ตอนที่ 545 ความสงสัย
ก่อนหน้านี้เย่เชียนบอกให้แจ็คตรวจสอบข้อมูลของบุคคลหนึ่งและโดยปกติจะใช้เวลาแค่ไม่ถึงหนึ่งวัน อย่างไรก็ตามครั้งนี้แจ็คกลับไม่ได้ส่งผ่านข้อมูลเกี่ยวกับอันซือและเย่เหวินซึ่งแสดงให้เห็นว่าแจ็คก็ประสบปัญหาเช่นกัน ซึ่งทักษะการแฮ็กของแจ็คนั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นอันดับต้นๆ ของโลกและเขาก็สามารถแฮ็กคอมพิวเตอร์ทั่วโลกได้อย่างเงียบๆ จากนั้นจึงถ่ายโอนข้อมูลที่เขาต้องการ อย่างไรก็ตามครั้งนี้แจ็คได้แฮ็กเข้าไปในเซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติและ CIA แต่ที่นั่นไม่มีฐานข้อมูลที่เกี่ยวกับอันซือและเย่เหวินเลย
แน่นอนว่าแจ็คไม่ได้ค้นหาเพียงแค่ชื่อของพวกเขาเท่านั้นแต่ยังหาจากรูปลักษณ์ของพวกเขารวมไปถึงฐานข้อมูลของสำนักรักษาความปลอดภัยสาธารณะก็ไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับอันซือและเย่เหวินเลยซึ่งทำให้แจ็คงุนงงอย่างมากว่าพวกเขาไม่ใช่คนจีนหรอกหรือ? ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่มีตัวตนเช่นนี้ได้อย่างไรตราบใดที่ยังมีตัวตนสำนักรักษาความปลอดภัยสาธารณะและทะเบียนสำนักงานเขตก็ควรจะมีการลงทะเบียนเอาไว้
ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถสืบค้นข้อมูลเหล่านี้ได้ดังนั้นจึงแจ็คต้องส่งรูปถ่ายของอันซือและเย่เหวินไปให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยข่าวกรองเขี้ยวหมาป่าและให้พวกเขาช่วยตรวจสอบข้อมูลด้วยกำลังพลทั้งหมด
เนื่องจากแจ็คไม่โทรมาหาเย่เชียนเขาจึงรู้ว่าแจ็คยังไม่พบข้อมูลดังนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะโทรไปถาม ซึ่งเย่เชียนก็เชื่อในความสามารถของแจ็คในการทำสิ่งต่างๆ อย่างมากและแจ็คเองก็ไม่ได้เพิกเฉยใดๆ และมันต้องมีบางอย่างผิดปกติเพราะถ้าเย่เชียนไม่ไว้ใจแจ็คถึงขนาดนี้เขาจะปล่อยให้แจ็คทำเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร
หลังจากมาถึงโรงพยาบาลเย่เชียนก็ไปที่ห้องพักของอันซือโดยยังคงเรียก ‘แม่’ อย่างห้วนๆ เพราะเขาต้องเรียกชื่อนี้อย่างกะทันหันเขาจึงไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้มากนักและในปัจจุบันก็มีการต่อต้านจากก้นบึ้งของหัวใจเพราะท้ายที่สุดตอนนี้เขาก็ไม่รู้เลยว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงหรือเท็จ
อันซือก็ไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับเย่เชียนเธอจึงยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ทำไมวันนี้ลูกมาช้าจัง?”
เย่เชียนก็ผงะไปชั่วขณะยิ้มอย่างเชื่องช้าแล้วพูดว่า “อ้อที่บริษัทมีเรื่องมากมายต้องจัดการผมเลยมาช้าไปหน่อย” เขายุ่งอยู่กับการทำสิ่งต่างๆ อย่างแท้จริงแต่สิ่งที่เย่เชียนทำเมื่อคืนนี้มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินอันซือถามประโยคนั้นเย่เชียนก็ไม่รู้จะตอบว่าอะไรแต่แล้วเขาก็ตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“งานน่ะสำคัญแต่สุขภาพร่างกายสำคัญกว่า..ลูกต้องดูแลเอาใจใส่ร่างกายให้มากกว่านี้” อันซือพูด ในตอนนี้เย่เชียนก็หวังว่าความสงสัยของเขาจะผิดไปและอันซือคนนี้ก็เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของเขาจริงๆ ดังนั้นอย่างน้อยๆ ความรู้สึกที่เหมือนกับอยู่บ้านของเย่เชียนก็จะไม่หลุดลอยจางหายไปเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ชัดเจนเช่นว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ถึงยังไงสักวันหนึ่งมันก็จะชัดเจน
อันซือเปิดลิ้นชักของโต๊ะข้างเตียงและหยิบกระดาษออกมาสองสามแผ่นและมีคำและรูปภาพจำนวนมากเขียนเอาไว้ ซึ่งลายมือสวยงามและเผยให้เห็นความเป็นเด็กวัยเยาว์และดูเหมือนว่ามันถูกเขียนโดยอันซือและเขียนโดยเย่เหวินอันซือยื่นกระดาษให้เย่เชียนและพูดว่า “นี่คือสิ่งที่ฉันบอกเมื่อคืนนี้ว่าน้องสาวของลูกน่ะได้จดบันทึกในนามของตระกูลเย่และมันเป็นวิธีการฝึกศิลปะการต่อสู้แบบโบราณของตระกูลเย่ของเราจงรับมันไป”
เย่เชียนก็หยิบมันขึ้นมาและเหลือบมองสั้นๆ แล้วพูดว่า “ขอบคุณครับ! ” สำหรับความถูกต้องของวิธีการฝึกฝนนี้เย่เชียนก็ไม่สามารถตัดสินได้แต่โชคดีที่มีหูวเค่ออยู่และเมื่อนึกถึงหูวเค่อเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะสั่นไปทั้งตัวเพราะเมื่อวานนี้เขามีความสุขมากที่ได้พบหลินโรวโร่วจนเขาลืมเรื่องนัดพบกันทางออนไลน์กับหูวเค่อในตอนกลางคืนไปเสียสนิทและเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ทันใดนั้นหัวใจของเย่เชียนก็เต้นไม่เป็นจังหวะและมีสีหน้าที่ขมขื่น
“มีอะไรผิดปกติมีหรือเปล่า” ด้วยการแสดงออกที่ชัดเจนของเย่เชียนเช่นนี้อันซือจึงมองตาเขาและถามด้วยความประหลาดใจ
“จู่ๆ ผมก็จำได้ว่าผมลืมบางอย่างที่สำคัญมากเอาไว้ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” เย่เชียนพูด
“ไม่เป็นไรถ้าลูกมีธุระที่ต้องทำก็ไปทำเถอะ..ที่นี่ไม่มีอะไรและนอกจากนี้ก็ยังมีน้องสาวอยู่ที่นี่ด้วย” อันซือพูด
เย่เชียนพยักหน้าและตบไหล่ของเย่เหวินเบาๆ อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาของเย่เหวินก็ทำให้เย่เชียนประหลาดใจและในทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืนด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรงในสายตาของเธอแต่เธอก็รีบกลับคืนสู่ปกติอย่างรวดเร็วและเธอก็ยิ้มแล้วพูดว่า “พี่ไปทำงานก่อนเถอะ..ถ้ามีอะไรเดี๋ยวฉันจะดูแลแม่เองไม่ต้องกังวล”
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงการแสดงออกที่กะทันหันและหายวับไปอย่างรวดเร็วแต่เย่เชียนก็สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งการแสดงของเย่เหวินในเมื่อครู่นี้เป็นพฤติกรรมที่อยู่ในจิตใต้สำนึกอย่างชัดเจนภายใต้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งในการป้องกันตัวเองซึ่งนั่นหมายความว่าเธอปฏิบัติต่อเย่เชียนในฐานะศัตรูมาโดยตลอดและประสาทสัมผัสของเธอก็จะตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาและเมื่อเย่เชียนตบไหล่เธอในเวลานั้นเธอจึงมีปฏิกิริยาดังกล่าวและสิ่งนี้ก็เพิ่มความสงสัยให้กับเย่เชียนเพราะถ้าหากเย่เหวินคิดว่าเขาเป็นพี่ชายของเธอจริงล่ะก็เธอจะมีปฏิกิริยาและการแสดงออกเช่นนี้ได้อย่างไร? ซึ่งมันเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดจริงๆ
อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่รู้ว่าเย่เหวินตกอยู่ในภาวะตึงเครียดมาเป็นเวลานานหรือไม่เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเธออาจจะเผชิญความยากลำบากซึ่งก่อให้สถานการณ์ในวันนี้ ดังนั้นจากสิ่งเหล่านี้จึงสามารถเพิ่มความสงสัยของเขาได้แต่ก็ไม่สามารถลบล้างข้อข้องใจของพวกเขาในฐานะแม่และน้องสาวได้เลย
ยิ้มเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบคุณ..ถ้ามีอะไรก็โทรมานะรู้ไหม”
“ได้ค่ะ” เย่เหวินพูด
เย่เชียนก็พยักหนและบอกลาอันซือแล้วเดินออกจากห้องไป
หลังจากขึ้นรถแล้วเย่เชียนก็สตาร์ทรถและออกจากโรงพยาบาลพร้อมกับโทรหาชิงเฟิงเพื่อพาเขาไปที่บ้านของเขา ซึ่งน้ำเสียงของชิงเฟิงก็ค่อนข้างขี้เกียจและเหมือนว่าเขายังคงหลับอยู่ หลังจากได้ยินเสียงของเย่เชียนแล้วชิงเฟิงก็ผงะและรีบลุกขึ้นจากเตียง ซึ่งเย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และขี้เกียจที่จะพูดถึงเขาดังนั้นเย่เชียนจึงวางสายโทรศัพท์ไปหลังจากอธิบายเรื่องนี้สั้นๆ
จากนั้นเย่เชียนก็กดหมายเลขโทรศัพท์ของหูวเค่อและทันทีที่เชื่อมต่อสายหูวเค่อก็ตะคอกว่า “เย่เชียน! ..ถ้าคุณไม่ว่างคุณก็บอกฉันมาตามตรงก็ได้นะ..คุณรู้ไหมว่าฉันรออยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สองทุ่มเมื่อคืนนี้..คุณทำอะไรอยู่เมื่อคืน..คุณจงใจหลอกฉันงั้นหรอ?”
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “เอ่อผมขอโทษ..คืนนี้คุณว่างไหมเดี๋ยวผมกำลังจะกลับไปแล้วเราค่อยติดต่อออนไลน์กันอีกครั้งได้ไหม”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน