เย่เชียนจ้องมองหยางเหว่ยและเจ้าหน้าที่เฝ้าเวรที่ซึ่งนอนนิ่งหมดสติอยู่บนพื้น เขาแสยะยิ้มชั่วร้ายจนเหล่าบรรดานักโทษที่อยู่ในห้องขังต่างมองดูเย่เชียนด้วยดวงตาเบิกกว้างร่างสั่นสะท้าน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะชูนิ้วชมเชยอย่างกระตือรือร้น
“ลูกพี่นี่ยอดเยี่ยมจริง ๆ กล้าสู้แม้แต่กับตำรวจ”
เย่เชียนยักไหล่อย่างเฉยเมย “พวกนายอยากออกไปหรือเปล่า ? ถ้าไม่… ฉันไปล่ะ”
นักโทษเหล่านั้นเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นหนึ่งในนั้นก็พูดขึ้นว่า “ลูกพี่ไปเถอะ… โทษของพวกเราไม่ได้หนักหนาอะไร หากเราอยู่ต่อไปอีกสองสามปี เราก็จะถูกปล่อยตัวแล้ว แต่ถ้าเราหนีออกจากคุกตอนนี้ มันจะไม่คุ้มค่าเลยพี่”
เย่เชียนยิ้มอย่างเฉยเมย เขาเข้าใจความรู้สึกของนักโทษเหล่านี้ดี เพราะถึงพวกเขาจะเคยใช้ชีวิตเยี่ยงมาเฟียมาก่อน แต่ตอนนี้พวกเขาก็อยู่ในสถานกักกันเพื่อรอการพิจารณาคดีในศาล สิ่งที่พวกเขาทำได้อย่างดีที่สุดก็คือต้องรออย่างเดียวเท่านั้น
นักโทษพวกนี้ไม่ใช่เด็ก ๆ ที่เพิ่งจะเดินเข้าสู่เส้นทางอาชญากรรม พวกเขาเข้าใจความหมายของคำว่าคนรุ่นใหม่ที่มาแทนคนรุ่นเก่าได้ดีว่ามันหมายถึงอะไร การหนีออกจากคุกไม่ได้ทำให้พวกเขาดูยิ่งใหญ่ และในกรณีแบบนี้ พวกลูกน้องหรือผู้หนุนหลังก็จะไม่ยื่นมือมาช่วยอย่างแน่นอน
ณ เวลานี้ เหล่านักโทษไม่ได้เป็นจ้าวแห่งโลกอาชญากรรมอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นการดีที่สุดที่จะรอการพิจารณาคดีตามกฎหมาย และรอการปล่อยตัวอย่างชอบธรรม จากนั้นก็ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างเงียบ ๆ ต่อไป
เมื่อเย่เชียนหนีออกมาจากศูนย์กักกันได้แล้ว เขาก็โทรศัพท์ไปหาหลี่เหว่ยยี่ เด็กหนุ่มคนนี้กำลังงีบหลับอยู่หลังต้นไม้นอกบ้านของจ้าวหยา ทันทีที่เขาได้รับสายของเย่เชียน เขาก็ไม่ค่อยจะสบอารมณ์สักเท่าไหร่นัก เพราะการเป็นผู้คุ้มกันนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำกันได้ และส่วนตัวหลี่เหว่ยยี่เอง ถ้าเลือกได้เขาก็อยากจะเข้าไปเฝ้าระวังในป่าเพื่อรอให้ศัตรูเผยตัวและซุ่มโจมตีศัตรูจากระยะไกลมากกว่า
“นายคอยตามสอดส่องฉันมาสักพักหนึ่งแล้วใช่มั้ย ? ถ้างั้นนายก็ต้องรู้จักผู้หญิงที่ชื่อซูย่าหยิงสินะ ฉันอยากเจอเธอ” เย่เชียนพูดอย่างดุดัน
เมื่อได้ยินเย่เชียนพูดเช่นนั้น หลี่เหว่ยยี่ก็ฉีกยิ้มและหัวเราะอย่างซุกซนตามสไตล์ของเขา จากนั้นก็พูดว่า “ฮ่า ๆ ๆ ไม่มีปัญหาครับบอส… เดี๋ยวผมโทรกลับไปนะ”
……
หลังจากนั้นไม่นาน หยางเหว่ยและเจ้าหน้าที่เฝ้าเวรก็ฟื้น พวกเขาเห็นว่าเย่เชียนหายตัวไปอย่างที่คาดการณ์เอาไว้และอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย หยางเหว่ยหันไปหานักโทษที่เหลือและพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า
“มันจะเป็นการดีสำหรับพวกแกที่สุด ถ้าพวกแกแสร้งทำเป็นว่าไม่ได้เห็นอะไรเลยในคืนนี้ และอย่าพูดถึงมันอีก เพราะเมื่อการพิจารณาคดีของพวกแกมาถึง สิ่งนี้จะถูกนำมาพิจารณาเพื่อลดหย่อนโทษของพวกแกด้วย แต่ถ้าพวกแกไม่ใส่ใจคำพูดของฉันล่ะก็… พวกแกก็คงจะเดาได้ไม่ยากใช่ไหมว่าผลที่ตามมามันจะเป็นยังไง ?”
นักโทษเหล่านี้เคยมีชื่อเสียงอันโด่งดังในโลกอาชญากรรมอย่างมาก พวกเขาไม่เคยถูกเย้ยหยันและกดดันเช่นนี้มาก่อน เฉกเช่นเสือเมื่อต่างถิ่นก็อาจถูกสุนัขข่มขวัญได้เหมือนกัน ตอนนี้พวกเขาถูกขังอยู่ในคุกและต้องเผชิญหน้ากับพวกตำรวจคอร์รัปชัน อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความขุ่นเคืองและโกรธเกรี้ยวอยู่ในใจ พวกเขาก็ทำได้เพียงกลืนมันลงไป
หลังจากล็อกประตูห้องขังแล้ว หยางเหว่ยและเจ้าหน้าที่เฝ้าเวรก็เดินออกมาจากศูนย์กักกัน…
“ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมตอนนี้ได้หลบหนีออกจากคุกไปแล้ว แม้ว่าเดิมทีเขาจะเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ตอนนี้มันก็ยากที่เขาจะล้างมลทินทั้งหมดนี้ออกไปได้” เจ้าหน้าที่เฝ้าเวรพูดอย่างพึงพอใจ
หยางเหว่ยยิ้มอย่างชั่วร้ายและพูดว่า “ฉันไม่ต้องการให้มันได้รับโทษ แต่ฉันต้องการชีวิตของมัน! เช้าวันพรุ่งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนในเมืองจะออกล่าหัวมัน เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาพบมัน ก็จะทำการวิสามัญในทันที ต่อให้มันมีปีกก็ไม่มีปัญญาจะหนีไปไหนพ้น”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน