ทุกคนจ้องมองด้วยความประหลาดใจและเห็นว่ามีมีดเล่มหนึ่งปักอยู่ที่ข้อมือของซือตู้ลิเหริน ส่วนเย่เชียนนั้นกำลังฉีกยิ้มออกมาอย่างพอใจ เขาหันหน้าไปทางประตูทางเข้าของบาร์และเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งค่อย ๆ เดินเข้ามาด้วยท่าทางที่สงบเสงี่ยมทว่าสง่างาม แต่หากสังเกตดี ๆ ก็จะเห็นว่าตรงตำแหน่งแขนซ้ายของเขานั้นกลับเป็นเพียงแขนเสื้อที่ว่างเปล่าและพลิ้วไหวไปตามสายลม
เด็กหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ เย่เชียน เขาพยักหน้าเล็กน้อยและทักทายอย่างอ่อนโยนว่า “บอส!”
เย่เชียนยิ้มเล็กยิ้มน้อยและเอื้อมมือไปโอบกอดเขาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “ลมอะไรพัดนายมาถึงที่นี่ได้ ?”
“เจ๊ใหญ่มาที่นี่… ผมก็เลยตามเธอมา” เด็กหนุ่มตอบ
“หลันหลันอยู่ที่นี่เหรอ !?” เย่เชียนรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที คิ้วของเขาขมวดกันอย่างหนัก
เด็กหนุ่มหันไปเห็นม่อหลง เขาจึงเอื้อมมือไปกอดม่อหลงและพูดว่า “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะพี่”
“นั่นสิ… นานมากเลย” ม่อหลงก็กอดเด็กหนุ่มไว้ในอ้อมแขนแล้วพูดอย่างเอ็นดู
ในกลุ่มเขี้ยวหมาป่านั้น เด็กหนุ่มคนนี้เป็นน้องชายที่เย่เชียนรักและรู้สึกผิดมาโดยตลอด เย่เชียนโทษตัวเองเกี่ยวกับเขามาเนิ่นนาน เด็กหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า อู๋หวนเฟิง และฉายาของเขาก็คือ หมาป่าเหินเวหา เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการขว้างมีด อาจกล่าวได้ว่ามีดในมือของเขานั้นดูเหมือนกับว่ามันจะมีชีวิตเป็นของมันเอง แต่ทว่าเขากลับต้องสูญเสียแขนไปเพราะเย่เชียน
เย่เชียนจำได้อย่างฝังใจว่า ในค่ำคืนนั้นอู๋หวนเฟิงกลับมาจากข้างนอกด้วยสภาพร่างกายอาบไปด้วยเลือด แขนข้างซ้ายของเขานั้นถูกตัดออกไปโดยสมบูรณ์ตั้งแต่หัวไหล่ แต่เมื่อเขาเห็นเย่เชียน เขากลับมีเพียงรอยยิ้มที่มีความสุขเผยออกมาทั่วใบหน้าในขณะที่เอื้อมมือที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวนั้นไปหยิบมีดหมาป่าสีเลือดออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขาแล้วส่งมันให้กับเย่เชียน “บอส! ผมเอามีดหมาป่าสีเลือดมาให้บอส…”
ทุกครั้งที่เย่เชียนลูบไล้ไปยังใบมีดของมีดหมาป่าสีเลือดนั้น มันก็ทำให้เขาถึงกับต้องหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายอยู่บ่อยครั้ง เพราะอู๋หวนเฟิงถึงกับยอมเสียแขนซ้ายของเขาเพื่อให้ได้มันมา สำหรับชายชาติทหารที่อาจจะต้องเผชิญกับอันตรายได้ทุกเมื่อนั้นการสูญเสียแขนข้างหนึ่งไป มันก็เหมือนกับการสูญเสียชีวิตของตัวเองไปแล้วยังไงยังงั้น แต่อู๋หวนเฟิงกลับยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดว่า ‘ถึงแม้ว่าผมจะมีเพียงแขนแค่ข้างเดียว… แต่ผมก็จะไม่แพ้ใคร’
อู๋หวนเฟิงได้บรรลุเป้าหมายที่ท้าทายเช่นนั้นแล้ว เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีแขนซ้ายอีกต่อไปแล้วก็ตาม แต่ทักษะการขว้างมีดของเขาก็ยังคงสมบูรณ์แบบและแข็งแกร่งอย่างจริงแท้ แม้แต่การต่อสู้ในระยะประชิด เขาก็ไม่เป็นรองใครในกลุ่มเขี้ยวหมาป่าเลย
มีดหมาป่าสีเลือดนั้นไม่ได้ทำมาจากทองแดง เหล็กกล้าหรือวัสดุทั่วไป จนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถตรวจหาได้ว่ามันทำมาจากอะไรกันแน่ แม้แต่เครื่องตรวจจับโลหะต่าง ๆ ทุกชนิดบนโลกใบนี้ก็ยังไม่สามารถตรวจจับมันได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมเย่เชียนถึงสามารถพกมีดหมาป่าสีเลือดผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยไปได้ทุกที่ ขนาดว่าตอนที่เขาพกมันติดตัวนั่งเครื่องบินข้ามประเทศไปด้วย ก็ยังไม่เคยถูกจับได้สักครั้ง
เดิมทีมีดหมาป่าสีเลือดอยู่ในการครอบครองของพิพิธภัณฑ์ของราชวงศ์อังกฤษในสหราชอาณาจักร ซึ่งเย่เชียนบังเอิญได้ไปเห็นมันเข้า เพียงแวบเดียวเขาก็รู้สึกชอบและถูกชะตากับมันมาก เพราะเมื่อมองดูมีดเล่มนี้แล้วมันเหมือนกับมองดูเลือดสด ๆ ที่ไหลไปมาในตัวของมันเอง อีกทั้งมันมาพร้อมกับร่องรอยของความเย็นยะเยือกจาง ๆ แฝงอยู่อย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ได้แสดงอาการกับมันมากนักในตอนนั้น แต่อู๋หวนเฟิงที่เดินตามเย่เชียนไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ด้วยกันกลับรู้สึกได้ในทันทีว่าเย่เชียนรู้สึกถูกชะตากับมีดหมาป่าสีเลือดเล่มนี้มาก ทำให้ในค่ำคืนนั้นเองที่อู๋หวนเฟิงตัดสินใจแอบลอบเข้าไปในพิพิธภัณฑ์และขโมยมีดหมาป่าสีเลือดที่มีอายุถึงพันปีมา ทว่าเขากลับได้เผชิญหน้ากับกลุ่มสนับสนุนกองกำลังพิเศษเอสเอฟเอสจีของกองกำลังอังกฤษที่กำลังปฏิบัติการอยู่ใกล้ ๆ กับพิพิธภัณฑ์แห่งนั้นเข้าพอดี
ในสหราชอาณาจักร หน่วยเอสเอฟเอสจีเป็นกองกำลังพิเศษที่ประกอบไปด้วยกลุ่มทหารที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยจากกองทัพบกหรือกองทัพเรือต่างก็ผสมกันอยู่ในหน่วยรบพิเศษนี้กันทั้งนั้น และถ้าจะให้พูดถึงฝีมือต่าง ๆ ของพวกเขา เช่น นักแม่นปืนหรือการปฏิบัติการทุก ๆ รูปแบบในกองทัพก็ไม่ควรดูถูกหรือมองข้ามเลย
ถึงแม้ว่าในที่สุดอู๋หวนเฟิงจะสามารถหลบหนีจากการไล่ล่าของเอสเอฟเอสจีได้ แต่เขาก็ต้องสูญเสียแขนซ้ายของเขาไปอยู่ดี ทำให้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเย่เชียนเลือกที่จะไม่มอบภารกิจที่ต้องเสี่ยงอันตรายให้กับเขาอีกเลย และอู๋หวนเฟิงก็ถูกสั่งให้ไปเป็นผู้คุ้มกันของผู้ที่รับผิดชอบและควบคุมดูแลจัดการเครือบริษัทน่านฟ้ากรุ๊ปที่มีนามว่า ซ่งหลัน แทน
“นายมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ ? แล้วทำไมไม่รู้จักส่งข่าวมาให้ทางเรารู้บ้างเลย ฉันจะได้ไปรับ!” เย่เชียนถามอย่างจู้จี้จุกจิก
“ก็เจ๊ใหญ่เค้าอยากเซอร์ไพรส์บอสน่ะสิ” อู๋หวนเฟิงตอบ “แต่เราจะอยู่ที่นี่กันไม่นานหรอก… แจ็คบอกว่า บอสกับพี่ม่อหลงอยู่ที่นี่ ผมก็เลยมาหาเฉย ๆ ”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน