ตอนที่ 370 จะเลือกใคร?
คำพูดของจ้าวหยานั้นดูมีพลังมากจนซูเหว๋ยตกใจอยู่ที่นั่นเพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีผู้คนมากมายไล่จีบซูเหว๋ยเพราะไม่ว่าจะด้วยรูปร่างหน้าตาหรือฐานะของเธอนั้นก็เพียบพร้อมอย่างมากแต่เธอก็ไม่เคยสนใจใครเลยและนี่ก็คือสาเหตุที่ซูเหว๋ยไม่มีแม้แต่เพื่อนเลยสักคน สำหรับผู้หญิงอย่างเธอนั้นสาวๆ คนอื่นๆ ก็มักอิจฉาที่เธอจนไม่อยากจะเป็นเพื่อนกับเธอ แต่สำหรับพวกผู้ชายนั้นมีความคิดที่ไม่พึงประสงค์จนเป็นเพื่อนกับเธอไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงมีเพียงเย่เชียนคนเดียวที่ดูเหมือนจะเป็นคนพาลแต่เขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเลยและนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมซูเหว๋ยถึงชอบเย่เชียนมากเช่นนี้
โชคดีที่เย่เชียนไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วในตอนนี้มิฉะนั้นเขาอาจจะกระอักเลือดออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของจ้าวหยาก็เป็นได้เหมือนกับตอนที่ฉินหยูเผชิญหน้ากับหวังยู่ ซึ่งสงครามของผู้หญิงนั้นดูเหมือนว่าพวกเธอจะชอบพูดถึงเรื่องนี้และพูดข่มกันอย่างมาก
หลังจากหยุดกันไปชั่วขณะซูเหว๋ยก็ยืดอกของเธอและพูดว่า “นี่เธอหึงหรอ? ..มันไม่จริงเลย..เย่เชียนน่ะชอบฉันจริงๆ ..เพราะงั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เธอฟังหรอกนะ..หน้าอกแบนๆ เหมือนรันเวย์สนามบินของเธอนะสามารถจอดเครื่องบินได้หลายลำเลยใช่มั้ยล่ะ?” ในเวลานี้ซูเหว๋ยลืมไปเสียสนิทเลยว่าจ้าวหยาเป็นCEOของเดอะมัวร์กรุ๊ปภาคเอเชียและเธอก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้จ้าวหยาขุ่นเคืองเลยเพราะไม่ว่าจะยังไงบริษัทของเธอก็สุ่มเสี่ยงอย่างมาก แต่ทว่าจากมุมมองของผู้หญิงนั้นเพื่อจัดการกับคู่แข่งของตัวเองเธอก็ต้องยอมทำทุกอย่าง
“หึ!” จ้าวหยาพูดอย่างเย้ยหยันว่า “แล้วเธอจะไปรู้อะไร? ..ใครๆ ก็รู้ว่าเธอน่ะยัดฟองน้ำเอาไว้..เพราะงั้นเย่เชียนอาจจะไปซื้อเนื้อหมูมาแล้วบีบมันเล่นเองเสียยังดีกว่าก็ได้”
“เห็นได้ชัดว่าเธอน่ะอิจฉาฉัน..อย่างน้อยๆ ฉันก็มีเสน่ห์มากกว่าเธอก็แล้วกัน..แล้วเธอล่ะ? ..ตัวเล็กจนถือจนพกพาไปไหนก็ได้..ขอร้องล่ะอย่าให้เย่เชียนสัมผัสมันเลย..ฉันกลัวว่าเขาจะคิดว่ามันเป็นหลังของเธอ..เพราะทั้งด้านหน้าและด้านหลังมันไม่ชัดเจนอะนะ” ซูเหว๋ยก็ไม่ได้อ่อนข้อเลยแม้แต่น้อยและโต้กลับอย่างเย้ยหยัน
“หือ..แล้วเธอจะมั่นใจได้ยังไง? ..จะไปถามเขาเลยมั้ยล่ะว่าเขาชอบฟองน้ำของเธอหรือของฉันมากกว่ากัน” จ้าวหยาตอกกลับ
“ไปสิไปกันเลย..ฉันล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าหน้าอกแบนๆ อย่างเธอจะสู้ฉันได้ยังไง” ซูเหว๋ยยักคิ้วและพูดอย่างเย้ยหยัน
หลังจากพูดจบหญิงสาวทั้งสองก็มองหน้ากันและเข้าไปในรถด้วยความโกรธเกรี้ยว ซึ่งซูเหว๋ยนั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะให้จ้าวหยาไปด้วยเพราะพวกเธอคุยกันแล้วว่าพวกเธอจะไปหาเย่เชียนและถามว่าเขาจะเลือกใคร
ถ้าเย่เชียนรู้ว่ามันจะเป็นเช่นนี้ล่ะก็เขาคงจะไม่หนีไปแต่ก็น่าเสียดายที่เขาไม่รู้เพราะเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้หญิงสองคนนี้ถึงกับเลิกสนใจเรื่องงานและเป็นเช่นนี้กัน ในความเป็นจริงแล้วไม่ว่าจะหน้าอกเล็กหรือใหญ่พูดตามตรงเลยว่าเย่เชียนนั้นชอบทั้งสองอย่างเพราะแต่ละคนต่างก็มีข้อดีของตัวเองทั้งนั้น
หลังจากที่คนขับรถแท๊กซี่มาส่งเย่เชียนก็ให้คนขับเพิ่มอีกสองร้อยหยวนเพราะถือว่าเขาช่วยตัวเองออกมาและหลังจากกลับไปยังที่พักของเขาแล้วเย่เชียนก็วิ่งไปที่บาร์บนชั้นสองและขอไวน์จากเจ๊ฮงหนึ่งแก้วแล้วจิบสักสองสามแก้ว ส่วนเจ๊ฮงก็มองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจและถามอย่างสงสัยว่า “เป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย..ดูเหมือนนายจะเครียดมากเลยนะ”
เย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “อย่าพูดถึงมันเลย..ขออีกแก้ว!” เขาพูดพลางส่งแก้วไวน์ให้เจ๊ฮง
“เอาหน่าๆ ..บอกมาเถอะ..เพื่อมีอะไรที่ฉันช่วยได้” เจ๊ฮงพูดต่อ “ถึงฉันจะไม่ได้มีการศึกษาอะไรมากนักแต่ฉันก็อยู่ในแวดวงของสังคมเพราะงั้นมันต้องมีสิ่งที่ฉันช่วยได้บ้างแหละ”
“เรื่องนี้คุณช่วยไม่ได้จริงๆ” เย่เชียนถอนหายใจและพูด
“เรื่องผู้หญิง?” เจ๊ฮงคาดเดา
“ใช่!” เย่เชียนพยักหน้าและพูดว่า “ผมไม่ได้คาดคิดว่าผมจะได้เจอแฟนของผมที่นี่น่ะสิ”
เจ๊ฮงก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและนึกขึ้นได้ว่าซูเหว๋ยหญิงสาวที่ปรากฏตัวที่นี่ในวันนั้นจะชอบเย่เชียน หลังจากนั้นเธอก็พูดว่า “อย่าบอกนะว่าน้องสาวคนนั้นไปเจอกับแฟนนายน่ะ?”
“ก็เธอไปต่างประเทศเมื่อครึ่งปีก่อนแล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าเธอจะมาที่ไต้หวันแบบนี้” เย่เชียนถอนหายใจและพูด
เจ๊ฮงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “แล้วที่นายหนีพวกเธอมาแบบนี้ไม่กลัวว่าพวกเธอจะทะเลาะกันเลยอย่างงั้นเหรอ? ”
“ผมไม่ควรหนีมาใช่มั้ย?” เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะกังวลเมื่อเจ๊ฮงพูดแบบนั้นเพราะบางทีพวกเธออาจจะทะเลาะกันจนลงไม้ลงมือกันจริงๆ แต่หลังจากคิดถึงเรื่องนี้แล้วเขาก็พูดว่า “พวกเธอโตแล้วมีวุฒิภาวะเพราะงั้นพวกเธอก็คงจะไม่ทะเลาะกันหรอก” แต่ถึงอย่างนั้นเย่เชียนก็ยังรู้สึกผิดในใจ
“ทำไมจะไม่ทะเลาะกันล่ะ..เพราะถ้าสาวๆ อิจฉาหรือหึงหวงล่ะก็พวกเธอก็ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ..ฉันเคยเห็นผู้หญิงสองคนตบตีกันเพื่อแย่งผู้ชายกันจนบาดเจ็บสาหัสกันทั้งคู่” เจ๊ฮงพูด
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่มุมปากของเขาจะกระตุกพลางคิดว่าถ้าเป็นเช่นนี้จริงๆ ล่ะก็ซูเหว๋ยก็กำลังตกอยู่ในอันตรายเพราะจ้าวหยานั้นเป็นผู้หญิงที่เกรี้ยวกราดอย่างมากแต่ซูเหว๋ยเหมือนกับเด็กน้อยเสียมากกว่า
เมื่อเห็นสีหน้าของเย่เชียนดูจริงจังขึ้นมาเจ๊ฮงก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “มีอะไรหรอ?”
“ผมต้องรีบโทรไปแล้ว” เย่เชียนรีบหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาและเมื่อเขากำลังจะโทรออกเขาก็เห็นซูเหว๋ยและจ้าวหยาเดินเข้ามาจากประตูจนเขาตกใจและเกือบจะหงายหลังลงไปกับพื้น
เจ๊ฮงก็สังเกตเห็นจ้าวหยาและซูเหว๋ยและเมื่อเธอเห็นท่าทางหวาดกลัวของเย่เชียนเธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆ ส่วนเย่เชียนพยายามที่จะลุกขึ้นนั่งลงอีกครั้งและยิ้มอย่างเชื่องช้าแล้วพูดว่า “เอ่อ..ทำไมพวกเธอถึงมาที่นี่..พวกเธอไม่ไปทำงานกันเหรอ?”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน