เมื่อทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์มองไปทางต้นเสียง ก็พบว่าเสียงนั้นมาจากฉินหยู ฉินหยูผู้ซึ่งเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดตรงหน้า เธอไม่คิดว่าเย่เชียนต้องการที่จะขัดขืนการจับกุมใด ๆ ส่วนหยางเหว่ยนั้นก็เลวทรามเกินไปจริง ๆ ดูปราดเดียวก็รู้ว่าเขาถูกใครบางคนสั่งมา
เย่เชียนมองฉินหยูด้วยความตกตะลึง เขาไม่เคยคิดเลยว่าเวลาที่ผู้หญิงคนนี้ระเบิดโทสะขึ้นมามันจะดูอำมหิตและน่ากลัวได้ขนาดนี้
เย่เชียนยังไม่สามารถแน่ใจได้ว่า เป้าหมายของนักฆ่าที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดนั้นคือตัวเขาเองหรือฉินหยูกันแน่ แต่ถ้าหากเป้าหมายที่แท้จริงเป็นฉินหยูแล้ว และตัวเขาต้องถูกจับกุมตัวไป เขาก็กลัวว่าเธอจะตกอยู่ในอันตราย ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับฉินหยูจะไม่ได้ใกล้ชิดกันมากมายอะไร แต่ทว่าตอนนี้เธอเป็นคนชวนเขามาดินเนอร์ด้วยกัน และถ้าหากเขาปล่อยให้ฉินหยูเป็นอะไรไปล่ะก็ มันก็เป็นความผิดของเขาแต่เพียงผู้เดียว
เมื่อหวังยู่เห็นฉินหยู ลึก ๆ ในหัวใจของเธอเกิดความรู้สึกอิจฉาอย่างบอกไม่ถูก จู่ ๆ ความคิดที่ว่า …ทำไมฉินหยูถึงมานั่งกินข้าวอยู่กับเย่เชียนได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ตัวเธอเองกลับถูกเย่เชียนทำไม่ดีกับเธอเรื่อยมา… ก็ผุดขึ้นในสมอง
อันที่จริงเธอเองก็อยากจะอยู่ดี ๆ คุยดี ๆ แบบปกติธรรมดากับเย่เชียนเหมือนกัน เมื่อเห็นแบบนี้ ช่วยไม่ได้ที่เธอจะรู้สึกขุ่นเคืองและน้อยใจ
การกระทำของหยางเหว่ยเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อเขาเห็นฉินหยู เขาอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทั้งตัวและความหนาวเหน็บก็เพิ่มพูนขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ในเมืองเซี่ยงไฮ้นี้แทบจะไม่มีใครไม่รู้จัก ‘ฉินหยู สตรีผู้ทรงอิทธิพล’ โดยเฉพาะคนอย่างหยางเหว่ยที่อยู่ระหว่างโลกอาชญากรรมกับโลกของความยุติธรรม
จากนั้นหยางเหว่ยก็ลดปืนลงและพูดอย่างตะกุกตะกักว่า
“คุณฉิน… คุณผู้หญิงฉิน… ทะ… ทำไม… คุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ครับ ?”
“หยางเหว่ย” ฉินหยูเรียกพลางมองอย่างไม่แยแส “นี่นายคิดจะเหนี่ยวไกจริง ๆ หรือไง ? ห๊ะ!”
หยางเหว่ยรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาจะกล้ายิงได้อย่างไรเมื่อเห็นสตรีผู้ทรงอิทธิพลอย่างฉินหยูออกตัวปกป้องเย่เชียนถึงขนาดนี้
เขายิ้มแหย ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย “คุณผู้หญิงฉิน… คุณอย่าทำให้ผมตกใจสิ… ผมแค่ล้อเล่นกับคุณเย่เท่านั้นเอง… ครับ”
“ล้อเล่นเหรอ ? หยอกล้อกันเล่นด้วยปืนเนี่ยนะ” ฉินหยูตะโกน
หยางเหว่ยไม่กล้าแม้แต่จะตอบกลับ เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้หญิงคนนี้เขาทำได้เพียงแค่ยอมรับชะตากรรม ความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ก็คือการออกไปจากที่แห่งนี้โดยเร็วที่สุด และไม่ต้องการยั่วยุให้ผู้หญิงคนนี้ต้องจุดประกายไฟ มิเช่นนั้นเขาอาจจะถูกโยนลงแม่น้ำหวงผู่ในสักวันหนึ่ง
ส่วนหวังยู่ เธอเองก็เป็นหญิงสาวจากครอบครัวชนชั้นสูงเช่นกัน เธอไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับฉินหยู สตรีผู้ทรงอิทธิพลคนนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจว่าทำไมเย่เชียนถึงมาอยู่กับผู้หญิงคนนี้ได้ และทั้งสองคนนี้โคจรมารู้จักกันได้อย่างไร แต่เธอก็ต้องยอมรับกับความจริงที่ว่า ฉินหยูสามารถช่วยหยุดสถานการณ์ในตอนนี้ได้ดีกว่าเธอ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การปรากฏตัวและการพูดจาของฉินหยูที่ดูออกจะปกป้องเย่เชียนอย่างเกินหน้าเกินตาไปสักนิด ราวกับว่าเย่เชียนนั้นเป็นคนสำคัญคนหนึ่งในชีวิตของเธอ สิ่งนี้เองที่มันทำให้หวังยู่รู้สึกอึดอัดและหงุดหงิดจนไม่สามารถที่จะอดกลั้นเอาไว้ได้อีกแล้ว
“คุณฉินคะ ทำไมคุณถึงปกป้องเย่เชียนล่ะคะ ? คุณเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเขาหรือเปล่า ?” หวังยู่ถามอย่างหงุดหงิด
ฉินหยูตกตะลึงอย่างมากกับคำพูดของหวังยู่ จากนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและตอบว่า
“หึ ๆ ๆ… หวังยู่ เธอคิดว่าถ้าคนอย่างฉันต้องการคร่าชีวิตของคนคนหนึ่ง ฉันจะลงมือเองหรือเปล่าล่ะ ?”
“ใช่ คุณอาจจะไม่จำเป็นต้องทำเอง… แต่คุณสามารถเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังได้นี่คะ” หวังยู่ตอบอย่างไม่แยแสสิ่งใด ๆ
“แม่สาวน้อย… เธอกำลังกล่าวหาฉันอยู่งั้นเหรอ ?” ฉินหยูพูดอย่างเยือกเย็นจนทำให้หวังยู่ตกตะลึง
หวังยู่ที่กำลังท้าทายฉินหยูอย่างเปิดเผย ทำให้เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอหวั่นเกรง เพราะหากเธอทำให้เจ๊ใหญ่อย่างฉินหยูขุ่นเคืองแล้วล่ะก็ ไม่ต้องคิดเลยว่าต่อไปเธอจะกินจะอยู่อย่างไร คิดว่าเธอจะออกไปจากที่แห่งนี้แบบที่ยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรก่อนดีกว่า
ทั้งนี้ทั้งนั้น ตำรวจทุกคนในที่นี้รู้ดีเกี่ยวกับอารมณ์และความเกรี้ยวกราดของหวังยู่ พวกเขารู้ว่าควรมองข้ามรูปลักษณ์ที่สวยงามและน่ารักของเธอไปเสีย ความดื้อรั้นของเธอนั้นไม่เป็นสองรองใครเพราะตำแหน่งพ่อของเธอช่วยหนุนหลังเธออยู่ มันจึงทำให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเธอไม่กล้าที่จะล้ำเส้นหวังยู่ ส่วนทางฉินหยูก็พอกัน


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน