ตอนที่ 1168 พบกับจิ้งจอกเฒ่า
………………..
เย่เชียนไม่ใช่คนโง่และตรงกันข้ามเขาเป็นคนที่โจมตีจิตใจของผู้คนได้และสิ่งที่สำคัญที่สุดในการโจมตีจิตใจก็คือการสังเกตท่าทางและการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวังและในการสนทนากับคู่ต่อสู้ก็ด้วย เพื่อคาดเดาอย่างสมเหตุสมผลที่สุด ดังนั้นก่อนหน้านี้ใบหน้าของเซินเจี๋ยจึงไม่สามารถซ่อนจากเย่เชียนได้เลย ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่เชื่ออย่างง่ายดายว่าเซินเจี๋ยเป็นคนใจกว้างแบบนั้น? เซินเจี๋ยปลอมทุกๆ อย่างทุกๆ การกระทำและด้วยเหตุนี้เองที่เย่เชียนเป็นห่วงซูเหว่ยมากขึ้น ซึ่งถ้าหากอีกฝ่ายเป็นคนที่หุนหันพลันแล่นที่ไม่มีสมองเย่เชียนก็สามารถจัดการกับมันได้ง่ายมากแต่ในกรณีนี้เซินเจี๋ยเป็นคนฉลาดและมีไหวพริบดังนั้นเย่เชียนต้องระมัดระวังให้มาก
ถ้าซูเหว่ยได้รับบาดเจ็บเพราะแผนการของเขาล่ะก็เย่เชียนคงจะไม่สามารถยอมรับได้และไม่อยากเห็นสิ่งนี้ ถึงแม้ว่าการแสดงออกของเซินเจี๋ยจะดูสงบเมื่อเขาจากไปเย่เชียนก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเซินเจี๋ยมีเจตนาฆ่าและจิตสังหารที่ระเบิดออกมา ซึ่งเย่เชียนก็ไม่สามารถอยู่เคียงข้างซูเหว่ยได้ตลอดเวลาและถึงแม้ว่าเย่เชียนจะคาดการณ์ว่าเซินเจี๋ยจะไม่ทำอะไรในช่วงเวลานี้ แต่ก็ควรระมัดระวังเอาไว้
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็ให้เบอร์โทรศัพท์ซูเหว่ยแล้วพูดว่า “ฉันจะให้เบอร์เธอเอาไว้และถ้าหากเธอมีปัญหาอะไรเธอก็สามารถโทรไปที่เบอร์นี้ได้เลยและเขาจะคอยปกป้องเธอ..ฉันจะส่งคนมาคอยปกป้องเธอเอง”
ซูเหว่ยยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “นายเป็นห่วงฉันงั้นเหรอ?”
เย่เชียนกลอกตาไปมามองเธอแล้วพูดว่า “ฉันไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงของฉันเพราะฉันยังมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการในทุกวันนี้และฉันก็ไม่สามารถปกป้องเธอได้..ถ้าทุกอย่างจบลงฉันจะอยู่กับเธอ..เธอไม่โกรธฉันใช่มั้ย?”
“นายยังไม่ได้ตอบฉันเลย..นายมาเป็นลูกน้องของเซินเจี๋ยได้ยังไง?” ซูเหว่ยพูด
“ฉันเห็นว่าเธอฉลาดมากเพราะงั้นเธอคิดไม่ออกเลยงั้นเหรอ? ..นี่เป็นเหตุผลง่ายๆ” เย่เชียนพูด
“ไม่ใช่แค่เขาเพราะทั้งสามขั้วอำนาจของไต้หวันอย่างองค์กรเทียนเต๋า..องค์กรสามมุมเมืองและองค์กรซูเหลียนก็ด้วย..ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเป้าหมายของฉันและไม่ว่าพวกเขาจะยอมจำนนต่อฉันหรือฉันทำลายพวกมันก็ตาม..ถึงยังไงฉันก็ไม่ปล่อยพวกมันไปอยู่ดี..ส่วนองค์กรเทียนเต๋าจะเป็นเป้าหมายแรกของฉัน” เย่เชียนพูดอย่างจริงจัง
“ฉันชอบตอนที่นายดูจริงจังแบบนี้มาก..นายดูเป็นแบดบอยจริงๆ” ซูเหว่ยพูดและฉีกยิ้ม
“หยุดบ้าได้แล้วฉันกำลังพูดถึงเรื่องจริงจังอยู่” เย่เชียนพูดต่อ “ว่าแต่เธอเป็นยังไงบ้าง..เมื่อเร็วๆ นี้บริษัทไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่มั้ย?”
“อ้อใช่..ฉันจำสิ่งที่นายเคยพูดได้..ถ้างั้นฉันขอถามนายอย่างตรงไปตรงมาก่อน” ซูเหว่ยพูด
เมื่อเห็นความจริงจังของซูเหว่ยแล้วเย่เชียนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “เกิดอะไรขึ้นนี่มันร้ายแรงมากเลยงั้นเหรอ?”
“ผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อจ้าวหยาเธอเป็นประธานบริหารของเดอะมัวร์กรุ๊ปประจำทวีปเอเชีย..เธอมาคุยกับเราเรื่องความร่วมมือระหว่างองค์กร..เธอเป็นผู้หญิงของนายหรือเปล่า?” ซูเหว่ยถาม
เย่เชียนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ใช่..ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงซ่งหลันประธานของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปด้วยและหลิน โรวโร่วประธานของกองทุนเพื่ออนาคตภายใต้เครือน่านฟ้ากรุ๊ป..พวกเธอทั้งหมดเป็นผู้หญิงของฉันและยังมีอีกหลายคนด้วย..เธอไม่ได้เสียใจใช่มั้ย?”
ดวงตาของซูเหว่ยก็เศร้าเล็กน้อยและเธอก็ทำหน้าบึ้งและพูดว่า “ไม่!..ฉันแค่รู้สึกว่าฉันไม่มีทางเทียบกับพวกเธอได้เลย..ฉันกลัวว่าวันหนึ่งนายจะไม่ต้องการฉันอีกต่อไป”
เย่เชียนก็เกาจมูกของเธอเบาๆ และพูดว่า “เทียบได้สิ..พวกเธอทั้งหมดไม่ได้หน้าเด็กและรูปร่างดีเหมือนเธอ..ฮ่าๆ”
“ยัยโง่ทำไมเธอถึงกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ล่ะ..หยุดคิดเรื่องนี้สักทีเถอะ” เย่เชียนพูด “ฉันมีบางอย่างที่ต้องทำในตอนบ่ายเพราะงั้นถ้าเธอว่างก็ไปดื่มกาแฟด้วยกันสักหน่อยมั้ย?”
“ฉันยังมีสิ่งที่ต้องทำอยู่เพราะงั้นรอฉันก่อนนะ..ตอนนี้มีออเดอร์ใหม่จากเดอะมัวร์กรุ๊ปและต้องเตรียมแผนการซื้อขายให้พร้อมโดยเร็วที่สุด” ซูเหว่ยกระพริบตาแล้วมองเย่เชียนด้วยใบหน้าที่น่ารักและน่าสงสาร ซึ่งถ้าหากใครได้เห็นก็คงจะทนไม่ไหวอีกต่อไป
“ได้สิ..ถ้างั้นฉันจะรอนะ” เย่เชียนพูด


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน