ความมั่นใจในตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากสำหรับการดวลระดับยอดฝีมือหรือปรมาจารย์ เพราะในมุมมองของเย่เชียนนั้นถ้าหากใครไม่มีความมุ่งมั่นที่จะสู้และฝ่าฟันไปล่ะก็เมื่อนั้นในเวลาที่เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ด้วยพละกำลังของตัวเองเพียงอย่างเดียวนั้นมันก็มีแต่จะพ่ายแพ้ไป
ดวงตาของเย่เชียนนั้นคมดั่งมีดและในทันใดนั้นเย่เชียนก็พุ่งเข้าหาทั้งสองคน ซึ่งความเร็วนั้นมันเร็วมากจนผู้คนต่างก็ตกตะลึงรวมไปถึงอุเอโนะกับอันคยองซูด้วยเช่นกันแต่ทว่าตอนนี้พวกเขาทั้งสองก็ยังคงคุมสติและสมาธิได้อยู่เพราะเมื่อพวกเขาเห็นเย่เชียนพุ่งมาหาพวกเขาเช่นนี้แล้วพวกเขาทั้งสองก็สวนกลับเย่เชียนในทันทีโดยอุเอโนะใช้หมัดคาราเต้ส่วนอันคยองซูนั้นใช้ขาเตะไปที่เย่เชียนตรงๆ
อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งสองนั้นก็ช้าอย่างมากในสายตาของเย่เชียนจึงโดนหมัดปาจี๋ที่ทรงพลังของเย่เชียนเข้ากลางลำตัวจนอุเอโนะกระเด็นออกไปจากเวทีอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงกระดูกที่หักก็ดังเข้ามาในหูของเขาอย่างชัดเจนและแม้แต่หูวเค่อเองก็ถึงประหลาดใจและเธอก็รู้สึกหวาดกลัวไปกับการระเบิดพลังที่หมัดของเย่เชียน
อุเอโนะก็จับเอวของตัวเองในส่วนที่ซี่โครงหักแล้วเขาก็ขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับสีหน้าที่เจ็บปวดและด้วยความช่วยเหลือจากลูกศิษย์ของเขาที่ช่วยพยุงเขาขึ้นนั้นในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นยืนได้
“ฮ่าๆ ..มันจบแล้วเหรอ..แกไม่ได้บอกว่าแกสามารถจัดการใครบางคนได้ในห้านาทีหรอกเหรอ?” อันคยองซูพูดอย่างประชดประชันและเย้ยหยันอย่างมาก
อุเอโนะก็ตัวสั่นเล็กน้อยและฝืนตะโกนโต้กลับว่า “อย่าได้ใจไป..เดี๋ยวแกก็รู้!”
อันคยองซูก็พูดอย่างเย้ยหยันว่า “คอยดูก็แล้วกันว่าฉันเอาชนะเขาได้ยังไง” ถึงแม้ว่าเขาจะพูดอย่างนั้นแต่อันคยองซูก็รู้อยู่แก่ใจว่าเขานั้นก็คงจะเหมือนกับอุเอโนะเพราะเหตุผลที่อุเอโนะเป็นคนแรกที่โดนจัดการไปนั้นมันก็เป็นเพียงแค่ความโชคดีของเขาที่เป้าหมายแรกของเย่เชียนก็คืออุเอโนะเองเพราะถ้าหากเป็นเขาล่ะก็เขาก็คงจะได้ผลลัพธ์เหมือนกับอุเอโนอย่างแน่นอน
หลังจากที่เย่เชียนเอาชนะอุเอโนะไปได้เขาก็ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเพราะเขาหันกลับมาอย่างสวยงามและหลบการเตะจากด้านข้างของอันคยองซูและหลังจากนั้นลูกเตะของอันคยองซูก็เลยผ่านไปโดยเย่เชียนได้ใช้จังหวะนี้เตะสวนขาของอันคยองซูไปด้วยการแกว่งขาหลังใส่ของอันคยองซูอย่างรวดเร็วและรุนแรงซึ่งทำให้กระดูกขาของอันคยองซูหักหักอย่างรุนแรงและในทันใดนั้นอันคยองซูก็ส่งเสียงร้องโอดครวญอย่างน่าสังเวช
จากนั้นเย่เชียนก็หมุนตัวกลับมาและเหวี่ยงขาของเขาไปที่หัวของอันคยองซูอย่างแรง ซึ่งอันคยองซูนั้นก็รู้สึกได้แค่เพียงเสียงวิ้งๆ ในหูของเขาและสติของเขาก็ดับวูบไปและร่างของเขาก็ล้มลงไปกับพื้น
เสียงปรบมือดังกึกก้องในทันทีจากข้างสนามและเหล่าคนหนุ่มสาวต่างก็ตะโกนชื่อของเย่เชียนกันอย่างบ้าคลั่งโดยมีกล้องของนักข่าวจากสื่อมวลชนต่างก็จับจ้องไปที่เย่เชียนอย่างสง่าผ่าเผย และหลายคนก็เชื่อว่าทันทีที่วันนี้ผ่านพ้นไปเย่เชียนนั้นจะต้องกลายเป็นบุคคลที่โด่งดังที่สุดในไต้หวันทันทีอย่างแน่นอน
เหล่าลูกศิษย์จากสโมสรเทควันโดของอันคยองซูก็รีบขึ้นมาช่วยแบกร่างของอันคยองซูลงจากเวทีไป ส่วนเย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “อย่าลืมเรื่องที่เดิมพันกันเอาไว้นะ..พวกคุณต้องว่ายน้ำกลับประเทศบ้านเกิดของพวกคุณและผมก็หวังว่าพวกคุณคงจะไม่เจอฉลามนะ..พี่ๆ น้องๆ จากสื่อมวลชนและทุกๆ คนที่อยู่ที่นี่พวกคุณเป็นสักขีพยานและคอยดูแลว่าพวกเขาทั้งสองจะว่ายน้ำกลับไปหรือเปล่า!”
เหล่าลูกศิษย์ของอุเอโนะและอันคยองซูก็รู้สึกอับอายกันอย่างมากและพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหาช่องทางเพื่อจะหนีออกไป
เย่เชียนก็โบกมือเพื่อหยุดเสียงตะโกนเชียร์ของเหล่าหนุ่มสาวที่อยู่ด้านล่างข้างขอบสนามและพูดอย่างช้าๆ ว่า “ทุกคนไม่ต้องกังวลไปครับ..เพราะว่าสโมสรโรงยิมศิลปะการต่อสู้ของเราสาขาอื่นๆ นั้นจะถูกจัดตั้งขึ้นในไม่ช้านี้..และพวกคุณก็สามารถไปที่นั่นเพื่อลงทะเบียนได้ในเร้วๆ นี้ครับ”
มีเสียงตะโกนและเสียงปรบมือดังมาจากด้านล่างอีกครั้งและด้วยเหตุนี้นั้นสโมสรโรงยิมศิลปะการต่อสู้ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปนั้นแทบจะเป็นเพียงสถาบันเดียวในเมืองไทเปที่สามารถรับสมัครลูกศิษย์จำนวนมากได้ในเวลาไม่กี่วันและชายหนุ่มกับหญิงสาวเหล่านั้นก็จะได้พูดกันอย่างภาคภูมิใจว่า ‘ฉันเป็นสมาชิกของสโมสรโรงยิมเครือน่านฟ้ากรุ๊ปและท่านเย่เชียนก็เป็นเจ้าของสโมสรโรงยิมของเรา!’ ซึ่งท่าทางและการพูดเช่นนี้นั้นสำหรับพวกเขาแล้วมันน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าการขึ้นบัลลังก์ของจักรพรรดิเสียอีก
และอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่จะก็เกิดขึ้นในสโมสรและโรงยิมอื่นๆ โดยครูฝึกหรืออาจารย์ผู้สอนประจำที่จะมาเข้าสอนในตอนเช้าและเขาก็จะได้พบว่าห้องทั้งห้องนั้นว่างเปล่าและไร้นักเรียนกับลูกศิษย์ไปอย่างสมบูรณ์และเขาก็จะไปถามป้าแม่บ้านที่กำลังกวาดพื้นด้วยความประหลาดใจว่า “ป้า..แล้วพวกนักเรียนไปไหนกันหมดล่ะ..ทำไมวันนี้ไม่มีใครมาเลย”
ป้าแม่บ้านก็มองเขาอย่างเย้ยหยันและพูดว่า “พวกเขาไปเรียนกันที่สโมสรโรงยิมเครือน่านฟ้ากรุ๊ปแล้ว..เพราะงั้นสโมสรคาราเต้หรือเทควันโดน่ะไม่มีอีกแล้ว..ฉันก็กำลังจะมาบอกคุณว่าฉันจะลาออกแล้วไปทำงานที่สโมสรโรงยิมเครือน่านฟ้ากรุ๊ปเหมือนกัน”
นี่จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสโมสรโรงยิมทุกแห่งในอนาคตดังนั้นก็จะไม่พูดถึงมันในตอนนี้
หลังจากจัดพิธีเปิดสโมสรโรงยิมเครือน่านฟ้ากรุ๊ปอย่างเป็นทางการแล้วหูวเค่อก็แอบพาเย่เชียนออกไปทางด้านหลัง นั่นก็เพราะว่าพวกเขาได้เห็นแล้วว่าเหล่าหญิงสาวและเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เหล่านั้นมีความกระตือรือร้นมากเพียงใดซึ่งถ้าหากเย่เชียนยังอยู่ที่นั่นต่ออีกล่ะก็พวกเธอก็คงจะกรูเข้ามาลุมเย่เชียนอย่างแน่นอน
หลังจากที่พวกเขาขึ้นรถกันแล้วเย่เชียนก็ขับรถพาหูวเค่อออกจากสโมสรโรงยิมไปและทิ้งเรื่องต่างๆ เอาไว้ให้เฉินโม่ทำต่อ นั่นก็เพราะว่าเย่เชียนนั้นไม่เคยชอบที่จะดูแลเรื่องแบบนี้มากนักนั่นก็เพราะว่าสิ่งใดที่ต้องตามเช็ดตามแก้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ นั้นมันก็เป็นสิ่งสมควรที่จะให้ผู้ใต้บังคับบัญชาลงมือทำซึ่งนั่นก็เป็นคำที่สมเหตุสมผลที่สุดสำหรับเย่เชียนแล้ว
“พลังหมัดของคุณแข็งแกร่งมากเลยนะคะ..ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคุณจะสามารถเอาชนะยอดฝีมือสองคนได้ในระยะเวลาสั้นๆ แบบนี้” หูวเค่อพูด
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “เป็นไงล่ะคนสวย? ..ผมเท่มั้ยล่ะ..หืม..ในสายตาของคุณผมไม่หล่อบ้างเลยหรอ?”
หูวเค่อก็มองค้อนเย่เชียนด้วยหางตาและพูดว่า “ก็งั้นๆ น่ะ..ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษเลย”
“นี่คุณตาบอดหรอ..คุณไม่เห็นพวกผู้หญิงเหล่านั้นที่กรีดร้องเรียกชื่อผมกันอย่างเร่าร้อนเลยหรอ..ตอนนี้พวกเธอคงจะรอแทบไม่ไหวแล้วที่จะตะครุบและขย้ำผมน่ะ” เย่เชียนพูดต่อ “เอาเถอะๆ ..แล้วคุณล่ะ? ..คุณอยากไปไหนมั้ย..หรือจะไปช้อปปิ้งกันมั้ย..ในอนาคตคุณอาจจะยุ่งจนไม่มีเวลาก็ได้นะ”
“ฉันไม่ค่อยคุ้นเคยกับไต้หวันเลยน่ะ..คุณพาฉันไปที่ที่มีทิวทัศน์สวยๆ หน่อยได้มั้ยคะ” หูวเค่อพูด
“อ๋อ..งั้นเราไปภูเขาเจ้าแม่กวนอิมดีมั้ย..ที่นั่นวิวและทิวทัศน์ดีมาก” เย่เชียนพูด ซึ่งหลังจากพูดจบเขาก็เหยียบคันเร่งหนักขึ้นเพื่อรีบขับรถตรงไปยังชานเมืองของเมืองไทเป


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน