ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 719

หลานสุ่ยเยว่เล่าเรื่องที่ตนเองรู้ทั้งหมดตามความจริง

ประมาณกลางดึกเมื่อสามวันก่อน สถานการณ์ทุกอย่างในป้อมตระกูลถังดำเนินตามปกติ แต่ทันใดนั้น มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นในค่ำคืนที่สงบ

มียอดฝีมือไม่น้อยมุ่งหน้ามายังที่เกิดเหตุ สถานที่แห่งนั้นอยู่ไม่ไกลจากประตูใหญ่ของป้อมตระกูลถัง ยอดฝีมือชั้นเทพคนหนึ่งนอนตายอยู่กลางตลาด เลือดสีดำไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด ผิวหนังเหม็นหืน ดวงตาทั้งคู่เน่าเปื่อย ราวกับว่าตายนานแล้ว!

ป้อมตระกูลถังเริ่มสืบหาฆาตกรทันที แต่น่าเสียดายไม่มีเบาะแสอะไรเลย จนกระทั่งมีคนจะออกจากป้อมเพื่อไปทำธุระข้างนอก แต่ปรากฏว่าตอนที่เขาเพิ่งเข้าใกล้ประตู ก็กรีดร้องกะทันหัน จากนั้นไฟลุกไหม้ทั้งตัว

ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที เขาถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน!

ต่อมาก็มีคนอีกหลายคนตายระหว่างกำลังจะออกจากป้อม รูปแบบการตายนั้นแตกต่างกัน บางคนขาดใจตาย บางคนตายเพราะพิษเข้าสู่กระแสเลือด และมีบางคนกระดูกแหลกทั้งร่าง อวัยวะภายในฉีกขาด ทุกการตายล้วนน่าเวทนาอย่างยิ่ง

หลังจากตายไปสิบสามคน ทุกคนไม่กล้าออกจากป้อมตระกูลถังอีกเลย ในระหว่างนั้น ก็มีคนเข้ามาในป้อมตระกูลถังเช่นกัน แต่กลับปลอดภัยไม่เป็นอะไร แต่หากคิดจะออกไป ต้องตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ฟังหลานสุ่ยเยว่พูดจนจบ อู๋เป่ยครุ่นคิดแล้วถาม “คนที่ออกจากป้อม ตายห่างจากป้อมตระกูลถังแค่ไหน”

หลานสุ่ยเยว่ “ประมาณสามสิบเมตร”

“แล้วถ้าไม่ออกทางประตู แต่เป็นกำแพงล่ะ”

หลานสุ่ยเยว่ “ไม่มีประโยชน์ ต่อให้เป็นกำแพงก็ร่างระเบิดทันที ในสิบสามคน มีสี่คนที่ตายเพราะสาเหตุนี้”

อู๋เป่ย “แบบนี้ก็เท่ากับว่า พวกหัวหน้าสำนักยังไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม”

“ใช่แล้ว ไม่สามารถส่งข่าวออกไปข้างนอก โทรศัพท์ทั้งหมดในป้อมตระกูลถังไม่สามารถใช้งาน”

อู๋เป่ยหยิบโทรศัพท์ของตนเองออกมา ไม่มีสัญญาณตามที่เธอบอก ดูเหมือนมีคนจงใจตัดสัญญาณ

เขายิ้มอย่างเย็นชา “เห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือของใครบางคน ยิ่งกว่านั้นน่าจะมีหนอนบ่อนไส้!”

หลานสุ่ยเยว่อึ้งเล็กน้อย “หนอนบ่อนไส้เหรอ”

อู๋เป่ย “ถ้าไม่มีหนอนบ่อนไส้ ไม่มีทางทำได้เนียนขนาดนี้ เพียงแต่ผมไม่เข้าใจ จุดประสงค์ที่พวกเขาทำแบบนี้คืออะไร”

หลังจากนั้นเขาถาม “หลายวันมานี้ ถังเหมินมีการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือเปล่า”

หลานเยว่สุ่ยครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ถังเซิ่งเคอกับถังเทียนอวิ้นออกจากป้อมตระกูลถังก่อนเกิดเรื่อง แล้วก็ก่อนหน้านี้มีข่าวลือบอกว่าท่านทวดเกิงกับเจ้าสำนักได้ตายลงที่ดินแดนแห่งเซียนแล้ว”

อู๋เป่ยขมวดคิ้ว มีข่าวลือที่คล้ายๆ กันแบบนี้ขึ้นเกิดขึ้น ครั้งก่อนบอกว่าถังเทียนเจวี๋ยตายแล้ว คราวนี้ก็บอกว่าถังไท่เกิงกับถังเทียนเจวี๋ยตายอีก วิธีการไม่เปลี่ยนเลยสักนิด

เขาเงียบไปสักพักแล้วพูด “ศัตรูซ่อนอยู่ในมุมมืด ยิ่งกว่านั้นพวกเราไม่รู้ด้วยว่าเขาเป็นใคร”

หลานสุ่ยเยว่ถอนหายใจ “ตอนนี้ผู้คนในป้อมต่างหวาดกลัว และเริ่มมีคนคุยกัน บอกว่าต้องการผลักดันเจ้าสำนักคนใหม่ เพื่อร่วมกันจัดระเบียบและโครงสร้าง ฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน”

อู๋เป่ยยิ้มอย่างเย็นชา “อีกฝ่ายเลือกลงมือตอนที่ท่านทวดเกิงกับเจ้าสำนักไม่อยู่ ดูเหมือนจะมีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ว่าไม่มีอะไรต้องห่วง แค่มีคนสามารถเดินออกจากป้อมตระกูลถังและกลับมาอีกครั้งอย่างปลอดภัย ข่าวลือก็จะหายไปเองโดยไม่ต้องทำอะไร”

หลานสุ่ยเยว่ถอนหายใจเบาๆ “แต่ตอนนี้ไม่มีใครกล้าออกจากป้อม ไม่มีใครอยากตายทั้งนั้น”

อู๋เป่ยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เรื่องนี้ปล่อยให้ผมจัดการเอง!”

หลานสุ่ยเยว่รีบห้ามปราม “หมอเทวดาอู๋ อย่าเสี่ยเลย!”

ถังปิงอวิ๋นรีบพูด “ที่รัก ฉันจะไปกับคุณ!”

อู๋เป่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ปิงอวิ๋น ตอนที่ผมเดินออกไปต้องมีพยาน เรื่องนี้ขอมอบหมายให้คุณก็แล้วกัน”

ถังปิงอวิ๋นพยักหน้าแรงๆ “ได้!”

จากนั้นเขาหันไปพูดกับหลานสุ่ยเยว่ “อาวุโสหลาน ต้องขอรบกวนคุณช่วยกระจายข่าวด้วย บอกไปว่าตอนนี้เซ่าจุน เจ้าสำนักและท่านทวดเกิงไม่อยู่ ดังนั้นผมจึงมีสิทธิ์ตัดสินใจมากที่สุด ภายในหนึ่งชั่วโมง ผมขอให้ทุกคนไปรวมตัวกันที่โถงบรรพชน ผมมีเรื่องจะพูด”

หลานสุ่ยเยว่พูด “ได้ ฉันจะจัดการเดี๋ยวนี้!”

หลานสุ่ยเยว่เรียกถังเสวียนกับถังกุ้ย สามแม่ลูกเริ่มกระจายข่าว หนึ่งบอกสิบ สิบบอกร้อย ไม่นานคนทั้งป้อมตระกูลถังก็รู้เรื่องที่อู๋เป่ยเป็นเซ่าจุนของถังเหมิน