เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดนักรบจอมราชัน นิยาย บท 1239

ตอนที่ 1239 สอบถาม

………………..

เสี่ยวเทียนก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งและมองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจและพูดว่า “คุณเย่เชื่อในพระพุทธศาสนาด้วยเหรอคะ? ..คุณเป็นนักวัตถุนิยมใช่ไหมคะ?”

เย่เชียนยิ้มเบาๆ และพูดว่า “ความเชื่อทางศาสนาเหรอ? ..ถึงแม้ว่าเราจะไม่เชื่อเรื่องเหล่านั้นแต่เราก็ควรเคารพใช่ไหม? ..ผมให้ความสำคัญกับทฤษฎีของเหตุและประวัติศาสตร์มากกว่า..ว่าแต่คุณอยากขึ้นไปด้วยกันไหม? ..แต่ถ้าคุณไม่อยากเหนื่อยงั้นก็รอพวกเราข้างล่างก่อนเดี๋ยวเราจะขึ้นไปสักพักแล้วจะกลับมา”

“ไม่เป็นไรค่ะร่างกายของฉันแข็งแรงอยู่..ฉันเคยเป็นสมาชิกของทีมนักปีนเขาเมื่อตอนที่ฉันเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย” เสี่ยวเทียนพูด

“จริงเหรอ? ..ฮ่าๆ ..ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ” เย่เชียนหัวเราะและเดินไปที่ตีนเขาและแน่นอนว่าเย่เชียนไม่ได้จะไปสักการะวัดเหล่านั้นเพราะตามคำพูดของเสี่ยวเทียนแล้วภูเขาหินแห่งนี้ไม่มีค่าสำหรับการพัฒนาเหมืองอย่างแน่นอนแต่ตระกูลจินกับตระกูลหยุนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดดังนั้นมันจะต้องมีความลับซ่อนอยู่อย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้เย่เชียนก็อยากจะขึ้นไปดูเพราะบางทีเขาอาจจะหาเบาะแสได้

ระหว่างทางก็มีนักท่องเที่ยวเดินสวนลงมาเรื่อยๆ และดูเหมือนทุกคนจะไปท่องเที่ยวที่วัดหรือไหว้พระกัน ซึ่งบนภูเขาไม่มีบันไดก็เลยเดินขึ้นไปยากนิดหน่อยแต่โชคดีที่ภูเขาไม่ได้ชันมากดังนั้นจึงไม่มีปัญหามากนักและสำหรับเย่เชียนแล้วนี่เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเพราะการฝึกเอาตัวรอดในสนามรบท่ามกลางสภาพอากาศต่างๆ ยากกว่านี้มาก

ถึงแม้ว่าจินเหว่ยห่าวจะไม่ได้ฝึกฝนอย่างเข้มงวดเหมือนเย่เชียนแต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณและมีพื้นฐานที่สูงดังนั้นมันจึงไม่ยาก อย่างไรก็ตามสำหรับเสี่ยวเทียนแล้วมันก็ค่อนข้างยากและถึงแม้ว่าเธอจะเคยเป็นสมาชิกของทีมนักปีนเขาแต่ก็เป็นช่วงที่เธอกำลังเรียนอยู่ด้วยและช่วงนี้เธอก็ทำงานหนักดังนั้นทักษะเหล่านั้นจึงห่างหายไปนาน เมื่อผ่านไปได้ครึ่งทางเสี่ยวเทียนรู้สึกเหนื่อยและหอบเล็กน้อยแต่ก็ยังเดินตามเย่เชียนกับจินเหว่ยห่าวไปอย่างไม่ย่อท้อ

เย่เชียนหันไปมองเธอและอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วพูดว่า “พักก่อนเถอะผมเหนื่อยนิดหน่อยตอนนี้” หลังจากพูดจบเย่เชียนก็เดินไปหาก้อนหินและนั่งลง ส่วนจินเหว่ยห่าวก็เหลือบมองเย่เชียนแล้วอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว

แน่นอนว่าเสี่ยวเทียนรู้ดีว่าเย่เชียนตั้งใจพักเพื่อเธอเพราะเย่เชียนเห็นอาการเหนื่อยของเธอ ซึ่งเธอก็ไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่นั่งลงและอ้าปากค้างเพราะนี่เป็นการเดินเท้าที่ยาวนานที่สุดที่เธอเคยเดินหลังจากที่ทำงานในราชการมานาน

หลังจากพักเป็นเวลาสิบนาทีแล้วทั้งสามก็เดินขึ้นไปบนยอดเขาต่อ

ในวัดมีพระไม่มากนักและมีเพียงสี่หรือห้าองค์เท่านั้น ซึ่งเย่เชียนก็ซื้อธูปเทียนและคุกเข่าเพื่อสักการบูชาพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ภายใน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับความเชื่อของเย่เชียนและมันเป็นเพียงความเคารพเล็กๆ น้อยๆ ในใจของเขาเนื่องจากเหตุการณ์ของพระนิรนามครั้งก่อนเขาได้ให้สิ่งต่างๆ กับเย่เชียนมากมาย

หลังจากเดินไปรอบๆ ภูเขาแล้วเย่เชียนก็ถามพระในวัดทางอ้อมเกี่ยวกับภูเขาแห่งนี้และวัดนี้แต่เย่เชียนไม่ได้สิ่งที่ต้องการเพราะดูเหมือนว่าพวกท่านจะไม่รู้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ ซึ่งเย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะถึงแม้ว่าเขาจะถามต่อไปก็ไม่เกิดผลลัพธ์ใดๆ เพิ่มเติมและดูเหมือนว่าถ้าเย่เชียนต้องการทราบรายละเอียดเขาจะต้องถามคนจากตระกูลจินหรือตระกูลหยุนเท่านั้น

ประมาณช่วงเย็นทั้งสามคนก็เริ่มเดินลงจากภูเขาซึ่งการขึ้นเขานั้นยากแล้วแต่การลงนั้นยากกว่าเพราะถนนไม่มีบันไดดังนั้นการเดินลงเขาจึงยากกว่ามาก ระหว่างทางเสี่ยวเทียนก็พักหยุดสามครั้งก่อนจะถึงตีนเขา จากนั้นเย่เชียนก็ยิ้มและเหลือบมองเสี่ยวเทียนแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าทักษะการปีนเขาของคุณจะหายไปแล้วนะ..เอาล่ะวันนี้ผมรบกวนคุณมาทั้งวันแล้วเพราะงั้นคืนนี้เราไปดื่มกันสักหน่อยมั้ย?”

เสี่ยวเทียนก็ตกตะลึงอยู่พักหนึ่งและรู้สึกแปลกๆ เกี่ยวกับเย่เชียนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะผู้เป็นเจ้านายที่มีตำแหน่งสูงๆ มักจะเคร่งขรึมและทำตัวจริงจังตลอดทั้งวันราวกับว่าต้องการให้ทุกคนรู้ว่าพวกเขาเป็นผู้นำแต่เย่เชียนไม่เพียงแต่เป็นมิตรเท่านั้นแต่ยังมีสุขภาพและร่างกายที่ดีจนเธอไม่อยากจะเชื่อว่าเย่เชียนเป็นข้าราชการเลย

ในฐานะเลขานุการแล้วเสี่ยวเทียนก็เคยไปกับเจ้าหน้าที่รัฐต่างๆ เพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงและแน่นอนว่าเธอไม่ได้ดื่มไวน์เหล่านั้นมากนักแค่ดื่มเป็นพิธีเท่านั้น อย่างไรก็ตามเมื่อเย่เชียนพาเธอไปที่ผับบาร์เธอก็ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์และมองเย่เชียนด้วยความประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อเลยเพราะโดยทั่วไปแล้วเจ้าหน้าที่รัฐระดับรองนายกเทศมนตรีจะไม่มาที่ผับบาร์แบบนี้แต่จะเป็นสโมสรระดับหรูหราไฮเอนด์แต่เย่เชียนกลับพาเธอเองมาที่นี่ซึ่งทำให้เธอประหลาดใจอย่างมาก เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยในใจเพราะยิ่งเธอไม่เข้าใจความคิดของเย่เชียนมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเท่านั้น

แน่นอนว่าเย่เชียนไม่มีความคิดอื่นๆ เพราะเขาแค่รู้สึกว่าเสี่ยวเทียนอาจจะคุ้นเคยกับสถานที่เหล่านี้และถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นก็จะสากมารถจัดการได้ง่าย หลังจากเข้าไปในผับบาร์มันก็เป็นเวลาช่วงเย็นจึงยังไม่มีลูกค้ามากนักและทั้งสามก็หาที่นั่งและนั่งลงแล้วสั่งเบียร์สองสามขวดและผลไม้กับถั่วทานเล่นอย่างละจาน จากนั้นเย่เชียนก็เหลือบมองไปรอบๆ แล้วพูดว่า “สถานบันเทิงเหล่านี้ไม่ได้แย่เลยและการตกแต่งก็ดีมาก..ตอนแรกผมคิดว่ามันจะโทรมและสกปรกซะอีก”

“มันเคยเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่เนื่องจากแม่ม่ายดำจือเหวินแห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รวมองค์กรใต้ดินให้เป็นหนึ่งแล้วสถานบันเทิงเหล่านี้จึงดูดีขึ้นมากและการทะเลาะเบาะแว้งก็ลดน้อยลง..ในสถานบันเทิงเหล่านี้ไม่มีใครกล้าทำให้เธอขุ่นเคืองนักหรอกเพราะที่นี่คืออาณาเขตของเธอ” เสี่ยวเทียนพูด

“โอ้โหดูเหมือนว่าคุณจะรู้เรื่องต่างๆ มากมายเลยนะ..คุณรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือจริงๆ” เย่เชียนยิ้มและพูด

“นี่เป็นเรื่องปกติค่ะเพราะฉันต้องทราบข้อมูลหลายๆ อย่างในฐานะเลขา” เสี่ยวเทียนพูด

“คุณพูดถูกไม่ว่าจะเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็กคุณก็ต้องทราบข้อมูลต่างๆ ให้ได้มากที่สุด” เย่เชียนพูด “คุณทำหน้าที่ได้ดีมากเพราะงั้นช่วยเล่ารายละเอียดต่างๆ ให้ผมฟังที”

ตอนที่ 1239 สอบถาม 1

ตอนที่ 1239 สอบถาม 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน