ตอนที่ 1112 แผนการต่อเนื่อง
ดูเหมือนราชาหนอนไหมจะเกลียดชังหนอนไหมทองคำมากเพราะทันทีที่มันเข้าไปมันก็ไล่ล่าหนอนไหมสีทองทันทีและไล่กัดอีกฝ่ายเป็นฉากนองเลือด แน่นอนว่าหนอนไหมสีทองไม่สามารถต่อต้านราชาหนอนไหมได้และนั่นก็ทำให้ราชาหนอนไหมกินหนอนไหมสีทองไปทีละน้อย
หลังจากกลืนหนอนไหมสีทองเข้าไปร่างของราชาหนอนไหมก็เปลี่ยนไปและมันก็มีแถบสีม่วงทองปรากฏขึ้นบนตัวของมันและมันก็ดูเหมือนจะโกรธเกรี้ยวอย่างมาก
มีคนไม่มากในหมู่บ้านเมียวที่สามารถใช้หนอนไหมสีทองได้เพราะเนื่องจากวิธีการกลั่นพิษและการควบคุมมันนั้นยากมากและคุณสมบัติของผู้ใช้ก็มีข้อกำหนดสูง ซึ่งนอกจากจงโหลวซานและจงฮุ่ยลูกชายของเขาแล้วก็ไม่มีใครสามารถใช้หนอนไหมสีทองนี้ได้อย่างแน่นอนและหว่านไห่เองก็เดาว่าน่าจะเป็นพวกเขาทั้งสอง
“พ่อคะทำไมพี่เย่ยังไม่ตื่นอีกล่ะ” หลัวสุ่ยถามด้วยความกังวลใจ
“พ่อก็บอกไปแล้วว่าเส้นลมปราณในร่างกายของเขาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากการใช้วิชาลับศิลปะการต่อสู้โบราณและมันก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์มากที่เขายังสามารถรอดได้จนถึงตอนนี้” หว่านไห่พูด
ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เย่เชียนใช้วิชาลับประตูแปดด่านและเปิดไปถึงด่านที่สี่แต่ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บแต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงนักเพราะทั้งหมดนี้เกิดจากพิษของหนอนไหมสีทองควบคู่ไปกับการที่เย่เชียนพยายามฝืนวิ่งในระยะทางที่ไกลจนทำให้ร่างกายของเขาเสียหายอย่างรุนแรง
“พ่อต้องช่วยพี่เย่ให้ได้นะ..พ่อมีวิธีช่วยเขาใช่มั้ย?” หลัวสุ่ยขอร้อง
หว่านไห่ก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “พ่อจะลองคิดหาวิธีดู”
จงโหลวซานนั้นถูกเย่เชียนโจมตีอย่างรุนแรงจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและใบหน้าของเขาก็ซีดลงอย่างมาก ทันใดนั้นเขาก็ตกใจและคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากัน จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “หว่านไห่อีกแล้ว..มันช่างน่ารำคาญจริงๆ”
“เกิดอะไรขึ้นครับพ่อ?” จงฮุ่ยถาม
“หว่านไห่เอาพิษหนอนไหมสีทองที่ฉันใส่เข้าไปในตัวเด็กคนนั้นออก” จงโหล่วซานพูดหลังจากหยุดไปชั่วขณะ จากนั้นจงโหลวซานก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “เอาเถอะแกออกไปก่อนเพราะฉันต้องพักผ่อน..จำเอาไว้ให้ดีแกต้องติดต่อกับพวกหมอผีมนต์ดำให้ได้..ฉันต้องพักฟื้นรักษาตัวเพราะงั้นฉันจะทำอะไรไม่ได้เลยในช่วงนี้เพราะงั้นถ้ามีเรื่องเร่งด่วนแกก็จัดการซะแต่จงจำคำพูดของฉันเอาไว้ว่าพวกเรากำลังทำเรื่องที่สำคัญเพราะงั้นอย่าเอาผู้หญิงมาเป็นอุปสรรคเด็ดขาด..รีบไปได้แล้วเพราะตราบใดที่เราฆ่าหว่านไห่ได้หลัวสุ่ยก็จะเป็นของแกในไม่ช้าก็เร็ว!”
“ครับพ่อผมรู้ว่าต้องทำยังไง” จงฮุ่ยเบิกตากว้างและตอบ “พ่อครับ..พักผ่อนเยอะๆนะผมขอตัวก่อน” เมื่อพูดจบจงฮุ่ยก็หันหลังเดินจากไปและดวงตาของเขาก็มีความพึงพอใจในตนเองอย่างชัดเจนและยังสายตาที่เจ้าเลห์อย่างมาก ซึ่งไม่รู้เลยว่าในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อจงฮุ่ยกลับมาที่ห้องและกำลังจะพักผ่อนแต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงขลุ่ยที่ไม่ดังมากแต่ก็ชัดเจนในหูของเขาและหลังจากมึนงงเล็กน้อยจงฮุ่ยก็ลุกขึ้นและเดินออกไปแต่ทว่าร่างเงานั้นก็หายไปอย่างรวดเร็วในความมืดมิดภายใต้แสงจันทร์ที่พร่ามัว เมื่อเห็นแบบนั้นจงฮุ่ยก็เดินเข้าไปในป่าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านและจากระยะไกลเขาก็เห็นร่างเงายืนอยู่ตรงนั้น
จงฮุ่ยก็เดินเข้าไปหาร่างเงาและหยุดอยู่ไม่ไกลจากร่างเงาแล้วโค้งคำนับอย่างเคารพและพูดว่า “ข้าน้อยขอทำความเคารพท่านหมอผีผู้ยิ่งใหญ่ซวนหมิง”
“อืม” เสียงดูแหบแห้งมากราวกับวิญญาณอสูรจนทำเอาคนที่ได้ยินต้องสั่นเทาแล้วเงานั้นก็ค่อยๆหันกลับมา เขาสวมเสื้อคลุมสีดำที่มีรูปเมฆเพลิงอยู่และใบหน้าของเขาดูเหมือนคนตายและต้นไม้ที่เหี่ยวแห้งและริ้วรอยบนใบหน้าก็ดูน่ากลัวอย่างมาก อย่างไรก็ตามดวงตาคู่นั้นดูสว่างเป็นพิเศษภายใต้ค่ำคืนที่มืดมิดแบบนี้จนดูเหมือนดวงดาวที่ส่องแสง เมื่อเขามองไปที่จงฮุ่ยแล้วจงฮุ่ยก็ถึงกับสั่นเทาโดยควบคุมไม่ได้
“เป็นยังไงบ้าง?..แผนการของพ่อเจ้าพร้อมหรือยัง?” เสียงของซวนหมิงต่ำและแหบแห้งราวกับว่ามันเต็มไปด้วยพลังที่ลึกลับมากจนทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน
หมู่บ้านเมียวเต็มไปด้วยตำนานต่างๆตั้งแต่สมัยโบราณส่วนคาถามนต์ดำต่างๆนั้นจะมีจริงหรือไม่นั้นโลกภายนอกก็ไม่สามารถทราบได้ อย่างไรก็ตามคำบอกเล่าจากปากต่อปากและตำนานนั้นทำให้คาถามนต์ดำของพวกเขาดูลึกลับอย่างมาก เย่เชียนเองก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนแต่ครั้งนี้มันเป็นประสบการณ์ส่วนตัวและในความเห็นของเขาสิ่งที่เรียกว่าคาถานั้นอาจเป็นเหมือนวิธีการฝึกฝนที่แตกต่างไปจากศิลปะการต่อสู้โบราณแต่เป็นเพียงเพราะความลึกลับที่ทำให้พวกเขาเชื่อกันว่ามันอัศจรรย์มากกว่านั่นเอง
ซวนหมิงในฐานะผู้นำของเหล่าหมอผีมนต์ดำนั้นสำหรับผู้คนในหมูบ้านเมียวแล้วเขาเป็นตัวตนที่น่าหวาดกลัวอย่างมาก ในการต่อสู้เมื่อหลายปีก่อนเนื่องจากการกลับมาอย่างกะทันหันของหว่านไห่แหละเหล่าจอมขมังเวทย์ของหมู่บ้านนั้นทำให้ซวนหมิงต้องถอยกลับแต่หลังจากหลายปีผ่านมาซวนหมิงก็แน่ใจว่าเขาจะโจมตีหว่านไห่อย่างหนักในครั้งนี้ แต่ทว่าจงโหลวซานนั้นยังคิดอย่างโง่เขลาว่าเขากำลังใช้พลังของซวนหมิงเพื่อทำให้เขาขึ้นไปยังตำแหน่งผู้นำของหมู่บ้านแต่เขากลับไม่รู้เลยว่าซวนหมิงหลอกใช้เขามาตลอด
ที่น่าขำยิ่งกว่าคือจงโหลวซานไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกชายของเขาจงฮุ่ยไม่ได้ทำตามแผนของเขาเลยและไม่คิดที่จะช่วยเขา
“มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นนิดหน่อยครับเพราะวันนี้มีคนที่ชื่อเย่เชียนจากสำนักถังมาพบหว่านไห่เพื่อขอหลัวสุ่ยแต่งงานและเขาก็แอบฟังการสนทนาทั้งหมดระหว่างผมกับพ่อของผมเพราะงั้นผมคิดว่าหว่านไห่จะต้องระมัดระวังมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน” จงฮุ่ยพูด
เมื่อได้ยินแบบนั้นคิ้วของซวนหมิงก็ขมวดเข้าหากันแต่เนื่องจากกล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาแข็งทื่อเหมือนต้นไม้ที่ตายแล้วจงฮุ่ยจึงมองไม่เห็นเลย “เย่เชียน?..ฉันจะตรวจสอบเขาเอง” ซวนหมิงพูดต่อ “แกไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกแกแค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเพราะฉันไม่ต้องการความผิดพลาดใดๆในการโจมตีหว่านไห่..ฉันรอเวลานี้มายี่สิบปีแล้ว!”
“ท่านซวนหมิงครับคุณจำสิ่งที่ท่านสัญญากับผมได้หรือเปล่าว่าหลังจากที่หว่านไห่และจงโหลวซานถูกกำจัดแล้วผู้นำของหมู่บ้านคนต่อไปจะเป็นของผมและหลัวซุ่ยก็ต้องเป็นของผมด้วยเพราะงั้นท่านจะทำร้ายเธอไม่ได้” จงฮุ่ยพูด


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน