แน่นอนว่าเย่เชียนก็ยังมีจุดประสงค์อื่นอีกด้วยซึ่งนั่นคือการแสดงทัศนคติและจุดยืนที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งต่อผู้คนในละแวกใกล้เคียงเหล่านี้เพื่อที่พวกเขาจะได้พบกับความเป็นธรรมและมีคนที่เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของพวกเขาที่สามารถพูดแทนพวกเขาได้เช่นนี้
หลี่ฮ่าวเองก็รับมือต่อสิ่งเหล่านี้ได้ค่อนข้างยากเพราะฝ่ายหนึ่งก็เป็นถึงพี่ชายของเขาและอีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นข้าราชการระดับสูงของรัฐซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้เขารู้สึกหมดหนทางเล็กน้อย แต่ทว่าผู้ว่าการหวังปิงก็กำลังเดินทางมาที่นี่และเมื่อเขามาถึงสิ่งต่างๆ ก็น่าจะง่ายขึ้นอย่างมาก
จู่ๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงของเฮลิคอปเตอร์ดังขึ้นไปทั่วท้องฟ้าและหลังจากนั้นรถหุ้มเกราะจำนวนหลายคันก็หยุดที่ทางเข้าของถนนและเหล่าทหารติดอาวุธหนักมากกว่าร้อยคนก็วิ่งกรูกันเข้ามาและทหารอีกหลายสินายก็โรยตัวลงมาจากด้านบนของเฮลิคอปเตอร์ราวกับว่าที่แห่งนี้กำลังจะมีสงครามเพราะทหารเหล่านั้นกำลังปิดล้อมพวกตำรวจอยู่ ทว่าก็มีเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งลดระดับลงใกล้ๆ ท่ามกลางพวกเขาและมีชายยศผู้พันทหารโรยตัวลงมาจากด้านบนและลงมาท่ามกลางฝูงชนอย่างสง่า
ทุกคนทั้งหมดต่างก็แปลกใจและประหลาดใจว่าทำไมกองทัพทหารถึงมาโดยไม่มีเหตุผล? ซึ่งเจียงปินหยางเองก็ดูตื่นเต้นอย่างมากเพราะคิดว่าทหารเหล่านี้คือคนที่จะมาช่วยเขาและเขาก็คิดอย่างชั่วร้ายว่าหูเยว่และหลี่ฮ่าวและเย่เชียนจะหนีไปได้อย่างไร
หลี่ฮ่าวและหูเยว่ต่างก็มองหน้ากันเพราะไม่ชัดเจนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จู่ๆ ทันใดนั้นหัวใจของหูเยว่ก็เต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อนึกถึงการโทรศัพท์ของหวงฟู่เส้าเจี๋ยเมื่อครู่นี้และในทันใดนั้นเขาก็อดคิดไม่ได้ว่า ‘ไอ้เด็กคนนี้คงจะไม่ได้เป็นทหารจริงๆ หรอกใช่มั้ย? ..เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ล่ะก็เหตุการณ์ในครั้งนี้คงจะบานปลายไม่น้อยเลย..ไอ้แก่เจียงปินหยางนี่สมควรแล้วที่ต้องถูกลงโทษ!’
ผู้พันทหารคนนั้นกวาดสายตามองไปรอบๆ และสั่งเหล่าทหารของเขาว่า “ปลดอาวุธของตำรวจทั้งหมดเดี๋ยวนี้!”
หลี่ฮ่าวถึงกับผงะไปชั่วขณะและพูดขึ้นมาทันทีว่า “คุณกล้ามาก!” ในฐานะอธิการกรมตำรวจส่วนกลางของเมืองเซี่ยงไฮ้แล้วเขานั้นไม่สามารถทำให้ศักดิ์ศรีของเขาลดลงได้และนี่ก็ไม่ใช่การท้าทายเย่เชียนหรืออะไรใดๆ หลี่ฮ่าวเพียงต้องการขจัดความขัดแย้งทางทหารและการเมืองที่แยบยลเหล่านี้เท่านั้น
ผู้พันทหารมองไปที่หลี่ฮ่าวขึ้นและลงจากหัวจรดเท้าและพูดว่า “คุณสุภาพบุรุษคุณเป็นใครหรือ?”
“อธิการกรมตำรวจส่วนกลางและกระทรวงความมั่นคงเทศบาลเมืองเซี่ยงไฮ้..หลี่ฮ่าว!” หลี่ฮ่าวพูดโดยไม่มีความถ่อมตัวหรือหยิ่งยโสใดๆ ซึ่งเขาดูเป็นธรรมชาติมาก
ผู้พันทหารถึงกับตกตะลึงเล็กน้อยและพูดว่า “โอ้..คุณยังหนุ่มยังแน่นอยู่..คุณคงมีอนาคตที่ดี! ..แต่ต้องขอโทษด้วยเพราะถึงแม้ว่าคุณจะเป็นอธิการกรมตำรวจส่วนกลางเทศบาลเมืองก็ตาม..แต่พวกคุณก็ต้องมอบอาวุธทั้งหมดให้พวกเรา..หากใครกล้าที่จะขัดขืนละก็..พวกเราจะใช้กฎอัยการศึก!”
“น้องสาม..นายอย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้จะดีกว่า” เย่เชียนพูดอย่างจริงจัง
หลี่ฮ่าวถึงกับผงะไปครู่หนึ่งจากนั้นก็ถอนหายใจอย่างเงียบๆ และนอกจากนี้เขาก็รู้ดีว่าทหารเหล่านี้ค่อนข้างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลยและตำรวจของเขาเองก็คงจะหาทางตอบโต้กับกองทัพทหารเหล่านี้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ผู้พันทหารหันกลับมามองไปที่เย่เชียนและคนอื่นๆ จากนั้นก็ถามว่า “คนไหนคือหวงฟู่เส้าเจี๋ย?”
“รายงานครับ..ผมร้อยเอกหวงฟู่เส้าเจี๋ย..ครับท่าน!” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูดอย่างสุภาพกับทหารมากและผู้พันคนนั้นก็ยศสูงกว่าเขาถึงสองระดับ
ผู้พันทหารยิ้มเบาๆ จากนั้นใบหน้าของเขาก็เย็นชาและพูดว่า “ใครทำร้ายคุณ?”
หวงฟู่เส้าเจี๋ยยิ้มอย่างเชื่องช้าและพูดว่า “ยังครับ..แต่ถ้าผู้พันมาช้ากว่านี้ผมคิดว่าผมคงถูกยิงไปแล้ว”
ผู้พันทหารมองไปที่เจียงปินหยางซึ่งหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็กำลังจ่อปืนเอาไว้ที่หน้าผากของเขาดังนั้นผู้พันจึงถามว่า “เขาคือใคร?” เจียงปินหยางรู้สึกหดหู่จริงๆ เพราะเดิมทีเขาคิดว่าทหารเหล่านี้จะมาช่วยชีวิตตัวเองแต่กลับเป็นฝ่ายตรงข้ามทั้งหมด แต่ไม่ว่าเขาจะโง่สักแค่ไหนถึงยังไงเขาก็รู้ว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่คนธรรมดาๆ อีกต่อไปแล้ว
“เขาเป็นรองเลขาผู้ว่าการเทศบาลเมือง..พวกเขาทำร้ายชาวบ้านชาวเมืองเหล่านี้..และผมก็ทนดูไม่ได้ครับท่าน”
“ไม่เป็นไรแล้ว..พี่น้องทหารของเราอยู่ที่นี่กันแล้ว..สบายใจได้”
“ท่านผู้พัน..ผมขอแนะนำท่านหน่อย..นี่คืออาจารย์ของผม” หวงฟู่เส้าเจี๋ยยื่นมือไปทางเย่เชียนและพูด
“ผม..เย่เชียนครับ!” เย่เชียนยื่นมือออกไปและพูดอย่างสุภาพ
ผู้พันถึงกับตกตะลึงเพราะเขารู้ถึงความยิ่งใหญ่ของตระกูลหวงฟู่เป็นอย่างดี ซึ่งการที่ใครจะเป็นเจ้านายหรือาจารย์ของเด็กคนนี้ได้นั้นความสัมพันธ์ของคนคนนั้นกับตระกูลหวงฟู่อันยิ่งใหญ่คงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปทันทีและจับมือกับเย่เชียนพร้อมพูดว่า “ฉันลีเมิ่ง!”
คนในกองทัพนั้นต่างก็มีนิสัยที่ทะนงตัวประเภทที่ชอบแข่งขันกับผู้ที่แข็งแกร่ง ซึ่งหลังจากจับมือของเย่เชียนแล้วลีเมิ่งก็เพิ่มแรงอย่างช้าๆ และเย่เชียนก็รู้สึกได้ถึงพละกำลังอันแข็งแกร่งจากมือของอีกฝ่ายและเย่เชียนก็ต้องตกตะลึงเล็กน้อยและหลังจากนั้นก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยให้และเย่เชียนก็ค่อยๆ เพิ่มกำลังที่มือขึ้นเรื่อยๆ
ลีเมิ่งค่อยๆ เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจากพละกำลังที่มือของฝ่ายตรงข้ามซึ่งมันรุนแรงและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และเขาก็เริ่มไม่สามารถต้านทานมันได้และใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและอยากจะถอนมือออกแต่ทว่ามือของฝ่ายตรงข้ามเหมือนโดนคาถามันเอาไว้เพราะเย่เชียนนั้นบีบเอาไว้อย่างแน่นและมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสลัดออก
หวงฟู่เส้าเจี๋ยที่เห็นฉากนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและจากนั้นก็มีรอยยิ้มที่มุมปากของเขาเพราะในสายตาของหวงฟู่เส้าเจี๋ยนั้นเย่เชียนคนนี้อยู่ยงคงกระพันในใบโลกนี้ แล้วผู้พันคนนี้จะเป็นคู่ต่อสู้ของอาจารย์ของเขาได้อย่างไร ทว่าจู่ๆ หวงฟู่เส้าเจี๋ยก็เหมือนจะนึกถึงคนคนหนึ่งที่สามารถทำให้เย่เชียนนั้นหวั่นเกรงได้ซึ่งนั่นก็คือหมาป่าผีไป๋ฮวยนั่นเอง
เย่เชียนนั้นก็ไม่สามารถที่จะรุนแรงเกินไปเพราะเมื่อเห็นลีเมิ่งเริ่มทนไม่ได้เขาก็ค่อยๆ ผ่อนแรงและปล่อยมือไป ซึ่งลีเมิ่งเองก็จ้องมองไปที่เย่เชียนอย่างซาบซึ้งและมีนัยยะแห่งการเคารพและชื่นชมอยู่ภายในดวงตาของเขาอย่างมากจากนั้นลีเมิ่งก็เอ่ยปากถามขึ้นมาว่า “คุณเย่..คุณเคยเป็นทหารใช่มั้ย?” สัมผัสบนฝ่ามือนั้นมิอาจปิดบังจากลีเมิ่งที่เป็นถึงผู้พันของกองทัพทหารได้เลยซึ่งสัมผัสนี้นั้นสื่อได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ต้องถือปืนและคุ้นเคยกับปืนมาอย่างยาวนานนั่นเอง


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน