ตอนที่ 1115 พิธีกรรมแลกเปลี่ยนเลือด
………………..
พิธีกรรมการแลกเปลี่ยนเลือดเป็นการใช้มนต์ขลังที่สืบทอดโดยบรรพบุรุษของหมู่บ้านเมียวที่ต้องใช้คาถาบางอย่างจึงจะได้ผล ด้วยเหตุนี้มันจึงสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นโดยปรมาจารย์และจอมขมังเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่และจุดประสงค์ของพิธีกรรมการแลกเปลี่ยนเลือดก็คือเพื่อให้บุคคลธรรมดามีได้สายเลือดของจอมขมังเวทย์ซึ่งจะทำให้ร่างกายของพวกเขาใกล้เคียงกับความแข็งแกร่งของเผ่าจอมขมังเวทย์และจะมีความสามารถในการฟื้นฟูรักษาตัวเอง
ในเวลานั้นฉินหยูปฏิเสธจงโหลวซานและด้วยความคิดที่บิดเบือนว่าถ้าหากเขาไม่ได้ฉินหยูมาครอบครองล่ะก็คนอื่นๆ ก็ไม่สามารถครอบครองเธอได้ ดังนั้นเขาจึงทำร้ายฉินหยูจนบาดเจ็บสาหัสในขณะที่เธอกำลังตั้งครรภ์และถ้าเธอไม่ได้รับการรักษาทันเวลาล่ะก็สองชีวิตแม่กับลูกก็จะถูกพรากไป เมื่อพิจารณาว่าฉินหยูได้ทำความดีและประโยชน์มากมายให้กับชาวเมียวแล้วหว่านไห่จึงยอมที่จะช่วยชีวิตฉินหยู แน่นอนว่าห่านไห่ไม่ได้คาดคิดว่าจงโหลวซานจะเลวร้ายถึงขนาดนี้เพราะไม่เพียงแต่ทำให้ฉินหยูได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ยังใช้พิษที่ร้ายแรงกับเธอด้วย
ถึงแม้ว่าหลัวสุ่ยจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของหว่านไห่ก็ตามแต่เขาก็ถือว่าเธอเป็นเหมือนลูกสาวแท้ๆ ของเขาเสมอ นับตั้งแต่การตายของภรรยาของนั้นหว่านไห่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขุ่นเคืองต่อหลัวสุ่ยและอันที่จริงแล้วหัวใจของเขาก็อึดอัดมากเช่นกันที่เขาทำแบบนั้นกับหลัวสุ่ย ดังนั้นคราวนี้เขาจึงตัดสินใจช่วยเย่เชียนและสาเหตุหลักๆ ก็มาจากความรู้สึกผิดต่อหลัวสุ่ยนั่นเอง
แน่นอนว่าหลัวสุ่ยไม่รู้ทั้งหมดนี้และเธอก็ไม่รู้ว่าหว่านไห่ไม่ใช่พ่อผู้ให้กำเนิดของเธอ ในขณะนี้เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในพื้นที่ต้องห้ามบ้างเพราะเธอไม่เคยเห็นพิธีกรรมการแลกเปลี่ยนเลือดแต่เธอรู้ว่ามันมีอยู่จริง แต่เธอก็มองเข้าไปในถ้ำเป็นครั้งคราวด้วยความเป็นห่วงเย่เชียน
ในเวลานี้เย่เชียนก็ทุกข์ทรมานเช่นกันเพราะหว่านไห่โยนเขาลงไปในบ่อเลือดและมันก็ลึกพอที่จะทำให้เย่เชียนจมน้ำตายได้ แน่นอนว่าตอนนี้มันยังไม่สายเกินแก้ดังนั้นหว่านไห่จึงไม่อยากเสียเวลาและรีบท่องคาถาแล้วปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาทันที ในตอนนี้น้ำในบ่อที่สงบกลับเดือดระอุขึ้นและมีเสียงคล้ายๆ ระเบิดเกิดขึ้น
ในเวลานี้เย่เชียนยังอยู่ในอาการโคม่าไม่เช่นนั้นเขาคงไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกยังไงดีเมื่อได้เห็นฉากตรงหน้า ในโลกนี้มีสิ่งลึกลับมากมายและเขาก็ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป็นสิ่งที่อัศจรรย์แบบนี้ แต่ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะอยู่ในอาการโคม่าแต่สมองของเขาก็ยังคงทำงานอยู่แต่เขาตื่นขึ้นมาไม่ได้ราวกับเป็นอัมพาต สมองของเย่เชียนสามารถรับรู้ข้อมูลและสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากโลกภายนอกได้แต่ร่างกายกลับไม่ฟังเขา
ในความงุนงงเย่เชียนก็ดูเหมือนจะรู้สึกว่าความร้อนได้ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาจากผิวหนังของเขาจากนั้นก็ค่อยๆ สูบเลือดจากร่างกายของเขาออกจากหัวใจและก็ค่อยๆ ครอบงำหัวใจของเย่เชียน จากนั้นก็ค่อยๆ ระเหยเลือดในร่างกายของเย่เชียนจนหมดและร่างกายของเย่เชียนก็อยู่ในสถานะก๊าซและอากาศและในไม่ช้าก็เห็นหมอกสีแดงรอบๆ บ่อน้ำ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันเกิดจากการระเหยของเลือดในร่างกายเย่เชียน
พิธีกรรมการแลกเปลี่ยนเลือดนั้นต่างไปจากการปลูกถ่ายไขกระดูกของแพทย์แผนตะวันตกเพื่อสร้างเม็ดเลือดใหม่ อย่างไรก็ตามนี่เป็นวิธีพิเศษที่สืบทอดกันในหมู่บ้านเมียวมานับพันปี ซึ่งสิ่งที่ไม่เคยเห็นไม่ได้หมายความว่ามันไม่ได้มีอยู่จริง ก่อนหน้านี้เย่เชียนไม่เชื่อแต่ตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงมันจริงๆ
อย่างไรก็ตามพิธีการนี้ก็เจ็บปวดมากและความเจ็บปวดจากร่างกายของเย่เชียนก็ทำให้เขาต้องการร้องเสียงดังแต่เนื่องจากร่างกายของเขาไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาดังนั้นเขาจึงไม่สามารถออกเสียงได้เลย ความรู้สึกแบบนั้นไม่สบายตัวอย่างบอกไม่ถูกเพราะมันเหมือนมดนับหมื่นตัวกัดกินหัวใจราวกับมีหนามยักษ์นับหมื่นทิ่มแทงร่างกาย
หน้าผากของหว่านไห่ก็มีเหงื่อไหลออกมาเรื่อยๆ เพราะพิธีกรรมการแลกเปลี่ยนเลือดไม่ใช่แค่มีผลกระทบกับผู้ถูกทำพิธีเท่านั้นแต่ยังเต็มไปด้วยอันตรายสำหรับผู้ร่ายคาถาอีกด้วยและอาจทำให้ผู้ร่ายคาถาจะสูญเสียทักษะอันยอดเยี่ยมทั้งหมดไปและหากไม่ระวังอาจทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตได้ ดังนั้นหว่านไห่จึงไม่กล้าประมาทเลยแม้แต่น้อย
ครั้งสุดท้ายที่เขาทำพิธีกรรมแลกเปลี่ยนเลือดกับฉินหยูเขาต้องพักผ่อนมานานกว่าหนึ่งปีก่อนที่ร่างกายของเขาจะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตามด้วยประสบการณ์ก่อนหน้านี้หว่านไห่จึงมีความชำนาญมากขึ้นในการประกอบพิธีและหลีกเลี่ยงอุปสรรคมากมาย ถึงแม้ว่าพิธีกรรมการแลกเปลี่ยนเลือดนี้จะถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นโดยปรมาจารย์และจอมขมังเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ท้ายที่สุดก็แทบจะไม่มีใครใช้ เช่นเดียวกับการทำอาหารที่ถึงแม้ว่าเราจะรู้สูตรและวิธีการทำแต่ถ้าเราไม่เคยได้ลองทำเราก็จะไม่มีวันแน่ใจ
โชคดีที่หลังจากประสบการณ์ครั้งสุดท้ายหว่านไห่ก็หลีกเลี่ยงอุปสรรคและความเสี่ยงมากมายและเขาก็ทำได้คล่องแคล่วกว่าเดิมมาก อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้วหว่านไห่ก็ไม่กล้าที่จะประมาทและทำผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย ไม่อย่างนั้นไม่เพียงแค่เย่เชียนเท่านั้นที่ตกอยู่ในอันตรายแต่ยังรวมถึงตัวเขาเองด้วย
หลัวสุ่ยอยู่ที่ด้านนอกดังนั้นเธอจึงมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในพื้นที่ต้องห้ามแต่เธอรู้ด้วยว่าคราวนี้จะต้องเต็มไปด้วยอันตราย ในตอนนี้หลัวสุ่ยเต็มไปด้วยความกังวลใจและเธอก็ไม่รู้ว่าทำไมสถานะของเย่เชียนในใจของเธอถึงได้สำคัญอย่างไม่มีเหตุผล เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงกังวลมากเมื่อรู้ว่าชีวิตของเย่เชียนตกอยู่ในอันตรายและห่วงชีวิตกับความตายของเย่เชียนอย่างมาก
“หลัวสุ่ยนี่มันดึกมากแล้วเธอมาทำอะไรที่นี่?” ทันใดนั้นเสียงก็ดังขึ้นและหลัวสุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเทาแล้วเมื่อหันไปเธอก็พบจงฮุ่ยกำลังเดินเข้ามาอย่างช้าๆ จนเธออดไม่ได้ที่จะตกตะลึง สำหรับจงฮุ่ยเองก็เป็นเรื่องบังเอิญเช่นกันเพราะเขาเพิ่งไปพบซวนหมิงมาและกำลังจะกลับไปที่บ้านและเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้พบหลัวสุ่ยที่นี่
หลัวสุ่ยก็ตกตะลึงอยู่พักหนึ่งแล้วขมวดคิ้วและพูดอย่างเย็นชาว่า “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย?”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน