ข้าง ๆ มีชายผู้หนึ่ง ซึ่งจัดว่าเป็นอันดับสามของสำนักเต๋า เขาชื่อเจวี๋ยน เจวี๋ยนเอ่ยว่า “อายุน้อยขนาดนี้แต่พลังยุทธ์ลึกซึ้งนัก ดูท่าทางเจ้าจะเป็นคนมีบุญวาสนา”
เจวี๋ยเฉินว่า “เอาเถอะ ด้วยฐานะและตำแหน่งของเจ้าตอนนี้ ข้าจะบอกเจ้า ภายในสำนักเต๋า พวกเราพี่น้องมีอยู่เจ็ดคน สามสิบปีก่อน เราทุกคนล้วนเป็นผู้อาวุโสของ ‘สำนักหวงหลง’ ทว่าทั้งสำนักหวงหลงถูกกวาดล้างในคืนเดียว พวกเราสองสามคนหนีรอดมาได้อย่างหวุดหวิด แต่ค่ายกลยิ่งใหญ่ที่อีกฝ่ายวางไว้ร้ายกาจนัก พลังยุทธ์ของพวกเราถูกผนึกโดยไม่ทราบสาเหตุจนถึงทุกวันนี้ยังใช้การไม่ได้ เรากลัวจะถูกคู่อาฆาตพบเข้า จึงปกปิดตัวตน เปลี่ยนชื่อแซ่ เข้ามาอาศัยในสำนักเต๋า ทำทีเป็นนักบวชเต๋า”
อู๋เป่ยตกใจนัก ผู้ที่สามารถล้มสำนักหนึ่งได้ ต้องมีพลังแข็งแกร่งยิ่ง!
เขาถามว่า “ตอนนั้นพวกท่านอยู่พลังระดับขอบเขตไหนกันบ้าง?”
เจวี๋ยเฉินว่า “สมัยนั้นข้าอยู่แดนตำหนักลับ คนอื่นส่วนใหญ่ก็อยู่แดนสวรรค์ลับหรือแดนตำหนักลับ มีเพียงท่านผู้เฒ่เยว่ที่เคยไปถึงขอบเขตมี่อิง แข็งแกร่งที่สุด”
ชายชราผมแดงเรื่อ ใบหน้าซูบผอม พยักหน้า ดูท่าก็คือท่านผู้เฒ่เยว่นั่นเอง
อู๋เป่ยครุ่นคิดแล้วถามว่า “เป็นค่ายกลแบบไหนกัน ถึงกดข่มพลังของพวกท่านได้?”
ท่านผู้เฒ่เยว่กล่าวว่า “เรียกว่าค่ายกลสังหารเซียน เป็นค่ายกลที่ร้ายแรงยิ่ง แม้เราจะหนีออกมาได้ แต่ร่างกายล้วนบอบช้ำเพราะค่ายกล พลังยุทธ์ทั้งมวลจึงใช้พลังไม่ออก”
วิธีรับมือผุดขึ้นในหัวของอู๋เป่ยทันที เขาทำเป็นไม่สะทกสะท้าน เอ่ยว่า “ทุกท่าน รอให้ถึงสำนักเต๋าก่อน ผมจะช่วยคิดหาทางให้ครับ”
ดวงตาของเจวี๋ยเฉินสว่างวาบ เขาหันไปสั่งเต๋าน้อยว่า “ขับให้เร็วหน่อย!”
พอกลับถึงสำนักเต๋า ทุกคนนั่งที่หน้าตำหนัก อู๋เป่ยก้าวมาหาเจวี๋ยเฉิน เอ่ยคาถาลี้ลับ จากนั้นบนฝ่ามือทั้งสองก็ปรากฏลายแปดทิศสองวง หมุนช้า ๆ เมื่อแสงของลายแปดทิศสว่างจ้า เขาประทับฝ่ามือซ้ายลงบนกระหม่อมเจวี๋ยเฉิน มือขวากดลงที่กลางอก
“ตูม!”
เจวี๋ยเฉินรู้สึกราวกับมีเสียงดังสนั่นในห้วงสมอง แล้วก็เหมือนพันธนาการบางอย่างในกายแตกสลาย พลังที่ถูกฝังกลบมาช้านานพุ่งทะลักดุจภูเขาไฟปะทุ
เส้นผมของเขาพลิ้วไหวทั้งที่ไร้ลม ลมปราณน่าเกรงขามกระจายออกมา ในพริบตาเขาก็ฟื้นคืนพลังยุทธ์สู่แดนตำหนักลับ!
เห็นเจวี๋ยเฉินฟื้นพลัง คนอื่น ๆ ทั้งตกตะลึงทั้งยินดี ท่านผู้เฒ่เยว่เอ่ยว่า “เจ้าอู๋ ช่วยข้าด้วย!”
อู๋เป่ยทำตามวิธีเดิม ไม่นานก็ช่วยฟื้นพลังยุทธ์ให้คนอื่นครบ โดยเฉพาะท่านผู้เฒ่เยว่ ผู้มีขอบเขตมี่อิง พลังน่าอัศจรรย์ที่สุด สูงสุดในหมู่พวกเขา
ทุกคนนั่งขัดสมาธิ รับรู้พลังในกาย ทำความคุ้นเคยกับพลังยุทธ์อันได้มายากเย็นนี้
อู๋เป่ยพาเสวี่ยอู่ออกไปที่ลานในสำนัก แล้วว่า “พวกเขาต้องใช้เวลาปรับตัว”
เสวี่ยอู่ว่า “คุณชาย ขอบคุณที่ท่านยื่นมือช่วยค่ะ”
อู๋เป่ยว่า “จริง ๆ แล้วผมกังวลว่า พอพวกเขาฟื้นพลัง ก็จะรีบไปล้างแค้นคู่อาฆาต สมัยก่อนพวกเขายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ ตอนนี้ก็ยิ่งสู้ไม่ได้”
เสวี่ยอู่สีหน้าหม่นหมอง “ใช่ค่ะ แค้นล้างสำนัก แบบนั้นไม่มีวันลืมได้หรอก”
อู๋เป่ยว่า “เดี๋ยวเธอช่วยเกลี้ยกล่อมพวกเขาหน่อยนะ”
พอว่างสองคน อู๋เป่ยก็สอนวิชายุทธจากพระคัมภีร์ให้เสวี่ยอู่อย่างต่อเนื่อง ระหว่างสอน เขาเองก็ศึกษาขบคิดไปด้วย
ในพระคัมภีร์ภาพวาดราชาเซียนทั้งเล่ม มีตอนหนึ่งกล่าวถึงขั้นเวทลับโดยเฉพาะ และอู๋เป่ยก็ได้ฝึกวิชาลับไว้มากมาย ถึงเวลาจะฝึกตนเวทลับแล้ว
ครั้นคิดจะฝึกเวทลับ ในหัวของเขาก็ผุดเวทลับที่ฝึกได้อยู่สองบท บทหนึ่งคือวิชาแฝงดินห้าธาตุ ทว่าไม่เหมือนวิธีที่เขาคิดไว้เสียทีเดียว บางสิ่งในพระคัมภีร์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของวิชาแฝงดินห้าธาตุได้หลายเท่า!
อู๋เป่ยพอเริ่มจับทางได้ เจวี๋ยเฉินกับคนอื่นก็พากันเดินออกจากตำหนักแล้ว ทั้งหมดพร้อมใจกันคารวะให้อู๋เป่ย
อู๋เป่ยรีบคารวะกลับ “ท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย ไม่ต้องถึงขนาดนี้หรอกครับ”
เจวี๋ยเฉินว่า “เจ้าอู๋ บุญคุณนี้ ไว้พวกเราจะทดแทนในภายหน้า ตอนนี้เราจะออกจากสำนักเต๋า ไปทำธุระอย่างหนึ่ง”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
ทำไมบางตอนถึงสั้นจังครับ...
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...
มีหลายตอนไม่ได้อ่านครบอยากปืนยิงคนดูแลจังลงก็ไม่ครบดีดูแลไม่ได้เรื่องของครอบครัวคนดูแลมีแต่ความชิบหาย...