ตอนที่ 1342 ค่าโดยสาร
………………..
ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเซียวเหมือนคนป่วยเพราะเขาอยู่ในถ้ำมาตลอดหลายปีและกินอาหารก็เพื่อสนองความหิวเท่านั้นและคุณค่าทางสารอาหารก็ไม่เพียงพอ ใบหน้าของชายหนุ่มสูบผอมและความเงียบของเขาก็ทำให้ผู้คนถึงกับสั่นสะท้านได้
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เชียนแล้วฝีเท้าของชายหนุ่มก็หยุดลงเล็กน้อยแต่เขาก็เดินต่อไปโดยไม่สนใจ ซึ่งเย่เชียนที่ถูกปฏิเสธก็อดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปากเล็กน้อยแต่ยิ่งชายหนุ่มทำตัวแบบนี้เย่เชียนยิ่งต้องการเป็นเพื่อนกับเขามากขึ้นเท่านั้น
จิตสังหารของชายหนุ่มที่รุนแรงทำให้เย่เชียนถึงกับสั่นสะท้านได้ดังนั้นเย่เชียนจึงอยากรู้จักชายหนุ่มคนนี้มาก จากนั้นเย่เชียนก็ค่อยๆขับรถไปข้างๆชายหนุ่มอย่างช้าๆและพูดต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “พายุทรายลูกใหญ่กำลังจะมาเร็วๆนี้แล้วเพราะงั้นขึ้นรถเถอะครับเพราะมันจะแย่เอาถ้าคุณออกจากทะเลทรายโกบีนี้ไปไม่ทัน”
ชายหนุ่มก็หยุดอย่างกะทันหันจนเย่เชียนเหยียบเบรกอย่างเร่งรีบจากนั้นชายหนุ่มก็หันไปมองเย่เชียนและพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณไปตามทางของคุณเถอะส่วนผมก็จะไปตามทางของผม..เราอย่ายุ่งเกี่ยวกันเลย” หลังจากพูดจบเขาก็เดินไปข้างหน้าอีกครั้งจนเย่เชียนชะงักไปครู่หนึ่งและอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและขับตามต่อไป
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยและไม่พูดอะไรแต่จิตสังหารรอบๆตัวของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เย่เชียนก็ไม่สนใจและพูดต่อ “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเดินทางมาแถวนี้และผมก็ไม่คุ้นเคยกับถนนเส้นนี้เลยเพราะงั้นคุณช่วยขึ้นรถและนำทางให้เราหน่อยจะได้หรือเปล่า..ผมกลัวถ้าพายุทรายมาแล้วเรายังออกไปไม่ได้ผมจะหลงทางในทะเลทรายโกบีและคงไม่ได้ตายดีแน่”
ชายหนุ่มดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเย่เชียนและเดินไปข้างหน้าต่อและเย่เชียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้เพราะเขาหมดหนทางจริงๆเป็นยากที่จะคุยกับชายหนุ่มคนนี้ได้ อย่างไรก็ตามโชคดีที่เย่เชียนถือได้ว่าเป็นคนที่มีประสบการณ์ในการตามตื๊อและชายหนุ่มคนนี้ก็ไม่ได้ยากไปกว่าไป๋ฮวยเลย
จากนั้นเย่เชียนก็จอดรถและเปลี่ยนให้หลินเฟิงมาขับแทนและเย่เชียนก็กระโดดลงจากรถและเดินตามชายหนุ่มไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเย่เชียนก็หยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้ชายหนุ่มแต่ชายหนุ่มเมินเฉยและเย่เชียนก็ยักไหล่เล็กน้อยแล้วจุดบุหรี่แล้วคาบเอาไว้ในปากและสูบมันอย่างช้าๆ จากนั้นเย่เชียนก็ยิ้มแล้วพูดว่า “สมัยนี้มีน้อยคนที่ไม่สูบบุหรี่..ผมเองก็อยากจะเลิกบุหรี่จริงๆแต่ผมทำไม่ได้เพราะผมต้องพึ่งพามันเวลาเครียดๆ..ผมชื่อเย่เชียนแล้วคุณล่ะชื่ออะไร?”
ชายหนุ่มยังคงเงียบโดยไม่สนใจเย่เชียนราวกับว่าเขาไม่ชอบกลิ่นควันของบุหรี่และชายหนุ่มก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เมื่อเห็นท่าทางของเขาเย่เชียนก็ยิ้มอย่างขมขื่นและโยนบุหรี่ทิ้งไปแล้วพูดว่า “ขอโทษครับผมไม่รู้ว่าคุณไม่ชอบกลิ่นควันบุหรี่” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “ภาคตะวันตกเฉียงเหนือทั้งเงียบและสงบและเมื่อตอนที่ผมมาครั้งล่าสุดผมได้พบกับคนดังแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนทออย่างหยานซื่อฉุย..ชาฮัวเอียนแต่น่าเสียดายที่พวกเขาตายไปแล้วและเหลือแค่โอ่วหยางหมิงซวนเท่านั้น”
ใบหน้าของชายหนุ่มไม่มีปฏิกิริยาใดๆเมื่อเขาได้ยินสองชื่อแรกแต่เมื่อเย่เชียนเอ่ยถึงชื่อโอ่วหยางหมิงซวนแล้วสีหน้าของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดและเย่เชียนผู้มีไหวพริบก็จับผิดอะไรบางอย่างได้ในทันทีเพราะสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้นี้มีผลกับชายหนุ่มไม่มากก็น้อยดังนั้นเย่เชียนจึงต้องสร้างประโยคแบบนี้ต่อไป
“โอ่วหยางหมิงซวนเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในสี่เจ้าชายแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือและเขาก็ค่อนข้างมีบุคลิกที่ดี” เย่เชียนพูดต่อ “ดูเหมือนพี่ชายจะรู้จักเขาเลยนะครับ?”
“ผมไม่รู้จักเขาแต่ผมรู้จักปู่ของเขา!” ในที่สุดชายหนุ่มก็พูดขึ้น
เย่เชียนตกตะลึงเล็กน้อยและพูดว่า “คุณหมายถึงโอ่วหยางอู๋เต๋อเหรอครับ?..ผมไม่เคยเจอเขาแต่ผมเคยได้ยินมาว่าเขาเป็นปรมาจารย์ที่เก่งมากและเป็นนักดาบที่มีชื่อเสียง”
ชายหนุ่มเงียบอีกครั้งและไม่พูดอะไรอีกและเย่เชียนก็ไม่เข้าใจความคิดของเขาจนเย่เชียนไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดีเพราะเมื่อชายหนุ่มพูดถึงโอ่วหยางอู๋เต๋อแล้วสีหน้าของเขาก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่รู้ว่าเขาเคารพหรือเกลียดโอ่วหยางอู๋เต๋อกันแน่ ซึ่งการมาที่นี่เพื่อกำจัดตระกูลโอ่วหยางนั้นเย่เชียนจะพูดอะไรมากไม่ได้เด็ดขาด
หลังจากเดินไปสักพักชายหนุ่มก็หยุดอย่างกะทันหันและหันกลับไปมองที่รถแล้วพูดว่า “ให้ผมขึ้นรถไปด้วยเดี๋ยวผมจะจ่ายเอง!” เย่เชียนถึงกับผงะเล็กน้อยและยิ้มจากนั้นก็พูดว่า “รถเหรอ..ได้ครับไปกันเถอะ!” เมื่อมองไปที่ฝีเท้าของชายหนุ่มแล้วเย่เชียนก็เข้าใจว่าเขาไม่ได้ต้องการขึ้นรถเพราะเขาเหนื่อยเกินกว่าจะเดินแต่เขานั้นมีอะไรที่จะต้องคิดและจุดประสงค์บางอย่างนั่นเองแต่เย่เชียนก็ไม่สามารถเข้าใจได้เช่นกัน
หลังจากขึ้นรถแล้วเย่เชียนก็คิดว่าเขาจะสามารถคุยกับชายหนุ่มมากกว่านี้ได้แต่ชายหนุ่มคนนั้นกลับพิงเบาะรถและหลับไปราวกับว่าเขาไม่ชอบคุยกับเย่เชียน เมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็ไม่ได้ที่จะส่ายหัวและไม่พูดอะไรอีกเพราะความใจร้อนจะทำให้สิ่งต่างๆแย่ลงและเขาก็เข้าใจความจริงข้อนี้ดี หากเย่เชียนต้องการติดต่อกับบุคคลดังกล่าวและถ้าหากเย่เชียนวิตกกังวลและรีบร้อนมากเกินไปก็มีแต่จะทำให้เขาหวาดระแวงมากขึ้นซึ่งผลลัพธ์จะตรงกันข้ามกันเลย
ในรถมี GPS ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีคนนำทางเลย ซึ่งเย่เชียนก็มองดูดาบที่ชายหนุ่มถืออยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างเงียบๆและมันก็ห่อด้วยเศษผ้า ซึ่งเย่เชียนก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติแต่เย่เชียนรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่ออกมาจากดาบจนมีดคลื่นโลหิตในเสื้อของเขาเหมือนจะสั่นเล็กน้อยและความเย็นก็แผ่เข้าสู่ร่างกายของเย่เชียนผ่านใบมีดของคลื่นโลหิต เมื่อรู้สึกแบบนั้นเย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและคิดอย่างลับๆว่า ‘ดูเหมือนว่าดาบนี้จะไม่ใช่ดาบธรรมดาจริงๆ!’ เมื่อใดก็ตามที่มันเผชิญหน้ากับศาสตราวุธในตำนานและมีชื่อเสียงแล้วดูเหมือนว่ามีดคลื่นโลหิตมันจะตอบสนองซึ่งเป็นแรงกระตุ้นให้มันตื่นเต้นคล้ายๆกับเย่เชียนราวกับว่าเขาต้องการเผชิญหน้ากับปรมาจารย์
“ให้ตายเถอะพายุกำลังมา!” หลินเฟิงตะโกนด้วยความประหลาดใจและรีบเหยียบคันเร่งและควบคุมรถตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งเย่เชียนก็ถึงกับผงะและเมื่อหันมองไปข้างหลังจากระยะไกลพายุทอร์นาโดก็ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆและเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆและท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยเมฆดำทะมึนและพายุทอร์นาโดก็ดูดทรายและกรวดหินขึ้นไปอย่างน่ากลัวและแม้แต่เมฆดำก็ดูเหมือนจะกลายเป็นกระแสน้ำวนขนาดมหึมา


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน