ตอนที่ 1238 สับสน
………………..
คำพูดของจินเหว่ยห่าวค่อนข้างแปลกประหลาดและเทียนเทียนที่อยู่ข้างๆ ก็ตกตะลึงอยู่พักหนึ่งเมื่อรวมกับสิ่งที่เย่เชียนเพิ่งพูดไปก่อนหน้านี้ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อเหลือบมองเย่เชียนอีกครั้งเขาก็ดูเหมือนรองนายกเทศมนตรีที่เป็นคนไม่ดีและเธอก็รู้สึกว่าอนาคตของเธอที่นี่จะต้องขมขื่นอย่างแน่นอนและเธอก็สงสัยว่าเย่เชียนจะกำหนดกฎเกณฑ์และข้อจำกัดต่างๆนาๆ ให้เธอและถ้าเป็นแบบนั้นเธอควรทำอย่างไรดี? หากเธอปฏิเสธก็เหมือนเธอตัดอนาคตของตัวเองไปแต่ถ้าหากเธอยอมรับเธอก็จะไม่สามารถยอมรับตัวเองได้
เย่เชียนกลอกตาไปมาและจ้องไปที่จินเหว่ยห่าวและพูดว่า “อย่าพูดไร้สาระสิ..ตอนนี้ผมเป็นรองนายกเทศมนตรีเมืองเสิ่นหยางนะ..ผมต้องมีภาพลักษณ์ของความเป็นผู้นำเพราะงั้นอย่าทำลายชื่อเสียงของผมต่อหน้าคนอื่นสิ” เย่เชียนฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “ให้ผมแนะนำพี่นะนี่คือเลขาของผมเสี่ยวเทียน..ส่วนนี่คือเพื่อนของผมจินเหว่ยห่าวคุณสามารถเรียกเขาว่าพี่จินได้..พวกเราเราเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันเพราะงั้นอย่ากดดันไปเลยเวลาเราพูดคุยกัน”
จินเหว่ยห่าวยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ยินดีที่ได้รู้จัก..คุณโชคดีมากที่ได้เจอกับน้องเย่..ถ้าคุณตั้งใจทำงานของคุณให้ดีล่ะก็อนาคตของคุณจะไร้ขอบเขตเพราะงั้นอย่าพลาดโอกาสที่ดีแบบนี้ไปล่ะ”
เสี่ยวเทียนถึงกับตกตะลึงอยู่พักหนึ่งจากนั้นก็มองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจและอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวตนของเย่เชียนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อฟังสิ่งที่จินเหว่ยห่าวเพิ่งพูดก็ดูเหมือนว่าเย่เชียนจะมีภูมิหลังที่ยอดเยี่ยม แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเธอเพราะยิ่งภูมิหลังของผู้เป็นเจ้านายยิ่งมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งมีโอกาสเติบโตมากขึ้นเท่านั้น
เย่เชียนยิ้มเบาๆ โดยไม่สนใจการจ้องมองของเสี่ยวเทียนและหันไปมองจินเหว่ยห่าวและพูดว่า “แล้วพี่จินจะทำอะไรเป็นอันดับแรกล่ะ..จะเริ่มที่ตระกูลจินหรือตระกูลหยุนก่อน”
จินเหว่ยห่าวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ฉันต้องไปหาเขาก่อน”
เย่เชียนตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นก็พยักหน้าอย่างรู้เท่าทันเพราะเขาเข้าใจอย่างเป็นธรรมชาติว่าคนที่จินเหว่ยห่าวกำลังพูดถึงนั้นหมายถึงใคร หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดว่า “ช่วงนี้พี่ต้องระวังให้มากกว่านี้เพราะเราไม่รู้ว่าตระกูลจินทำอะไรอยู่บ้าง..เอ่อ..ตอนนี้ผมยังไม่รู้จะไปพักที่ไหนเพราะงั้นผมขอไปพักที่บ้านพี่จินจะรังเกียจหรือเปล่า?”
“แน่นอนฉันไม่รังเกียจหรอก” จินเหว่ยห่าวพูด “เราค่อยพูดถึงเรื่องนั้นกันทีหลง” หลังจากหยุดไปชั่วขณะจินเหว่ยห่าวก็พูดต่อ “ยังไงก็เถอะวันนี้นายเพิ่งจะเข้ารับตำแหน่งแล้วนายไม่ต้องจัดการกับเอกสารทางการพวกนั้นเหรอ? ..อีกอย่างเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับและประจบประแจงนายเลยงั้นเหรอ?”
“พี่ก็รู้จักผมนี่..การจัดการเอกสารเหล่านั้นก็เหมือนกับการฆ่าผมทั้งเป็นและผมก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำสิ่งเหล่านั้น” เย่เชียนพูด “ส่วนพวกเจ้าหน้าที่รัฐเหล่านั้นผมไม่สนใจคำเยินยอขอพวกเขาหรอก..ผมจะพูดและทำง่ายๆ และถ้าพวกนั้นไม่เชื่อฟังผมล่ะก็เดี๋ยวผมจะจัดการเพราะงั้นไม่ต้องกังวลไปพวกนั้นไม่ได้สำคัญอะไรนักหรอก”
จินเหว่ยห่าวก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้แต่ก็ไม่ได้พูด “วันนี้พี่จินว่างหรือเปล่าถ้าว่างก็พาผมไปชมเหมืองแร่หน่อยสิผมได้ยินมาว่ามันเป็นเหมืองที่ใหญ่ที่สุดในเสิ่นหยางเลยฮ่าๆ”
เย่เชียนกลอกตาไปมาและรู้ว่าเย่เชียนสนใจเรื่องนี้เพราะเย่เชียนจะปล่อยของดีๆ แบบนี้ไปได้ยังไง ซึ่งการต่อสู้ระหว่างตระกูลจินและตระกูลหยุนก็เกิดขึ้นเพราะเหมืองแห่งนี้เพราะท้ายที่สุดแล้วผลกำไรที่ได้นั้นก็มากมายมหาศาลดังนั้นเย่เชียนจึงไม่อยากพลาดและไม่ว่าตระกูลจินกับตระกูลหยุนจะทำอะไรถึงยังไงเหมืองแห่งนี้ก็จะเป็นของเย่เชียนอยู่ดี
เสี่ยวเทียนก็สับสนเกี่ยวกับการสนทนาของเย่เชียนกับจินเหว่ยห่าวอย่างมากและเธอก็ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไรกันอยู่แต่เธอรู้แค่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเหมือง ซึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมเมืองเสิ่นหยางถึงวุ่นวายนั่นก็เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเหมืองแห่งนี้ เสี่ยวเทียนนั้นอยู่ที่เสิ่นหยางมาเป็นเวลานานแล้วและแน่นอนว่าเธอรู้เรื่องราวบางอย่างดี อย่างไรก็ตามยิ่งเธอมองเย่เชียนมากเท่าไหร่เย่เชียนก็ยิ่งดูเหมือนพวกมาเฟียมากกว่าเจ้าหน้าที่รัฐ ถ้าไม่ใช่เพราะเอกสารการแต่งตั้งตำแหน่งจากเบื้องบนล่ะก็เธอก็คิดว่าเย่เชียนกำลังแอบอ้างสร้างตัวจนปลอมขึ้นมาจริงๆ
หลังจากออกจากร้านอาหารแล้วทั้งสามคนก็นั่งแท็กซี่ไปและนั่งตรงไปยังเหมืองและไม่นานพวกเขาก็ไปถึงที่หมาย จากนั้นเย่เชียนก็เงยหน้าขึ้นและเหลือบมองและพบว่ามันเป็นภูเขาทั่วๆ ไปแต่ก็มีวัชพืชและป่าไม้รกร้างอยู่บ้างและหลังจากจ่ายเงินแล้วพวกเขาก็จ่ายเงินแล้วลงจากรถ
ตอนนี้ตัวตนของเย่เชียนเป็นถึงรองนายกเทศมนตรีดังนั้นค่าโดยสารนี้เขาก็ควรเป็นคนจ่าย ดังนั้นเย่เชียนจึงหันไปมองจินเหว่ยห่าวและถามว่า “ภูเขาลูกนี้มีชื่อว่าอะไร”
“เดิมทีชื่อมันหยาบคายมากเพราะงั้นชาวบ้านจึงเรียกมันว่าภูเขาหินเฉยๆ” จินเหว่ยห่าวพูด “แต่ว่าบุรุษของตระกูลจินของฉันที่เคยตั้งรกรากที่นี่เคยเรียกพวกมันว่าภูเขาทันเฟิงแต่หลังจากการปลดปล่อยยุคศักดินาแล้วที่แห่งนี้ก็ได้รับการบูรณะให้กลับคืนสู่สภาพเดิมและถูกเรียกว่าภูเขาหิน”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน