวัญให้เขาอีกด้วยหล่ะ?”

ต้วนหลงพูดอย่างเรียบเฉยว่า “เขาช่วยชีวิตฉันเอาไว้”

เมื่อได้ยินคำนั้น ซย่าเหลียนถึงกับพูดไม่ออก และพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

หลังจากออกจากโรงแรม สีหน้าของอู๋เป่ยเริ่มเคร่งเครียดขึ้น เขาเดินกลับไปยังถนนลี่สุ่ย

ช่วงเวลาเช้าตรู่ ภายในบ้านทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ส่วนสวี่จี้เฟยกำลังนั่งสมาธิปรับลมหายใจอยู่ในห้องนั่งเล่น รอคอยเขากลับมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ