“ในเมื่อพี่หลัวจ้านตัดสินใจอย่างนั้นแล้ว ผมก็จะไม่ขัด” เย่เชียนพูด
ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะเคยพบกับหลัวจ้านเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เขาก็รู้ดีว่าคนอย่างหลัวจ้านนั้นถ้าได้ตัดสินใจอะไรลงไปแล้ว มันก็ยากนักที่จะเปลี่ยนแปลง
“ขอบคุณมากประธานเย่… อันที่จริงแล้วฉันเองก็รู้สึกละอายใจต่อท่านประธานเฉินมาก ทั้งที่เขานั้นเพิ่งจะจากพวกเราไปเองแท้ ๆ แต่ฉันกลับเลือกที่จะหันหลังให้กับทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ก็นั่นแหละ งานเลี้ยงย่อมมีวันต้องเลิกราจริงมั้ย ? แต่อย่างที่บอกถ้าประธานเย่ต้องการความช่วยเหลือก็เรียกผมได้ทุกเมื่อเลย” หลัวจ้านพูดด้วยความรู้สึกผิดและจริงใจ
“เรื่องนั้นไว้เราค่อว่ากันก็ได้” เย่เชียนพูดพลางตบไหล่ของหลัวจ้านเบา ๆ “ไว้พี่มีเวลาว่างเมื่อไหร่ อย่าลืมแวะมาดื่มชากับผมนะครับ”
“ได้เลย!” หลัวจ้านพูด “งั้นฉันไปล่ะ”
เย่เชียนพยักหน้า ในขณะที่หลัวจ้านนั้นหันไปมองที่ผู้บริหารแต่ละคนอีกครั้ง ก่อนที่จะพูดส่งท้ายว่า “ฉันไปก่อนล่ะทุกคน หวังว่าเจอกันคราวหน้าพวกเราจะยังเป็นเพื่อนกินเพื่อนดื่มกันได้เหมือนเดิมนะ!”
คำพูดของหลัวจ้านนั้นออกมาจากความรู้สึกที่แท้จริงภายในใจของเขา ทว่าขณะเดียวกันมันก็เป็นเสมือนคำเตือนอีกด้วย ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างก็พยายามยิ้มออกมาอย่างกระอักกระอ่วนใจ เว้นก็แต่เฉิงเหวิน หม่าชานเหอและหยูซิงเท่านั้นที่ยิ้มออกมาด้วยความยินดี
เย่เชียนเดินออกไปส่งหลัวจ้านเป็นการส่วนตัว หลังจากนั้นเขาก็กลับเข้ามานั่งที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งของเขา
“ผมเชื่อว่าทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วว่าซูเจี้ยนจุนกับจู้ซานนั้นกำลังสร้างพันธมิตรขึ้นมาใหม่ และเมื่อวานนี้พวกเขาก็เริ่มเข้ามาโจมตีพวกเราผ่านทางตลาดหุ้น มันทำให้หุ้นหลายตัวของบริษัทเราราคาร่วงลงไปหลายเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว พวกคุณมีความเห็นกันว่ายังไงกับเรื่องนี้ ?”
“ประธานเย่… ผมคิดว่าซูเจี้ยนจุนกับจู้ซานน่ะกำลังพยายามกอบโกยผลกำไรจากการปั่นราคาหุ้นของเรา การกระทำเช่นนี้มันจะช่วยให้พวกเขาสามารถซื้อหุ้นราคาถูกเพื่อครอบครองหุ้นได้ในจำนวนที่มากขึ้น ตอนนี้พวกเขามีทั้งหุ้นเดิมของตัวเอง หุ้นใหม่ของกู๋หมิงเซียงและกำลังทยอยซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายเล็กที่กระจัดกระจายหมุนเวียนอยู่ภายนอกด้วย ถ้าเราต้องการที่จะรักษาเสถียรภาพของหุ้นเอาไว้ พวกเราก็จำเป็นที่จะต้องใช้เงินจำนวนมากเลยทีเดียว แต่ในสถานการณ์แบบนี้ผมคิดว่าแค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เราคงยังไม่สามารถดึงราคาหุ้นให้ขึ้นมาสูงเท่าเดิมได้หรอกครับ แล้วถ้ารอบนี้เราตัดสินใจใช้เงินจำนวนมหาศาล ผมเกรงว่าถ้าฝ่ายนั้นโต้เรากลับอีกระลอก เราจะไม่มีเงินทุนมากพอในการจัดการนะครับ แต่ในทางกลับกันฝ่ายนั้นพวกเขาเองก็มีเงินทุนที่จำกัดและน้อยกว่าพวกเราอย่างมากเช่นกัน และมันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะหาเงินมากมายขนาดนั้นมาลงทุนในสงครามตลาดหุ้นแข่งกับเรา พวกเขาอาจจะจำเป็นต้องยอมกู้เงินมาจำนวนมหาศาลจากธนาคารและเสียดอกเบี้ยสุดแพง จนท้ายที่สุดพวกเขาอาจจะถึงขั้นต้องล้มละลายครับ” หยูซิงอธิบายช้า ๆ เขานั้นเป็นถึงนักศึกษาเกียรตินิยมแห่งปีด้านตลาดหุ้นโดยตรง ทำให้เขารู้เรื่องเหล่านี้มากกว่าผู้บริหารคนอื่น ๆ อย่างมาก
“อืม…” เย่เชียนพูดพลางใช้ความคิด “แล้วคุณว่าเราควรจะใช้วิธีไหนในการโต้กลับดี ?”
“การกู้เงินกับธนาคารนั้นมันเป็นสินทรัพย์ถาวรติดตัว ซึ่งมันจะเป็นสิ่งที่กดดันอย่างมากเรื่องภาษีและดอกเบี้ย เท่าที่ผมรู้มาซูเจี้ยนจุนกับจู้ซานนั้นไม่ได้มีฐานะร่ำรวยมาตั้งแต่ต้น พวกเขามีแค่เงินทุนและกำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่งจะเปิดโครงการล่าสุดเพียงเท่านั้น และด้วยวิธีการบางอย่างเราอาจจะสามารถทำให้ลูกค้าของพวกเขามีข้อสงสัยเกี่ยวกับระบบอสังหาริมทรัพย์ของพวกเขาหรือปัญหาด้านสาธารณูปโภค… จากนั้นห่วงโซ่เงินทุนของพวกเขาก็จะถูกตรวจสอบและถูกควบคุมจากธนาคารอย่างเคร่งครัด ส่วนด้านอื่น ๆ รวมไปถึงเงินทุนสำหรับค่าบำรุงของอุตสาหกรรมการบันเทิงของพวกเขามันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะมันมีอยู่หลายวิธีที่จะโจมตีพวกเขาและสร้างความวุ่นวายให้พวกเขาจนทำให้พวกเขาไม่สามารถจดจ่อกับตลาดหุ้นได้เลย” หยูซิงพูด “ตราบใดที่ผมยังอยู่… ผมเอาหัวเป็นประกันเลยว่าแค่ดอกเบี้ยเงินกู้จากธนาคารที่พวกเขากู้เพียงอย่างเดียวนั้น มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขาแทบอยากจะลืมหายใจกันไปเลย”
เย่เชียนได้ฟังก็ค่อนข้างที่จะตกตะลึงกับเรื่องนี้ แต่เขาก็พอเข้าใจว่าสิ่งที่หยูซิงพูดมานั้นมันสมเหตุสมผลมาก เพราะตราบใดที่ซูเจี้ยนจุนกับจู้ซานนั้นไม่สามารถทำเงินทุนของพวกเขาให้กลับมาหมุนเวียนได้ล่ะก็ พวกเขาก็จะไม่สามารถสร้างความวุ่นวายในตลาดหุ้นได้อีก ยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนก็จะได้ไม่ต้องกังวลไปกับคำพูดของปู่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนจากกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติด้วย เพราะซูเจี้ยนจุนกับจู้ซานคงจะไม่ใช้วิธีที่ผิดกฎหมายเหล่านั้นอย่างแน่นอน ทว่านั่นมันก็เป็นแค่การคาดเดาของเย่เชียนเอง เพราะไม่มีอะไรมายืนยันได้ว่าพวกนั้นจะกล้าทำหรือไม่
“สิ่งที่ผู้จัดการหยูพูดมามันก็ฟังดูสมเหตุสมผลดี… แต่นั่นมันก็เป็นเพียงขั้นตอนของการรับมือเท่านั้น” จู่ ๆ ซ่งหลันก็พูดขึ้นท่ามกลางความแปลกใจของคนในห้อง
ซ่งหลันยิ้มอย่างมีเสน่ห์ก่อนที่จะพูดต่อไปว่า “วิธีการของผู้จัดการหยูน่ะไม่เลวเลย… แต่กุญแจสำคัญของวิธีการนี้ก็คือการรอดูว่าระหว่างพวกเราและพวกเขาใครจะสามารถยืนหยัดได้นานมากกว่ากันอย่างนั้นใช่มั้ย ? แต่ฉันเกรงว่าถ้าพวกเขารู้ตัวว่ามันมีบางอย่างผิดปกติในระหว่างการดำเนินการล่ะก็ พวกเขาอาจจะไหวตัวทันและฮุบเงินจำนวนมากเก็บกันเอาไว้ก่อน ซึ่งข้อดีของเรื่องนี้ก็คือพวกเขาก็จะถอนตัวออกไปจากตลาดหุ้นอย่างสมบูรณ์และเราจะชนะในที่สุด แต่ฉันว่ามันก็ยังมีอีกทางคือ การแสร้งทำให้พวกเขารู้สึกว่าเราไม่สามารถโต้กลับใด ๆ ได้เลย แล้วปล่อยให้พวกเขาอัดฉีดเงินเข้าไปในหุ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นเราค่อยโถมทุกอย่างใส่พวกเขา ซึ่งวิธีการนี้มันจะไม่มีที่ว่างและโอกาสสำหรับพวกเขาในการพลิกแพลงหรือแก้ไขได้เลย ส่วนแผนการและรายละเอียดทั้งหมดนั้น ฉันได้เตรียมเอาไว้หมดแล้ว”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน