ตอนที่ 822 ฉินเยว่ชายปริศนา
ซงเจิ้งหยวนนั้นได้รับการเลี้ยงดูโดยฮัวหยาซินและเป็นเหมือนลูกชายของเธอเอง ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าซงเจิ้งหยวนทำผิดแต่เธอก็ยังต้องการยกโทษให้เขาและให้โอกาสเขาทุกครั้ง เธอชัดเจนมากว่าซงเจิ้งหยวนมีความทะเยอทะยานและความโลภอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงเตือนซงเจิ้งหยวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ละทิ้งความทะเยอทะยานและจดจ่อกับการฝึกฝน อย่างไรก็ตามซงเจิ้งหยวนมักจะไม่ฟังแต่ทว่าด้วยความรักของอาจารย์และผู้เปรียบเสมือนแม่แล้วฮัวหยาซินก็มักจะปฏิเสธที่จะลงโทษเขาเสมอ
หูวเค่อก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกเพราะเธอเชื่อว่าซงเจิ้งหยวนจะไม่สร้างปัญหาไปพักใหญ่และจะไม่ทำให้สำนักหยุนหยานเหมินเสื่อมเสีย ดังนั้นหลังจากอำลาฮัวหยาซินแล้วหูวเค่อก็กลับไปที่ห้องที่เย่เชียนพักอยู่
ในห้องคุมขังของสำนักหยุนหยานเหมินนั้นซงเจิ้งหยวนก็อยู่ในห้องขังเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่เต็มใจโดยธรรมชาติแต่เป็นเพราะคำสั่งของฮัวหยาซินเขาจึงไม่กล้าที่จะท้าทาย ดังที่เย่เชียนพูด เขาสามารถทำให้ผู้คนแข็งแกร่งขึ้นและผลักดันให้ผู้คนทำงานหนักเพื่อบรรลุเป้าหมาย ซึ่งซงเจิ้งหยวนก็เช่นกันแต่เป้าหมายของพวกเขานั้นแตกต่างกันเพราะเย่เชียนมักจะยึดมั่นในหลักการพื้นฐานที่สุดในการใช้ชีวิตของเขาและจะไม่ยอมให้ความโลภหรือความทะเยอทะยานควบคุมตัวเองโดยเด็ดขาดต่างจากซงเจิ้งหยวนที่ถูกสิ่งเหล่านั้นควบคุมแทน
สำนักหยุนหยานเหมินนั้นถูกก่อตั้งโดยสมาชิกที่เป็นผู้หญิงทั้งหมดและนี่คือกฎที่สำนักหยุนหยานเหมินไม่เปลี่ยนแปลงมานับพันปี ซงเจิ้งหยวนนั้นยอมรับว่าตนเองเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของหยุนหยานเหมินและเขาก็เป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในเหล่าลูกศิษย์ ดังนั้นตำแหน่งผู้นำหรือเจ้าสำนักก็ควรจะเป็นของเขา ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับศาสตร์ทางแพทย์และยามาจากเหมิงฉีด้วย ด้วยเหตุนี้เขาจึงมีพรสวรรค์มากพอที่จะได้เป็นเจ้าสำนักและเขาก็เชื่อว่าตราบใดที่เขามีพลังอย่างสมบูรณ์แบบทุกสิ่งที่เขาต้องการก็จะสำเร็จได้
ฮัวหยาซินเองก็เคยเตือนให้เขาล้มเลิกความคิดเช่นนั้นมามากกว่าหนึ่งครั้งแล้วเพราะถึงแม้ว่าเธอจะเห็นอกเห็นใจและเอ็นดูเขาก็ตามแต่มันเป็นไปไม่ได้ แต่ซงเจิ้งหยวนกลับต้องการที่จะยืนอยู่ที่จุดสูงสุดและมองข้ามทุกคนเพราะสิ่งที่ซงเจิ้งหยวนต้องการมากที่สุดคือวันที่เขาสามารถถุยน้ำลายลงพื้นเพื่อดูถูกเหยียดหยามคนอื่นได้
ในปัจจุบันผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้นั้นมีอยู่สี่สำนักและแปดตระกูลใหญ่ ซึ่งเป้าหมายของซงเจิ้งหยวนคือการทำให้พวกเขาทั้งหมดอยู่ใต้ฝ่าเท้าตัวเอง ดังนั้นโดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่ต้องเสียไปหรือสิ่งที่ต้องแลกมันมาเขาก็ยินดีที่จะทำโดยไม่สนวิธีการ แน่นอนว่าเจ้าสำนักหยุนหยานเหมินนั้นเป็นเพียงเป้าหมายที่เล็กที่สุดของเขาเท่านั้นและเป็นก้าวแรกสำหรับเขาที่จะบรรลุในการครอบครองโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ สำหรับเขาแล้วไม่ว่าในการณีใดในอนาคตเขาจะต้องยืนอยู่บนจุดสูงให้ได้
“ใคร?” จู่ๆซงเจิ้งหยวนก็ตะโกนออกมาและมองไปยังมุมมืดๆของห้องขัง
“ศิษย์เอกผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักหยุนหยานเหมินต้องจบลงที่ห้องขังอย่างน่าเศร้า!” เสียงของชายหนุ่มเดินออกมาจากมุมมืดพร้อมกับเสียง ซึ่งชายหนุ่มคนนี้สวมเสื้อคลุมสีเขียวเข้มและชุดนี้ก็ดูแปลกมากเหมือนตัวละครในภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้อย่างไงอย่างงั้น
ซงเจิ้งหยวนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและถอนหายใจอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ฉินเยว่นายเยาะเย้ยฉันงั้นเหรอ?”
“เปล่าฉันไม่ได้มาเพื่อหัวเราะเยาะนายแต่มาเพื่อเตือนนายต่างหาก” ฉินเยว่กระดิกนิ้วชี้แล้วพูดต่อ “อาจารย์ของฉันท่านรอมานานเกินไปแล้ว”
“หึ..ฉันเองก็รีบแล้วไม่งั้นฉันจะเป็นแบบนี้เหรอ..ถ้าไม่ใช่เพราะเขาบอกว่ามีหนึ่งในเจ็ดศาสตราวุธมหัศจรรย์อยู่ในตระกูลเย่ล่ะก็ฉันจะมาอยู่ในนี้เหรอ?..นายรู้มั้ยว่าฉันเกือบตายไปแล้ว” ซงเจิ้งหยวนพูดอย่างขุ่นเคือง
“ในสมัยก่อนที่เย่เจิ้งหรานกับลุงของฉันต่อสู้กันน่ะเขาชนะได้เพราะกริชเล่มนั้นเพราะงั้นเย่เจิ้งหรานจะโยนมันทิ้งไปได้ยังไง?..นั่นเป็นแผนของตระกูลเย่ที่จงใจปล่อยข่าวลวงและจุดประสงค์ก็คือเพื่อให้ททุกคนคิดว่ากริชนั้นไม่มีอยู่ในตระกูลเย่อีกต่อไป..การที่นายขโมยกริชเล่มนั้นมาไม่ได้มันก็พูดได้อย่างเดียวว่านายไร้ความสามารถและนายจะโทษคนอื่นไม่ได้” ฉินเยว่พูด
ซงเจิ้งหยวนก็ถอนหายใจอย่างโกรธเกรี้ยวแล้วพูดว่า “นั่นมันไม่อวยตัวเองไปหน่อยเหรอ..ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าลุงของนายนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เจิ้งหรานเพราะถ้าหากเย่เจิ้งหรานมีกริชเล่มนั้นอยู่ในมือลุงของนายคงจะตายไปแล้ว”
ฉินเยว่ก็หยุดไปชั่วขณะแล้วพูดว่า “ไม่ว่าจะยังไงเย่เจิ้งหรานก็ตายด้วยเงื้อมมือลุงของฉันอยู่ดี..นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง”
“อย่าพูดเรื่องไร้สาระ” ซงเจิ้งหยวนตะคอก “นายรู้มั้ยว่าการบุกเข้ามาในสำนักหยุนหยานเหมินนั้นอันตรายมาก?..หากนายโดยจับได้แผนการของเราทั้งหมดก็จะพังทลายลง”
“ไม่ต้องห่วงไม่มีใครเห็นฉันหรอก” ฉินเยว่พูด “คราวนี้อาจารย์ส่งฉันมาด้วยตัวเอง..ฉันอยากจะถามนายว่านายพร้อมจะเริ่มเมื่อไหร่?..นายรู้มั้ยว่าผู้สูงอายุน่ะใจร้อน”
“จะเมื่อไหร่มันก็ขึ้นอยู่กับฉัน..อย่าลืมสิว่าเราเป็นแค่ร่วมมือกันและฉันก็ไม่ใช่ลูกน้องของนาย..ฉันไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังคำสั่งของนาย” ซงเจิ้งหยวนพูด “เราเป็นแค่หุ้นส่วนกันเท่านั้น..ฉันจะทำสิ่งที่ฉันต้องการและนายไม่มีคุณสมบัติและไม่มีสิทธิ์สั่งฉัน!”
“อย่าเพิ่งเข้าใจผิดสิ..เราไม่ได้สั่งนาย” ฉินเยว่พูดต่อ “ตอนนี้โลกของศิลปะการต่อสู้โบราณกำลังเดือดดาลและกองกำลังของทุกฝ่ายก็ได้มาถึงจุดที่สมดุลกันแล้ว..เพราะงั้นเพื่อให้บรรลุแผนของเรานายจะต้องทำลายสมดุลนี้และรวบรวมพรรคพวกกลุ่มอื่นๆที่เป็นนักสู้ตำราโบราณเพื่อที่เราจะได้กลายเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ”
“ฉันรู้ดี..ฉันรู้ว่าต้องทำยังไง..ฉันไม่ต้องการให้นายมาเตือน!” ซงเจิ้งหยวนพูด “เมื่อถึงเวลาฉันจะเริ่มมันเอง..จากนั้นนายก็ให้อาจารย์ของนายสั่งให้คนของนายเคลื่อนไหวได้”
“ใกล้ถึงเวลาแล้วงั้นเหรอ..นี่เป็นข้อแก้ตัวของนายหรือเปล่า?..ถ้านายไม่มั่นใจก็ถอนตัวไปซะเดี๋ยวฉันจะเป็นคนทำเอง” ฉินเยว่พูด



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน