“นี่คุณตั้งใจเข้ามาสร้างความวุ่นวายในนี้อย่างงั้นใช่มั้ย ? ในเมื่อเป็นแบบนี้คุณอย่ามาหาว่าผมใจร้ายก็แล้วกัน!” ผู้จัดการคนนั้นพูดพลางจ้องเขม็งไปที่หวงฟู่เส้าเจี๋ยด้วยความโกรธ
สิ้นเสียงคำพูดของผู้จัดการบาร์ บอดี้การ์ดทั้งห้าคนก็พุ่งตัวเข้าโจมตีหวงฟู่เส้าเจี๋ยทันที ถึงแม้ว่าหวงฟู่เส้าเจี๋ยจะไม่ได้มีฝีมือเก่งกาจมากเท่าเย่เชียน แต่เขาก็ไม่ได้มีฝีมือด้อยไปกว่าใครเลย ไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะไม่ถูกพิจารณาการเลื่อนยศในกองทัพเหมือนอย่างทุกวันนี้
หวงฟู่เส้าเจี๋ยเห็นดังนั้นเขาก็ง้างหมัดขึ้นด้วยความมั่นใจ พร้อมกันนั้นก็พุ่งตัวสวนเข้าไปต่อยชายที่อยู่ข้างหน้าสุด
ขณะเดียวกันนั้นเองเย่เชียนและอู๋หวนเฟิงก็นั่งดูหวงฟู่เส้าเจี๋ยต่อสู้กับบอดี้การ์ดพวกนั้นอย่างสบายใจเฉิบ พวกเขายกแก้วไวน์ขึ้นมาชนกันโดยไม่รู้ร้อนรู้หนาวใด ๆ เลยแม้แต่น้อย ในขณะที่หวงฟู่เส้าเจี๋ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดใจที่ตัวเองนั้นเหมือนกับโดนทิ้งให้ต่อสู้อยู่คนเดียวทั้งที่ก่อนมาเย่เชียนเป็นคนบอกกับเขาเองแท้ ๆ ว่าจะมาลุยด้วยกัน
การเป็นลูกศิษย์ของเย่เชียนนี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!
ในที่สุดบอดี้การ์ดคนหนึ่งก็ถูกหวงฟู่เส้าเจี๋ยจัดการจนร่วงลงไปนอนกองกับพื้นจนได้ เมื่อเห็นดังนั้นผู้จัดการบาร์ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าขึ้นมา ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เย่เชียนและอู๋หวนเฟิงจะออกตัวกับเขาว่าไม่ได้เกี่ยวข้องใด ๆ กับเรื่องในวันนี้ก็ตาม แต่ต่อให้เป็นคนโง่ก็ยังเดาออกว่าทั้งสามคนนั้นเป็นพวกเดียวกัน นี่ขนาดมีแค่หวงฟู่เส้าเจี๋ยเพียงคนเดียวที่เป็นคนลงมือ ยังน่ากลัวขนาดนี้ ผู้จัดการคนนั้นไม่อยากจะจินตนาการเลยว่ามันจะดุเดือดเลือดพล่านขนาดไหนถ้าทั้งสามคนเลือกที่จะลงมือไปพร้อม ๆ กัน
เมื่อคิดได้ดังนั้น ผู้จัดการบาร์ก็หมดความอดทน เขาไม่ลังเลอีกแล้วที่จะโทรไปรายงานให้หัวหน้าของเขา—ซูเจี้ยนจุน ได้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ทว่าแทนที่มันจะเป็นผลดีกับตัวเอง เขากลับโดนซูเจี้ยนจุนตวาดเข้าให้ด้วยความไม่สบอารมณ์! เพราะซูเจี้ยนจุนนั้นต้องรับสายจากผู้จัดการบาร์หลายคนตลอดทั้งคืน ซึ่งผู้จัดการแต่ละคนก็โทรมารายงานปัญหาที่ไม่ได้แตกต่างกันเลย นอกไปเสียจากเรื่องของสถานบันเทิงของเขานั้นกำลังถูกคุกคามอยู่ ซึ่งครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ลูกน้องของเขาไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นคนที่มาหาเรื่อง! มันทำให้เขาหัวเสียมากและอยากที่จะลงไปจัดการลูกน้องแต่ละคนด้วยตัวเองเลยทีเดียว มีอย่างที่ไหนที่ร้านของตัวเองถูกโจมตีจนเละขนาดนี้แต่ตัวเองดันไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ
อย่างไรก็ตามเมื่อเรื่องมันเลยเถิดมาจนถึงขั้นนี้ ซูเจี้ยนจุนก็เดาได้ไม่ยากว่าปัญหาวุ่นวายเหล่านั้นนั้นมันเป็นฝีมือของใคร เพราะตอนนี้ตัวเขามีจู้ซานเข้ามาเป็นพันธมิตรด้วยแล้ว เหลือก็เพียงแต่เย่เชียนที่ยังคงตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาอยู่
“ไอ้เวรนี่…! หัวสมองแกมันมีแต่ขี้เลื่อยหรือยังไงวะ ถึงได้จัดการอะไรเองไม่เป็นเลยน่ะ ? เอะอะก็เอาแต่โทรมารายงาน ๆ ฉันไม่ได้ว่างมานั่งฟังปัญหาของแกนะโว้ย นี่ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะว่าถ้าแกไม่สามารถจัดการปัญหาของแกเองได้แล้วล่ะก็ แกจะต้องเสียใจที่เรื่องมันต้องมาถึงมือฉัน!” ซูเจี้ยนจุนตะคอกก่อนที่จะวางใส่ไป
ผู้จัดการบาร์ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เจ้านายบอกให้เขาจัดการปัญหาด้วยตัวเองแลเวคนอย่างเขาจะไปทำอะไรได้ ? ในเมื่อเขาไม่ใช่นักเลงหรืออันธพาลที่เก่งมาจากไหนสักหน่อย จะให้เขาลุกขึ้นคว้ามีดทำครัวไปไล่แทงเด็กพวกนี้น่ะรึ ? นี่มันบ้าชัด ๆ
“นี่นายกำลังเล่นอะไรอยู่ ? กะอีแค่บอดี้การ์ดห้าคน นายต้องใช้เวลานานถึงขนาดนี้เชียวเรอะ ?!” เย่เชียนตะโกนถามหวงฟู่เส้าเจี๋ยเมื่อเห็นว่าผ่านไปก็หลายนาทีแล้ว แต่เขายังจัดการบอดี้การ์ดไปได้แค่คนเดียว
“ขอโทษครับอาจารย์… ผมจะเร่งให้เดี๋ยวนี้แหละ!” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูดพร้อมรอยยิ้มเจื่อน ๆ
ทันทีที่หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูดจบ เขาก็เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหวและความรุนแรงในการต่อสู้ขึ้นอีกเท่าตัวทันที พริบตาเดียวเขาก็สามารถจัดการให้พวกบอดี้การ์ดที่เหลือลงไปนอนหมอบอยู่ที่พื้นได้สำเร็จ
เมื่อผู้จัดการบาร์เห็นดังนั้นก็ไม่รอช้า เขารีบวิ่งหนีออกไปทางประตูหลังอย่างไม่คิดชีวิตทันที ยังไงเสียการไปตายเอาดาบหน้าก็ยังดีกว่ายืนรอความตายเฉย ๆ อยู่ตรงนี้เป็นไหน ๆ
ทว่าเย่เชียนไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้จัดการบาร์มากนัก เพราะสายตาของเขากำลังจับจ้องไปที่ตู้เก็บไวน์ที่อยู่ไม่ไกล…
“เส้าเจี๋ย! นายเดินไปดูซิว่ามีไวน์อะไรดี ๆ บ้างมั้ย ? หยิบมาให้ฉันสักสองสามขวดซิ ส่วนที่เหลือ… นายทำลายมันทิ้งได้เลยอย่าให้เหลือ อ้อ! เกือบลืมไป… นายช่วยเอาไอ้นี่ไปวางไปข้าง ๆ บาร์ที เสร็จแล้วก็โทรแจ้งตำรวจซะ” เย่เชียนพูดขณะที่เขายื่นถุงบางอย่างให้หวงฟู่เส้าเจี๋ย
“มันคืออะไรเหรออาจารย์ ?” หวงฟู่เส้าเจี๋ยถามขณะที่รับถุงมาจากเย่เชียน แต่หลังจากที่เขาแง้มดูสิ่งที่อยู่ข้างในถุงแล้ว เขาก็ต้องตกใจมาก จากนั้นเขาก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “เฮ้ย! อาจารย์… ไปเอามันมาจากไหนเนี่ย ?”
“ก็จากพวกพ่อค้าน่ะสิ” เย่เชียนตอบเรียบ ๆ “เอ้อ… นายอย่าลืมเปิดเอาเงินที่แคชเชียร์ออกมาด้วยนะ ลงมือทำธุรกิจทุกครั้ง เราต้องห้ามให้มันขาดทุนนะรู้มั้ย ? ฉันจะไม่ปล่อยให้เงินนั่นต้องตกไปเป็นของกลางโดยเปล่าประโยชน์หรอก”
“เข้าใจแล้วครับอาจารย์!” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูด จากนั้นเขาก็รีบวิ่งไปซุกถุงโคเคนที่ข้างบาร์ตามคำสั่ง เสร็จแล้วก็ดึงผ้าปูโต๊ะออกมารองและโกยเงินทั้งจากแคชเชียร์และตู้เซฟไปจนหมด หลังจากนั้นเขาก็ผูกผ้าปูโต๊ะเข้าด้วยกันอย่างชำนาญ
เมื่อเย่เชียนเห็นหวงฟู่เส้าเจี๋ยทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็วและคล่องแคล่วเช่นนั้นก็อดที่จะรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนคนนี้เป็นทหาร เพราะตอนนี้เขานั้นดูเหมือนโจรมืออาชีพมากกว่า
หลังจากที่เย่เชียนได้ไวน์สามขวดมาครอบครองจนสมใจอยากแล้ว เขาก็ให้หวงฟู่เส้าเจี๋ยทำลายไวน์ส่วนที่เหลือจนหมด จากนั้นทั้งสามคนก็พากันเดินออกมาจากบาร์ด้วยความสบายใจ เมื่อพวกเขาทั้งสามพากันเดินมาจนถึงด้านหน้าของบาร์แล้ว เย่เชียนก็พบว่าสาวสวยทั้งสองไม่ได้อยู่ที่นั่น เย่เชียนจึงได้แต่ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้แล้วจึงเดินเข้าไปนั่งในรถ
“อาจารย์มีอะไรให้ผมทำอีกมั้ยคืนนี้ ?” หวงฟู่เส้าเจี๋ยถามด้วยความกระตือรือร้น ดูเหมือนว่าเขานั้นยังไม่สาแก่ใจหลังจากที่จัดการกับบอดี้การ์ดทั้งห้าไปจนหมอบ
“ไม่มีละ… คืนนี้นายกลับบ้านไปพักผ่อนก่อนเถอะ” เย่เชียนพูดด้วยความพึงพอใจ
“โธ่… แค่นี้เองเหรออาจารย์ ? ผมกำลังสนุกอยู่เลย คืนนี้ผมต้องนอนไม่หลับแหง ๆ ” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูดด้วยความผิดหวัง
“ถ้านายนอนไม่หลับ… ทำไมนายไม่ลองไม่วิ่งรอบหนานจิงอีกสักรอบดูล่ะ ? ฉันรับรองเลยว่าคืนนี้นายจะหลับเป็นตายอย่างแน่นอน ฮ่า ๆ ๆ ” เย่เชียนพูดพลางหัวเราะ
หวงฟู่เส้าเจี๋ยทำหน้าหงอด้วยความสลด สุดท้ายเขาก็ได้แต่ตัดพ้อออกมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจว่า “โธ่… อาจารย์!”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน