ตอนที่ 1325 ศึกระหว่างพ่อลูก
………………..
มีคนจำนวนมากที่พิธีงานศพแต่มันเงียบมากเพราะท้ายที่สุดมันก็เป็นงานศพดังนั้นบรรดาแขกจึงมีมารยาทและสำรวม เย่เชียนก็กวาดสายตามองไปรอบๆแต่ไม่พบสองพี่น้องจินเหว่ยห่าวกับจินเหว่ยเซียงเลยและเขาก็ไม่เห็นจินเจิ้งผิงด้วยดังนั้นเย่เชียนจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและกังวลว่าพวกเขากำลังตกอยู่ในอันตราย
นี่คือตระกูลจินและถ้าหากสองพี่น้องจินเหว่ยห่าวกับจินเหว่ยเซียงสร้างปัญหาที่นี่ล่ะก็พวกเขาจะเป็นอันตรายอย่างมาก เมื่อเย่เชียนกำลังจะมองหาพวกเขาเย่เชียนก็เห็นจินเจิ้งผิงเดินออกมาจากห้องโถงด้านหลังและมองไปรอบๆแล้วพูดว่า “ผมขอขอบคุณบรรดาแขกทุกท่านที่มาร่วมงานศพภรรยาของผมในวันนี้และขอโทษที่ทำให้ทุกท่านต้องลำบากเพราะงั้นผมจึงรู้สึกขอบคุณทุกท่านมากที่ให้เกียรติมาที่นี่..ผมได้เตรียมน้ำชาเอาไว้ให้ทุกท่านแล้วและผมหวังว่าทุกคนจะได้ผ่อนคลายเพื่อเป็นการขอบคุณ”
เย่เชียนกำลังจะเดินเข้าไปถามจินเจิ้งผิงเกี่ยวกับจินเหว่ยห่าวกับจินเหว่ยเซียงและทันใดนั้นที่ประตูทางเข้าก็วุ่นวายและมีร่างสองร่างเดินเข้ามาจากข้างนอกและนั่นคือจินเหว่ยห่าวและตามมาด้วยจินเหว่ยเซียนจนแขกที่มาร่วมงานต่างก็ตกตะลึงอย่างมากเพราะพวกเขาส่วนใหญ่รู้สถานะของจินเหว่ยห่าวในตระกูลจินดังนั้นการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของจินเหว่ยห่าวที่นี่ก็ทำให้พวกเขาประหลาดใจอย่างมาก
ส่วนจินเหว่ยเซียงก็ไม่สนใจสายตาของคนอื่นและเดินไปคุกเข่าลงที่ด้านหน้าโลงศพของฮั่นหนิงซือ เมื่อเห็นฮั่นหนิงซือนอนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆในโลงศพจินเหว่ยเซียงก็น้ำตาไหลออกมาเพราะตั้งแต่เด็กจนโตฮั่นหนิงซือก็รักเขามากและในหัวใจของเขาฮั่นหนิงซือก็เป็นแม่ที่ดีมากเช่นกันและไม่ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับเธอแต่เขาก็ยังเต็มไปด้วยความรักที่มีต่อฮั่นหนิงซือในฐานะแม่ แน่นอนว่าไม่มีลูกชายคนไหนที่คิดว่าแม่ของตัวเองเป็นคนเลวหรอก
จินเจิ้งผิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและจากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆและหยิบผ้าที่มีสัญลักษณ์ของตระกูลจินจากลูกศิษย์ข้างๆเขาแล้วนำมันมายื่นให้จินเหว่ยห่าวแล้วพูดว่า “ยังไงก็ตามแกก็ยังเป็นลูกหลานของตระกูลจินเสมอ..เอาล่ะสวมมันและไปๆไว้อาลัยเธอซะ”
จินเหว่ยห่าวค่อยๆผลักมือของจินเจิ้งผิงออกแล้วพูดว่า “สิ่งที่เรียกว่าความแค้นมันหายไปกับความตายหมดแล้วและตอนนี้ฮั่นหนิงซือก็ตายไปแล้วและผมก็ไม่มีความแค้นต่อเธออีก..แต่พ่อยังมีชีวิตอยู่และไม่จำเป็นต้องมาเจ้าเล่ห์กับผม!..วันนี้ผมกับเสี่ยวเซียงมาที่นี่ก็เพื่อจะนำศพของฮั่นหนิงซือออกไปจากที่นี่”
“แกยังเกลียดและโทษฉันอยู่งั้นเหรอ?” จินเจิ้งผิงพูดด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง
“แล้วพ่อคิดว่าไง” จินเหว่ยห่าวพูดต่อ “ยังไงก็เถอะมันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดตอนนี้และผมก็ไม่ต้องการพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว..ตอนนี้พ่อเป็นเพียงแค่คนที่น่าสงสารที่รอวันตายของตัวเอง”
จินเจิ้งผิงหน้าบึ้งเล็กน้อยและพูดว่า “ฉันรู้ว่าแกยังคงเกลียดฉันอยู่และฉันก็อยากจะขอโทษแกที่ตอนแกเด็กๆฉันไม่ได้ทำหน้าที่ขอพ่อที่ดีเลยแต่แกรู้ไหมว่าสถานการณ์ที่ฉันเป็นอยู่ในตอนนี้เป็นเพราะปู่ของแกบังคับให้ฉันทำอย่างนั้นและถ้าฉันไม่ทำฉันก็จะไม่มีสถานะใดๆในตระกูลจินอีกต่อไป..ฉันรู้ว่าแกเกลียดฉันและฉันก็เป็นหนี้แกเสมอ..แต่จุดประสงค์ของทุกสิ่งที่ฉันลงไปก็เพื่อแกเพราะทุกๆอย่างที่ฉันสร้างเอาไว้มันจะเป็นของแกในที่สุด..แกกลับมาที่ตระกูลจินเถอะแล้วฉันจะปฏิบัติต่อแกอย่างดีฉันสัญญา”
จินเหว่ยห่าวก็ยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยามแล้วพูดว่า “พ่อไม่สงสารผมเลยงั้นเหรอ..ถ้าจะโทษก็โทษที่ผมเกิดมาผิดตระกูลเพราะผมไม่น่าเกิดมาในครอบครัวแบบนี้เลย..พ่อไม่ต้องเสแสร้งต่อหน้าผมหรอก..เพราะแค่ตอนนี้พ่อรู้สึกเหงาที่ไม่มีญาติก็เท่านั้นเองพ่อแค่โดดเดี่ยวที่ไม่มีใครเพราะงั้นพ่อจึงอยากให้ผมกลับมา..ในใจของพอนั้นพ่อไม่เคยมองว่าผมเป็นลูกเลยแต่ก็ไม่น่าแปลกใจเพราะพ่อไม่มีสิ่งที่เรียกว่าครอบครัวเลย..แต่ตอนนี้ผมพบครอบครัวของผมแล้วและตอนนี้เสี่ยวเซียงก็คือครอบครัวของผมเพราะงั้นผมไม่ได้คาดหวังให้พ่อแสดงความรักแบบครอบครัวกับผมเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป”
“แล้วแกรู้ไหมว่าเขาคือ…” ในระหว่างที่พูดจู่ๆจินเจิ้งผิงก็หยุดและกวาดสายตามองไปที่บรรดาแขกที่มาร่วมงานแล้วพูดว่า “ทุกท่านครับผมขอขอบคุณที่มาร่วมงานในวันนี้..พอดีพวกเรามีเรื่องภายในครอบครัวที่ต้องจัดการในตอนนี้เพราะงั้นรบกวนทุกท่านกรุณาย้ายไปที่ห้องโถงด้านข้างก่อนซึ่งทางเราเตรียมชาเอาไว้ให้ทุกท่านแล้ว..เชิญทุกท่านไปพักผ่อนกันก่อนนะครับ”
แขกเหล่านั้นก็ต้องการเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปแต่จินเจิ้งผิงพูดแบบนี้แล้วดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไปและจะไม่ดีสำหรับพวกเขาถ้าจะอยู่ต่อ อย่างไรก็ตามจากการสนทนาระหว่างจินเจิ้งผิงและจินเหว่ยห่าวในตอนนี้พวกเขาก็เดาได้ว่าจะมีอะไรที่เลวร้ายเกิดขึ้นใช่ไหม? ถึงแม้ว่าจินเจิ้งผิงจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแสร้งทำเป็นว่าไม่มีกำแพงใดที่ทะลุทะลวงได้ในโลกนี้แต่พวกเขาก็ยังคงรู้อย่างชัดเจนว่าจินเจิ้งผิงเป็นคนฆ่าฮั่นหนิงซือและพวกเขาก็ยังรู้ว่าจินเจิ้งผิงต้องการฆ่าจินเหว่ยห่าวกับจินเหว่ยเซียงอีกด้วย ดังนั้นด้วยความโหดเหี้ยมของจินเจิ้งผิงแล้วพวกเขาจึงไม่เชื่อว่าคำพูดของจินเหว่ยห่าวในตอนนี้จะไม่ทำให้จินเจิ้งผิงโกรธเพราะนั่นคงเป็นไปไม่ได้
ภายใต้คำพูดของจินเจิ้งผิงนั้นบรรดาแขกทุกคนก็ทยอยออกไปและเหลือเพียงหกคนเท่านั้น ซึ่งจินเจิ้งผิงก็ไม่แปลกใจที่หยุนเซินไม่ออกไปเพราะทั้งสองรู้เรื่องของกันและกันดีดังนั้นจินเจิ้งผิงจึงไม่มีอะไรต้องปกปิดอย่างจงใจ แต่สายตาของจินเจิ้งผิงก็หันมองไปที่เย่เชียนและหลินเฟิงแล้วพูดว่า “รองนายกเทศมนตรีเย่คุณหลินได้โปรดย้ายไปที่ห้องโถงด้านข้างด้วยครับ..ผมมีเรื่องครอบครัวที่ต้องจัดการ!”
เย่เชียนเม้มริมฝีปากเล็กน้อยและพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณจัดการได้ตามสบายเลยเดี๋ยวผมจะเป็นคนกลางให้” หลังจากพูดจบเย่เชียนก็นั่งลงอย่างสบายๆและจุดบุหรี่แล้วไม่พูดอีกพร้อมกับมองดูจินเจิ้งผิงอย่างเงียบๆ จินเจิ้งผิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและถอนหายใจอย่างเย็นชาและไม่พูดอีกเพราะถ้าไม่ใช่เพราะแผนการของหยุนเซินล่ะก็จินเจิ้งผิงคงจะจัดการเย่เชียนไปแล้วและจะไม่จำเป็นต้องอดทนเหมือนกับตอนนี้

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน