ตอนที่ 1175 จุดจบของกำปั้นเหล็กไถ่โจว
………………..
ไถ่โจวนั้นฝึกกังฟูมานานกว่า 20 ปี และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ถึงกับเก่งที่สุดในโลกแต่มันก็ทรงพลังอย่างมากไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่ได้รับฉายาว่า ‘กำปั้นเหล็กอย่างแน่นอน’ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเย่เชียนในวันนี้การฝึกของเขาทั้งหมดดูเหมือนจะประโยชน์อย่างสมบูรณ์แบบและมันก็ค่อนข้างน่าเหลือเชื่อที่เย่เชียนหักกระดูกแขนและซี่โครงของได้ภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ถ้าไม่ใช่เพราะไถ่โจวได้ละเมิดกฎที่สำคัญของเย่เชียนล่ะก็เย่เชียนคงจะไม่โกรธและเดือดดาลถึงขนาดนี้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเห็นไถ่โจวเย่เชียนก็ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับไถ่โจวเพราะคนที่จงรักภักดีอย่างไถ่โจวควรค่าแก่การยกย่อง แต่น่าเสียดายที่ไถ่โจวกลับทำเรื่องเลวร้ายและน่าสมเพชภายใต้คำสั่งของเซินเจี๋ยโดยการลักพาตัวซูเหว่ยซึ่งนี่คือสิ่งที่เย่เชียนทนไม่ได้และเขาก็ไม่สนหรอกว่าจุดประสงค์ของไถ่โจวคืออะไรและไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตามแต่เนื่องจากไถ่โจวลงมือทำไปแล้วเขาก็ต้องรับผลที่ตามมา ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่แสดงความเมตตาใดๆ อีกต่อไป
หลินเฟิงซึ่งอยู่ข้างๆ เห็นฉากนี้ก็อดไม่ได้ที่จะผงะเพราะเขาได้รับการว่าจ้างจากชางหมิงดังนั้นเขาจึงได้ตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดของสมาชิกแต่ละคนในองค์กรเทียนเต๋าและรู้ดีถึงข้อมูลของไถ่โจว ซึ่งถ้าเป็นหลินเฟิงเองเขาก็จะไม่เลือกวิธีการต่อสู้แบบซึ่งๆ หน้ากับไถ่โจวอย่างแน่นอนเพราะท้ายที่สุดต่อหน้าคนที่ฝึกฝนกังฟูมานานกว่า 20 ปี ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะจัดการได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ ด้วยวิธีการต่อสู้แบบซึ่งๆ หน้าตัวต่อตัวหมัดต่อหมัดแบบนี้ อย่างไรก็ตามเย่เชียนกลับเลือกวิธีต่อสู้ดังกล่าวอย่างสง่าผ่าเผยและเอาชนะไถ่โจวอย่างง่ายดายซึ่งทำให้หลินเฟิงรู้สึกว่าหลังจากที่ไม่ได้เจอเย่เชียนมานานความแข็งแกร่งของเย่เชียนก้าวกระโดดอย่างมาก
เย่เชียนหยุดไปชั่วขณะและมองไปที่ไถ่โจวแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “ฉันไม่เคยคิดที่จะฆ่าแกเลยแต่แกกลับทำสิ่งที่น่าสมเพชและไม่สมกับเป็นลูกผู้ชาย..แกทำให้ฉันผิดหวังมาก..อย่างน้อยมนุษย์ก็ควรจะมีตัวตนและรู้ค่าของตัวเอง..แกคิดอะไรของแกอยู่กันแน่?”
ไถ่โจวเช็ดเลือดที่มุมปากและยิ้มอย่างเศร้าสร้อยแล้วพูดว่า “ผมบอกไปแล้วว่านายน้อยเซินช่วยชีวิตของฉันเอาไว้เพราะงั้นชีวิตของฉันเป็นของนายน้อย..เอาเถอะมันหมดเวลาชีวิตของฉันแล้วเพราะงั้นถ้าคุณจะฆ่าหรืออะไรก็เชิญตามที่ต้องการได้เลย..ผมไม่อยากพูดอะไรไปมากกว่านี้แล้ว”
“อย่ากังวลไปเลย..เพราะเดี๋ยวฉันจะส่งเซินเจี๋ยนายน้อยที่แกรักนักรักหนาลงหลุมไปหาแกเร็วๆ นี้” เย่เชียนถอนหายใจอย่างเบาๆ แล้วพูดต่อ “แกรู้ตัวตนที่แท้จริงของฉันแล้วเพราะงั้นฉันปล่อยแกรอดไปไม่ได้หรอก”
เมื่อได้ยินแบบนั้นไถ่โจวก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าผมต้องตายด้วยน้ำมือของราชาหมาป่าเย่เชียนผู้ยิ่งใหญ่ล่ะก็มันคุ้มค่ามาก..เพราะงั้นลงมือซะ!” หลังจากพูดจบไถ่โจวก็ยกคอขึ้นราวกับว่าให้เย่เชียนฆ่าเขาง่ายๆ
หลินเฟิงถอนหายใจอย่างเงียบๆ และไม่พูดอะไรเพราะในเวลานี้เขาไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ เขารู้ดีว่าเย่เชียนไม่สามารถปล่อยไถ่โจวไปได้เพราะเนื่องจากการปล่อยไถ่โจวไปก็เทียบเท่ากับการบอกเซินเจี๋ยเกี่ยวกับตัวตนและการมีชีวิตอยู่ของเย่เชียน จากนั้นเซินเจี๋ยจะต้องระมัดระวังอย่างแน่นอนซึ่งจะส่งผลต่อแผนการของเย่เชียนทั้งหมด แน่นอนว่าทุกคนควรจะยอมรับผลที่ตามมาสำหรับสิ่งที่พวกเขาทำและไถ่โจวก็เช่นกันเนื่องจากเขาเลือกที่จะทำเช่นนี้เขาก็ต้องยอมรับชะตากรรม เย่เชียนเองก็เช่นกันเย่เชียนไม่กล้าพูดว่าทุกสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้องดังนั้นเขาจึงเตรียมพร้อมสำหรับวันหนึ่งเมื่อเขาเดินไปตามถนนและจะอาจจะถูกใครบางคนใช้ปืนยิงเขาจากด้านหลังจนตาย ถึงแบบนั้นเย่เชียนก็ไม่เสียใจกับสิ่งที่เขาทำในวันนี้เพราะการเป็นผู้ชายไม่จำเป็นต้องมีค่าพอสำหรับทุกคนแค่ให้คู่ควรกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตัวเองเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
เย่เชียนก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ แล้วหยิบมีดคลื่นโลหิตออกมาและเห็นว่ามันกำลังเปล่งแสงสีแดงราวกับไฟของอสูรจากส่วนลึกของนรก แต่การแสดงออกของไถ่โจวสงบมากและไม่มีความตึงเครียดหรือความกลัวใดๆ แต่กลับดูโล่งใจ เพราะแน่นอนการติดตามเซินเจี๋ยตลอดหลายปีที่ผ่านมาไถ่โจวได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาไม่ต้องการทำและหลายสิ่งหลายอย่างที่ขัดกับจิตสำนึกของเขาและบอกตามตรงไถ่โจวเองก็เสียใจแต่เพราะเซินเจี๋ยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ดังนั้นเขาจึงต้องถวายชีวิตให้กับเซินเจี๋ยและไม่ว่าเขาจะโง่เขลาและจงรักภักดีหรืออะไรก็ตามตราบใดที่เซินเจี๋ยสั่งให้เขาทำเขาก็ต้องทำ ดังนั้นหัวใจของเขาจึงถูกทรมานมาเนิ่นนานดังนั้นความตายจึงไม่น่ากลัวสำหรับเขาเลยและเรียกได้ว่าเป็นการปลดปล่อยให้เป็นอิสระเพราะนอกจากจะตายแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้อีกและการมีชีวิตอยู่ก็เป็นการทรมานอย่างหนึ่งสำหรับเขาเสมอ
มีดคลื่นโลหิตก็ดูเหมือนจะช้ามากแต่ความเร็วนั้นค่อนข้างเร็วเพราะเพียงแค่พริบตาเดียวมันก็ตัดคอของไถ่โจวทันทีและเลือดก็สาดกระเซ็นออกมาราวกับพระอาทิตย์ตกดินที่งดงาม จากนั้นไถ่โจวก็ค่อยๆ ล้มลงด้วยรอยยิ้มที่โล่งใจและพูดบางอย่างในลำคอซึ่งไม่ชัดเจนนักแต่เย่เชียนก็ได้ยินอย่างชัดเจนมันคือคำว่า ‘ขอบคุณ!’
สีหน้าของเย่เชียนก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นถอนหายใจเล็กน้อยแล้วหันไปมองที่ซูเหว่ยและก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “นี่เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?”
ซูเหว่ยขดริมฝีปากของเธอและโยนตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของเย่เชียนและร้องไห้อสะอึกสะอื้น จากนั้นเย่เชียนก็กอดเธอและลูบหลังเธอเบาๆ โดยรู้ว่าซูเหว่ยต้องตกใจเมื่อครู่นี้เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอและถึงแม้ว่าเธอจะดูเป็นผู้หญิงเข้มแข็งที่พยายามจะสนับสนุนธุรกิจของครอบครัวแต่ลึกๆ ในใจเธอแล้วเธอก็มีจุดอ่อนเหมือนผู้หญิงธรรมดาๆ ดังนั้นเธอจะไม่กลัวเรื่องแบบนี้ได้ยังไง?
“ไม่เป็นไรแล้ว..ขอโทษนะที่มาช้า” เย่เชียนพูด
“ถ้านายมาช้ากว่านี้ฉันคงไม่ได้เจอหน้านายอีกแล้ว” ซูเหว่ยพูดเสียงแหบๆ
“ไม่เป็นไรแล้ว..ตอนนี้เธอไม่เป็นอะไรแล้วไม่ต้องกังวลนะ..ตราบใดที่ฉันอยู่ที่นี่จะไม่มีใครทำร้ายเธอได้” เย่เชียนพูด
หลินเฟิงที่อยู่ข้างหลังเขาก็มองดูฉากนี้แล้วยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “น้องเย่..นายนี่มันเจ้าชู้จริงๆ ..ไม่ว่าฉันจะไปที่ไหนฉันก็ได้เห็นสาวๆ ของนายทุกที่จริงๆ”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน