ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 2369

อู๋เป่ยเอ่ยเรียบๆ ว่า: “ผมช่วยคุณแล้วจะได้อะไรบ้างครับ?”

ชายผู้นั้นพูดว่า: “ผมคือองค์ชายสาม ถ้าวัดฝีมือแล้ว ก็เป็นรองแค่องค์รัชทายาทกับองค์ชายห้า ถ้าคุณยอมช่วยผม ผมจะระดมทรัพยากรทั้งจักรวรรดิให้คุณใช้ ช่วยให้คุณพัฒนาให้เร็วที่สุด อย่างเช่นช่วยให้คุณได้ครอบครอง ‘รูปลักษณ์สูงสุด’ หรือช่วยคุณเสาะหาไฟศักดิ์สิทธิ์สูงสุด หนุนให้คุณบรรลุเป็นเทพสุริยะสูงสุด!”

อู๋เป่ยเริ่มสนใจ: “พวกคุณยังมีข่าวคราวเกี่ยวกับไฟศักดิ์สิทธิ์สูงสุดอยู่หรือ?”

องค์ชายสามยิ้มพูดว่า: “แน่นอนสิ องค์ชายห้ามีพรสวรรค์ดี องค์รัชทายาทก็เลยระแวดระวังเขาตลอด กวาดค้นทรัพยากรที่ใช้ฝึกตนทุกขั้นของ ‘ประตูเทพสูงสุด’ จนแทบไม่เหลือ ถึงจะยังหาไฟศักดิ์สิทธิ์สูงสุดไม่เจอ แต่ก็เจอเบาะแสแล้ว”

อู๋เป่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า: “คุณต้องการให้ผมทำอะไร?”

องค์ชายสาม: “ตอนนี้ยังไม่ต้องทำอะไร คุณแค่เร่งพลังยุทธ์ของตัวเองให้สูงขึ้น รอจนองค์ชายห้ากับองค์รัชทายาทตีกันจนพังพินาศทั้งคู่ แล้วค่อยช่วยผมลงมือ”

อู๋เป่ย: “ถ้ากรณีที่องค์รัชทายาทหรือองค์ชายห้าคนใดคนหนึ่งชนะ คุณจะรับมือยังไง?”

องค์ชายสาม: “องค์ชายห้าไม่ธรรมดา ส่วนองค์รัชทายาทก็ยิ่งจัดการยากเข้าไปอีก สองเสือฟาดฟันกัน ผลลัพธ์ย่อมต้องมีตายหนึ่งเจ็บหนึ่ง ถ้าองค์รัชทายาทแพ้ ผมก็จะเข้ายึดฐานกำลังของเขาได้โดยตรง; ถ้าองค์ชายห้าแพ้ ผมก็จะรับช่วงฐานกำลังขององค์ชายห้าได้เหมือนกัน เพราะไม่ว่าฝ่ายไหนแพ้ กำลังหนุนหลังก็จะขาดที่พึ่ง ย่อมต้องรีบหา ‘คนขึ้นมารับช่วง’ ทันที เพื่อไม่ให้โดนปิดบัญชี ตอนนั้นพอมีคุณคอยหนุน ผมย่อมโค่นคนที่ชนะลงได้ แล้วชิงบัลลังก์จักรพรรดิ!”

อู๋เป่ย: “พลังยุทธ์ของจักรพรรดิน่าจะไม่ธรรมดา ทำไมไม่ครองบัลลังก์ต่อไปล่ะ?”

องค์ชายสามเอ่ยเรียบๆ: “จักรพรรดิถูกคำสาป อายุขัยใกล้หมด อยู่ได้มากสุดอีกไม่เกิน 2 ปี”

อู๋เป่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า: “ได้ครับ เมื่อถึงเวลาที่คุณต้องการความช่วยเหลือ ใช้สิ่งนี้ติดต่อผม ผมจะไปช่วยคุณชิงบัลลังก์จักรพรรดิ”

องค์ชายสามดีใจมาก: “ดี! เราตกลงกันตามนี้ คำไหนคำนั้น!”

อู๋เป่ยยังคุยกับองค์ชายสามผู้นี้ต่ออีกสักพัก ก็พอรู้เรื่องราวของเขาโดยสังเขป จากนั้นจึงแยกจากองค์ชายสาม กลับไปถ้ำเมี่ยวฮวาเพื่อปรุงโอสถ

วันรุ่งขึ้น เขามอบยาอายุวัฒนะที่ค้างส่งให้คุณชายซวีเจียงเหอแล้ว ก็กลับบ้านที่แดนเซียนหยวนซือ

พอกลับถึงแผ่นดินเทพ เขาก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศไม่ค่อยปกติ ทั้งแผ่นดินเทพตึงเครียดอย่างมาก เขาตามหาเยวี่ยชิงอิ่งเพื่อถามความ แล้วถึงรู้ว่าสำนักมารบุกมาอีกแล้ว โชคดีว่าคราวนี้เย่ว์สือสามัคคีกันแน่น ไม่ปล่อยให้ฝ่ายนั้นฉวยโอกาสได้เปรียบ

อู๋เป่ยจึงรีบไปยังสมรภูมิ พบว่าสำนักมารกำลังล้อมป้อมปราการแนวรับของเย่ว์สืออยู่ เวลานั้นภายในป้อมก็มีบรรดามือฉมังของเย่ว์สือมารวมตัวกันแน่น ขนาดบรรพชนเยว่กับเยวี่ยตงเซิงยังมานั่งบัญชาการอยู่ตรงนี้

พอเห็นอู๋เป่ย เยวี่ยตงเซิงดีใจมาก พูดว่า: “อู๋เป่ย มาทันเวลาเลย!”

อู๋เป่ย: “ลุงเยวี่ย สถานการณ์เป็นยังไงบ้างครับ?”

เยวี่ยตงเซิงถอนใจ: “สำนักมารกำลังขนหุ่นเชิดอสูรมาต่อเนื่องไม่หยุด ผมได้รับข่าวว่า ไม่รู้มันใช้วิธีไหน สร้างหุ่นเชิดอสูรมาได้สามหมื่นตน! พลังของพวกมันเทียบได้กับผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นที่แปดถึงเก้า บางตนที่โหดๆ ถึงกับเทียบชั้นยอดฝีมือระดับเต๋าขั้นที่หนึ่งและสอง! ตอนนี้ผมกลัวว่าถ้าสำนักมารเปิดฉากบุกครั้งใหญ่ เย่ว์สือของเราอาจต้านไม่อยู่!”

อู๋เป่ย: “แล้วขั้วอำนาจใหญ่รายอื่นๆ ในแผ่นดินเทพล่ะ เขามีความเคลื่อนไหวอะไรไหม?”

เยวี่ยตงเซิงหัวเราะเย็น: “ก็ยืนดูอยู่เฉยๆ นั่นล่ะ อยากให้เย่ว์สือเราโดนกวาดล้าง จะได้รอโอกาสชุบมือเปิบ!”

อู๋เป่ยถาม: “ทางสำนักมารมียอดฝีมือระดับเต๋ากี่คน?”

เยวี่ยตงเซิง: “ไม่น่าต่ำกว่ายี่สิบคน คราวก่อนโดนคุณสังหารไปหลาย ตอนนี้คงเหลือราวสิบห้าถึงสิบหกคน ที่แกร่งที่สุดคือเจ้าสำนัก ลี่อู๋เชวี่ย พลังยุทธ์ของเขาถึงระดับเต๋าแปดขั้นแล้ว แต่โดยมากเจ้าตัวไม่ค่อยลงมือ เคลื่อนไหวลึกลับนัก”

อู๋เป่ย: “บรรพชนเยว่กับเจ้าสำนักมาร ใครแกร่งกว่ากัน?”

เยวี่ยตงเซิง: “พลังของบรรพบุรุษของเย่ว์สือพอๆ กันกับเขา แต่ถ้าไม่ถึงคราวคับขัน บรรพบุรุษจะไม่ลงมือ เย่ว์สือไม่ได้เผชิญแค่สำนักมาร ภัยใหญ่ที่สุดจริงๆ มาจากขั้วอำนาจอื่นๆ ในแผ่นดินเทพต่างหาก”

อู๋เป่ย: “ถ้าสำนักมารลงมือ ผมจะช่วยเย่ว์สือเต็มกำลัง”