เย่เชียนหัวเราะเบา ๆ จากนั้นก็พูดต่อไปว่า “หึ ๆ ๆ ว่าแต่ว่า… ท่านเลขาหวังพอใจกับของขวัญที่ผมให้ไปครั้งที่แล้วหรือเปล่าครับ ?”
หวังปิงเงียบไปชั่วขณะ ของขวัญงั้นเหรอ ? ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ว่าคนที่แอบเข้าไปในบ้านของเขาแล้ววางแฟ้มเอกสารอาชญากรรมของอู่หยางเฉิงไว้บนโต๊ะข้างเตียงนั้นคือเย่เชียนเองอย่างงั้นเองหรอกเหรอ ? แต่ในช่วงเวลานั้นเขาควรอยู่ที่ห้องคุมขังของสถานีตำรวจไม่ใช่หรืออย่างไร ?
ดูเหมือนว่าเย่เชียนจะไม่ได้พูดโกหกเลย เพราะถ้าไม่ใช่เขาที่ทำมันแล้วล่ะก็ เขาจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน ? หวังปิงยิ่งคิดเข้าไปใหญ่ว่าเย่เชียนจะต้องไม่ใช่คนธรรมดา ๆ เขานิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งและเขาก็คิดแผนการบางอย่างขึ้นมาได้
“คุณเย่ ถ้าคุณไม่รังเกียจ… ฉันขอเรียกคุณว่าเสี่ยวเย่จะได้มั้ย ?” หวังปิงพูดอย่างเป็นกันเอง
“ได้แน่นอนครับ” เย่เชียนตอบ
“งั้นเรากลับมาเข้าเรื่องกันดีกว่าเสี่ยวเย่… คุณเป็นพี่ชายคนที่สองของเสี่ยวหลี่งั้นใช่ไหม เพราะฉะนั้นคุณก็จะไม่ใช่คนนอกสำหรับฉันอีกต่อไปแล้วล่ะนะ ที่คุณนัดฉันมาพบในวันนี้น่ะ คุณมีเรื่องอะไรอยากจะปรึกษาพูดคุยกับฉันก็ว่ามาได้เลย ตราบใดที่มันไม่ใช่เรื่องละเมิดหรือผิดกฎหมาย และมันอยู่ในความสามารถของฉันคนนี้ ฉันก็ไม่มีปัญหา” หวังปิงพูดอย่างแน่วแน่
“ที่จริง… มันก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ถึงแม้ว่าผมเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นานแต่ผมก็ได้ยินข่าวมาว่าท่านเลขาหวังเป็นข้าราชการที่ดีมีเกียรติและซื่อสัตย์ อีกทั้งน้องสามของผมก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากท่านเลขาหวังอีกด้วย อาจพูดได้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะท่านเลขาหวังแล้วล่ะก็ น้องสามของผมก็คงจะไม่ได้ดิบได้ดีเหมือนทุกวันนี้ ดังนั้นก่อนอื่นเลย ผมอยากจะขอบคุณท่านเลขาหวังที่ช่วยดูแลน้องสามของผมตลอดเวลาที่ผ่านมา และอีกอย่าง… ผมหวังว่าเราจะมีสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกันมากขึ้นในอนาคตนะครับ” เย่เชียนพูดอย่างนอบน้อมจากใจจริง
หวังปิงเข้าใจได้อย่างเป็นธรรมชาติว่าเนื้อหาสำคัญของทุกสิ่งทุกอย่างที่เย่เชียนพูดมาทั้งหมด ประโยคสุดท้ายที่เขาพูดสำคัญที่สุด “เอาหน่า ๆ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เราต้องช่วยเหลือกัน… ถึงยังไงเราก็คนกันเองอยู่แล้ว” หวังปิงพูดพลางหัวเราะเบา ๆ
จากนั้นเย่เชียนก็ยื่นภาพวาดที่อยู่ในมือของเขาให้หวังปิงและพูดว่า “ผมได้ยินมาว่าท่านเลขาหวังชอบศึกษาเกี่ยวกับภาพวาดและประดิษฐ์อักษร ผมเคยซื้อภาพวาดโบราณของถังป๋อหูแท้ ๆ มาจากพ่อค้าของโบราณคนหนึ่ง แต่คนอย่างผมจะเข้าใจถึงการประดิษฐ์ตัวอักษรหรือภาพวาดได้ยังไงกัน ดาบสองคมนั้นยังถูกมอบให้แก่วีรบุรุษ และผมก็หวังว่าท่านเลขาหวังจะยอมรับของสิ่งนี้จากผม”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘ถังป๋อหู’ หวังปิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เพราะคนที่ชื่นชอบการประดิษฐ์อักษรและภาพวาดโบราณจะรู้ดีว่าการได้ครอบครองของแท้มันมีค่าเสียยิ่งกว่าเงินหลายล้านหยวนเสียอีก
หวังปิงเข้าใจดีว่าการยอมรับสิ่งของจากใครสักคน มันอาจหมายถึงการที่จะต้องช่วยให้คนคนนั้นแคล้วคลาดจากหายนะ วินาทีใดที่เขายื่นมือไปรับของขวัญชิ้นนี้จากเย่เชียน นั่นก็หมายความว่าตัวเขาและเย่เชียนนั่งอยู่บนเรือลำเดียวกันไม่ว่ามันจะดีหรือร้าย แต่ถ้าเขาเลือกที่จะไม่ยอมรับมัน นั่นก็หมายความว่าคำพูดที่เขาพูดก่อนหน้านี้ไม่ใช่อะไรที่น่ายินดีเลยแม้แต่น้อย และมันก็บ่งบอกด้วยว่าเขาวางตัวเองอยู่ฝั่งตรงข้ามของเย่เชียนในฐานะศัตรู
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หวังปิงก็หัวเราะเบา ๆ จากนั้นก็หยิบภาพวาดที่เย่เชียนมอบให้และพูดว่า “ถ้างั้น… ฉันก็ขอรับมันไว้ด้วยความเคารพน้ำใจก็แล้วกัน ฮ่า ๆ ๆ”
เย่เชียนไม่ได้คิดอะไรมาก เขารู้สึกชื่นชมในรสนิยมของหวังปิงเล็กน้อย เขาพยักหน้าและยิ้มให้หวังปิง
“มา… งั้นเรามาดื่มชากันต่อเถอะ” หวังปิงพูดพลางหัวเราะเบา ๆ
หวังปิงไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาเดิมพันในครั้งนี้นั้นมันถูกหรือผิด แต่ในเมื่อชีวิตมันคือการเดิมพัน และเขาก็ใช้อาชีพทางการเมืองของตัวเองทั้งหมดในการเสี่ยงโชคเพื่อเดิมพันในครั้งนี้ ถ้าหากสิ่งที่เขาเดิมพันมันถูกต้องล่ะก็… ในภายภาคหน้าอาชีพของเขาก็จะรุ่งเรืองและรุ่งโรจน์ เขาจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก แต่ถ้าหากเขาเดิมพันผิด เขาก็จะหวนคืนสู่สามัญ ทั้งนี้ทั้งนั้นเขารู้ตัวดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ อะไรที่ทำได้และอะไรที่ไม่ควรก้าวข้าม…
……


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน