ตอนที่ 1195 ความอ่อนโยนของหูวเค่อ
………………..
ในตอนนี้มือและเท้าของฉีตงถูกเย่เชียนหักทั้งหมดจนอยู่ในอาการโคม่าจากความเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่าและตื่นขึ้นอีกครั้งจากความเจ็บปวดไม่รู้จบ ซึ่งนี่ไม่ใช่แค่การทรมานร่างกายเท่านั้นแต่เป็นการทรมานทางวิญญาณและจิตใจอีกชนิดหนึ่งและแน่นอนว่าฉีตงจะต้องเป็นอัมพาตไปตลอดกาล
เย่เชียนก็แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “อย่าเพิ่งดีใจไปเพราะมันยังไม่จบ..เอาล่ะ” เมื่อคำพูดนั้นจบลงมือขวาของเย่เชียนก็กลายเป็นเหมือนกรงเล็บและทันใดนั้นเขาก็เจาะไปที่ซี่โครงของฉีตงจนมีเสียงกระดูกหักแตกออกและฉีตงก็กรีดร้องออกมาแล้วสลบไป
เนื่องจากฉีตงได้ทักทายเจ้าของสโมสรเอาไว้ล่วงหน้าจึงไม่มีใครอยู่ที่นอกห้องส่วนตัวบนชั้นสองเลยแม้แต่คนเดียว ยิ่งไปกว่านั้นห้องส่วนตัวVIPห้องนี้ยังติดระบบผนังเก็บเสียงจึงไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ ซึ่งถ้าหากฉีตงไม่มีผลประโยชน์กับหูวเค่อล่ะก็เย่เชียนคงจะฆ่าเขาไปแล้วและจะไม่ได้รับความทรมานแบบนี้ อย่างไรก็ตามนี่คือสิ่งที่ฉีตงสมควรได้รับแล้ว
จากนั้นเย่เชียนก็ใช้เท้าพลิกร่างของฉีตงและปล่อยให้เขาคลานอยู่บนพื้น จากนั้นฉีตงก็ใช้นิ้วของตัวเองเขียนคำว่า “สามมุมเมือง!” บนกองเลือดของตัวเองที่พื้น อย่างไรก็ตามเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของผู้คนเย่เชียนจึงไม่ห้ามเขาเพราะการเขียนประโยคเหล่านี้จะเป็นเหมือนการไขปริศนาการตายของฉีตงและเป็นคำใบ้สุดท้ายก่อนที่ฉีตงจะเสียชีวิต
เย่เชียนจะไม่คิดอย่างไร้เดียงสาว่าโจวเจิ้งผิงอยู่ข้างเขาจริงๆ เพราะเหตุผลที่โจวเจิ้งผิงเลือกที่จะร่วมมือกับเขาในตอนนี้มันก็เป็นเพียงการพิจารณาเพื่อผลประโยชน์เท่านั้นและเย่เชียนก็ไม่อนุญาตให้โจวเจิ้งผิงต่อต้านเขาในอนาคตแต่อย่างใด ดังนั้นเย่เชียนจึงต้องบังคับโจวเจิ้งผิงให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่แบบนี้ เมื่อถึงเวลาโจวเจิ้งผิงจะต้องพึ่งพาเย่เชียนและในเวลานั้นเย่เชียนจะมีสิทธิ์ในการตัดสินใจสิ่งต่างๆ มากขึ้นและโจวเจิ้งผิงจะต้องยอมร่วมมืออย่างแท้จริง
ฉีตงเป็นผู้อำนวยการสำนักงานตุลาการเขตเหนือของเมืองไทเป ส่วนซือฮ่าวเป็นรองผู้อำนวยการสำนักงานตุลาการและในอีกเร็วๆ นี้สำนักงานตุลาการกำลังจะมีการเลือกตั้งผู้อำนวยการคนใหม่ ดังนั้นทั้งสองคนอาจกล่าวได้ว่ากำลังแข่งขันกันอยู่ ทางด้านฉีตงต้องการที่จะได้รับการเลือกตั้งอีกครั้ง ส่วนซือฮ่าวก็ต้องการขึ้นเป็นผู้อำนวยการแทน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงต่อสู้กันอย่างเปิดเผยและลับๆ และนอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนมากมายที่อยู่เบื้องหลังทั้งสองฝ่าย ทางด้านของฉีตงคือองค์กรซูเหลียน ส่วนเบื้องหลังของซือฮ่าวนั้นคือองค์กรสามมุมเมือง ซึ่งถึงแม้ว่าองค์กรซูเหลียนจะไม่ได้มีอิทธิพลในแวดวงการเมืองเหมือนกับองค์กรสามมุมเมืองก็ตามแต่ก็ได้มีการพัฒนาและเข้าสู่แวดวงการเมืองในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดังนั้นตำแหน่งของผู้อำนวยการสำนักงานตุลาการจึงยังคงมีความสำคัญมากและองค์กรซูเหลียนก็ไม่ต้องการเสียผลประโยชน์ดังกล่าวไป
เย่เชียนทำสิ่งนี้เพื่อทำให้ผู้คนเข้าใจผิดคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือขององค์กรสามมุมเมืองและฆ่าฉีตงเพื่อทำให้เขาสละตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานตุลาการ ซึ่งนี่จะส่งผลให้ความขัดแย้งระหว่างองค์กรซูเหลียนและองค์กรสามมุมเมืองรุนแรงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และปล่อยให้สุนัขกัดกันเอง นี่ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีและเมื่อถึงเวลาอย่างน้อยๆ โจวเจิ้งผิงก็จะตระหนักถึงความสำคัญของเย่เชียนเพื่อไม่ให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่
หลังจากเสร็จสิ้นทั้งหมดนี้เย่เชียนก็หันไปมองหูวเค่อแล้วอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวจากนั้นก็อุ้มหูวเค่อขึ้นมาแล้วเดินออกไปจากห้องส่วนตัว หลังจากขึ้นรถเย่เชียนก็ขับรถตรงไปยังโรงแรมที่หูวเค่อพักอยู่ ซึ่งวิธีการเดินออกจากโรงแรมของเย่เชียนโดยไม่ดึงดูดความสนใจของผู้อื่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเย่เชียนเพราะในฐานะผู้นำองค์กรทหารรับจ้างแล้วเขาก็รู้วิธีซ่อนสายตาของคนอื่น นอกจากนี้เครื่องแต่งกายของเย่เชียนก็ทำให้ผู้คนสังเกตเห็นได้ยากจริงๆ เพราะถึงแม้ว่าจะดูแปลกไปบ้างแต่ส่วนใหญ่ก็แค่มองและไม่สนใจอีกต่อไป
เมื่อกลับมาที่ห้องพักในโรงแรมเย่เชียนก็วางหูวเค่อลงบนเตียงและวางมือขวาบนข้อมือของหูเค่อ จากนั้นก็รวบรวมสมาธิโชคดีและพลังปราณและถ่ายเทมันเข้าสู่ร่างกายของหูวเค่ออย่างช้าๆ จากนั้นก็ค่อยๆ ขับยาในร่างกายของหูวเค่ออกมา นี่เป็นครั้งแรกของเย่เชียนที่ทำเรื่องแบบนี้ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยชำนาญ
เมื่อเขาอยู่ในหมู่บ้านเมียวในห้องของหลัวสุ่ยในคืนนั้นเย่เชียนก็ยังพยายามใช้พลังปราณเพื่อขับคาถามนต์ดำออกจากร่างกายของหลัวสุ่ยแต่ก็ไม่ได้ผลเลย อย่างไรก็ตามด้วยประสบการณ์นั้นเย่เชียนยังคงรู้บางสิ่งเกี่ยวกับแง่มุมนี้และตราบใดที่เขาควบคุมพลังปราณได้เป็นอย่างดีเขาก็จะสามารถดูดซับและขับไล่พิษและยาออกมาได้ ถึงแม้ว่าผลลัพธ์อาจไม่ทั่วถึงแต่โชคดีที่ยาที่หูวเค่อกินเข้าไปไม่ใช่ยาร้ายแรงอะไรแต่เป็นยานอนหลับระงับประสาทเท่านั้น
เมื่อวางมือของหูวเค่อเย่เชียนก็ลุกขึ้นและเทน้ำหนึ่งแก้วจากนั้นก็พยุงหูวเค่อขึ้นมาแล้วเทน้ำใส่ลำคอของเธอเพื่อเจือจางยาในร่างกายของหูวเค่อ ไม่นานนักหูวเค่อก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นและเมื่อเธอเห็นเย่เชียนต่อหน้าเธอก็เจ็บปวดใจและตาของเธอก็สั่นคลอนและดูเหมือนว่าเธอกำลังจะร้องไห้
“เค่อเอ๋อร์เธอเข้มแข็งมาตลอดเพราะงั้นเธอคงไม่อยากร้องไห้ให้ฉันเห็นหรอกใช่มั้ย?” เย่เชียนพูดติดตลก
แต่ไม่ว่าผู้หญิงจะแข็งแกร่งสักเพียงใดพวกเธอก็มีความเปราะบางอยู่ในใจเสมอและหูวเค่อก็เช่นกัน เมื่อเธอต้องเผชิญกับเรื่องแบบนี้เธอจะไม่กลัวได้อย่างไร? ถึงแม้ว่าเธอจะเข้มแข็งและไม่ร้องไห้ก็ตามแต่เย่เชียนก็จับแขนของเธอเอาไว้และพูดว่า “ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรตำหนิเธอในตอนนี้แต่เธอควรระวังตัวให้มากกว่านี้นะรู้มั้ย..ตอนนี้สถานการณ์ในไต้หวันมันเลวร้ายมาก”
“ฉันรู้ว่าคนของนายคอยติดตามเพื่อปกป้องฉันอยู่ดังนั้นฉันจึงไม่กังวลอะไร” หูวเค่อพูดอย่างดื้อดึง
เย่เชียนยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ฉันรู้ๆ แต่ฉันไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเธอ..ฉันไม่สนหรอกว่าปู่ของเธอจะบอกอะไรกับเธอ พูดง่ายๆ ก็คือเธอเป็นคนรักของฉันเพราะงั้นเธอควรจะฟังฉัน..แน่นอนว่าเธอสามารถพบปะกับเจ้าหน้าที่รัฐเหล่านั้นได้แต่เธอต้องระวังให้มากกว่านี้เพราะพวกมันเป็นเศษสวะยิ่งกว่าพวกอันธพาลและพวกมันจะทำอะไรก็ได้ที่พวกมันต้องการ”
หูวเค่อพยักหน้าอย่างหนักหน่วงและพูดว่า “ฉันเข้าใจคราวนี้ฉันไม่ระวังเอง..ฉันไม่คิดว่าฉีตงจะกล้าทำแบบนี้..ว่าแต่นายทำอะไรกับฉีตงเหรอ?”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน