ตอนที่ 938 พูดคุยแบบจริงจัง (1)
แม่สามีกับลูกสะใภ้มักมีความขัดแย้งกันอยู่เสมอ นั่นเพราะพวกเธอมีช่องว่างระหว่างวัยในแต่ละช่วงวัยและสิ่งสำคัญคือการเข้าใจวิธีการสื่อสารและการประนีประนอมและความเข้าใจต่อกัน แน่นอนว่าฉินหยูก็เข้าใจอารมณ์ของถังซูหยานเช่นกันดังนั้นหลังจากที่เย่เชียนเสนอแนะดังกล่าวเธอจึงไม่ได้ปฏิเสธมัน
ถังซูหยานนั้นมีความสุขมากเพราะเธอรู้ว่าเย่เชียนนั้นแตกต่างไปจากคนอื่นๆ เพราะเย่เชียนเป็นคนที่ทำการใหญ่และไม่สามารถอยู่เคียงข้างเธอได้ตลอดไปและคนหนุ่มสาวก็มีโลกของคนหนุ่มสาวและมีความทะเยอทะยานและวิสัยทัศน์ในแบบคนรุ่นใหม่ ดังนั้นในฐานะแม่สิ่งเดียวที่ถังซูหยานทำได้คือการสนับสนุนอยู่ห่างๆ อย่างไรก็ตามเธอก็แก่แล้วและถึงแม้ว่าภายนอกเธอจะยังดูสาวอยู่ก็ตามแต่เธอก็อายุมากแล้วและเธอชอบให้ลูกๆ หลานๆ ของเธออยู่เคียงข้างเธอโดยธรรมชาติ เนื่องจากเย่เชียนไม่สามารถอยู่กับเธอได้ดังนั้นเธอจึงหวังว่าหลานๆ ของเธอจะอยู่กับเธออย่างมีความสุขได้
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็ไม่โต้แย้งใดๆ เพราะในความคิดของเย่เชียนแล้วเย่หลินมีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่กว่าเด็กทั่วๆ ไป ดังนั้นการอ่านหนังสือจึงไม่มีประโยชน์ในสายตาของเธอ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ได้กังวลเพราะด้วยสติปัญญาและความกล้าหาญของเย่หลินแล้วเธอจะอยู่ในสังคมได้อย่างแข็งแกร่ง
บรรยากาศงานเลี้ยงของครอบครัวค่อนข้างเต็มไปด้วยความสุขและครึกครื้นและทุกคนก็พูดคุยกันอย่างมีความสุข สิ่งเดียวที่น่าเสียใจคือเย่เจิ้งหรานไม่อยู่ที่นี่ด้วยไม่เช่นนั้นมันจะสมบูรณ์แบบอย่างมาก เย่เชียนเองก็ยังมีความเสียใจอยู่เล็กน้อยเพราะเขาไม่สามารถพาหลินโรวโร่ว,ซ่งหลันและจ้าวหยามาหาแม่ของเขาได้ ในหัวใจของเย่เชียนนั้นหลินโรวโร่วคือคนที่เย่เชียนรู้สึกผิดกับเธอมากที่สุดเพราะเธอคือผู้หญิงคนแรกที่เขายอมรับและเปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่างกับเธอ เดิมทีเย่เชียนวางแผนเอาไว้ว่าจะมาหลินโรวโร่วมาพบกับแม่ของเขาและครอบครัวเป็นคนแรกแต่เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จถังซูหยานก็พาฉินหยูและหูวเค่อกับหลานๆ ทั้งสองไปที่ศาลากลางน้ำ ซึ่งถังซูหยานก็ไม่ได้ถามพวกเธอเกี่ยวกับครอบครัวของพวกเธอแต่ยังคงพูดคุยกันเรื่องทั่วไป นอกจากนี้เย่เจียอู๋ก็ยังขยิบตาให้เย่เชียนเมื่องานเลี้ยงจบดังนั้นเย่เชียนจึงรู้ว่าเย่เจียอู๋มีเรื่องจะพูดกับเขาดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตามพวกเธอไป
ระหว่างนั้นเย่เชียนก็โทรไปหาหลินโรวโร่ว,ซงหลันและจ้าวหยาทีละคนทีละคนและขอโทษพวกเธอทั้งสาม แน่นอนว่าพวกเธอก็รู้เรื่องราวทั้งหมดเช่นกันและพวกเธอก็ไม่ได้โทษหรือโกรธเย่เชียนเลยแม้แต่น้อยและทุกคนยังบอกว่าพวกเธอรู้สึกผิดที่ไม่ได้ไปเยี่ยมแม่ของเย่เชียนซึ่งทำให้เย่เชียนรู้สึกละอายใจมากกว่าเดิม ซึ่งเย่เชียนก็ยังถามเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันของทั้งสามสาวว่าเป็นยังไงบ้าง ทางด้านของซ่งหลันนั้นเธอไม่ได้ทำอะไรและกำลังเตรียมที่จะกลับประเทศจีนเพราะท้ายที่สุดประเทศญี่ปุ่นกำลังจะมีสงครามในไม่ช้าและมันก็ไม่ดีนักที่จะให้เธออยู่ในประเทศญี่ปุ่นต่อ ส่วนจ้าวหยานั้นเธอรับหน้าที่ดูบริษัทเดอะมัวร์กรุ๊ปที่ไต้หวันและถึงแม้ว่าเธอจะยุ่งนิดหน่อยแต่เธอกสบายดีและอย่างน้อยๆ ในใจของเธอนั้นเธอก็ค่อยๆ รู้สึกว่าเธอไม่ใช่คนที่เพิ่งพาเย่เชียนและเป็นตัวถ่วงอีกต่อไป ส่วนหลินโรวโร่วเธอได้จัดตั้งกองทุนเพื่ออนาคตในยูนนานและก่อตั้งโรงเรียนประถมศึกษาในโครงการอีกด้วย
รับมาจากประชาชนและใช้มันเพื่อทดแทนประชาชน ไม่ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับคนร่ำรวยเหล่านี้ที่บริจาคเงินแต่ในมุมมองของเย่เชียนแล้วถึงยังไงนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการมีส่วนสนับสนุนต่อสังคมและไม่ว่าอีกฝ่ายจะคิดยังไงและไม่ว่าจะเพื่อชื่อเสียงหรืออย่างอื่นถึงยังไงพวกเขาก็รู้จักรับผิดชอบต่อสังคม นับตั้งแต่ก่อตั้งเครือน่านฟ้ากรุ๊ปก็มีองค์กรพิเศษเช่นนี้มาโดยตลอดซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการระดมทุนของสภากาชาดและอื่นๆ ในต่างประเทศ ซึ่งกิจกรรมเช่นนี้ค่อนข้างแข็งแกร่งและมีอิทธิพลต่อประเทศชาติดังนั้นเครือน่านฟ้ากรุ๊ปก็ย่อมไม่พลาดที่จะทำมัน หลังจากเข้าสู่ประเทศจีนแล้วเย่เชียนก็หวังที่จะปลุกจิตสำนึกของคนรวยและพวกเศรษฐีมากขึ้นผ่านเครือน่านฟ้ากรุ๊ปและอย่างน้อยๆ ก็ทำให้พวกเขาเข้าใจว่าความรับผิดชอบต่อสังคมนั้นคืออะไร
หลังจากวางสายไปเย่เชียนก็โทรไปหาแม่ม่ายดำจือเหวิน ถึงแม้ว่าจือเหวินจะบอกว่าเธอต้องการเพียงร่างกายของเย่เชียนเพื่อเติมเต็มความทรงจำของเธอให้เป็นความทรงจำที่ดีตลอดไปแต่เย่เชียนก็สามารถรับรู้ได้ว่าจือเหวินนั้นรักเขาและมันคือความรักที่แท้จริง ในตอนแรกเย่เชียนมักจะคิดว่าจือเหวินนั้นรักหยางเทียนแต่จากการได้ร่วมงานกับจือเหวินมาสักพักใหญ่ๆ เย่เชียนก็สามารถสัมผัสได้ว่าความรู้สึกของจือเหวินที่มีต่อหยางเทียนนั้นไม่ใช่ความรักแต่เป็นความรู้สึกขอบคุณมากกว่า แน่นอนว่าความกตัญญูเช่นนี้อาจทำให้จือเหวินยอมทำทุกอย่างและเสี่ยงชีวิตเพื่อหยางเทียนได้ แน่นอนว่าถึงหยางเทียนจะรักจือเหวินแต่เขาก็ไม่เคยแตะต้องเธอเลยและเขาเลือกที่จะรักผู้หญิงคนอื่นเสียมากกว่า หากถามว่าทำไมนั่นก็เพราะว่าหยางเทียนไม่ต้องการทำร้ายจือเหวินเพราะบางทีหยางเทียนอาจต้องการความสงบสุขที่หายไปนานและความรู้สึกรักอันบริสุทธิ์จากจือเหวินเพียงเท่านั้นเอง
เมื่อได้ยินเสียงของเย่เชียนแล้วจือเหวินก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดและเสียงของเธอก็สั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ หลังจากเชื่อมต่อสายแล้วเย่เชียนก็ไม่รู้จะพูดอะไรดังนั้นเขาจึงเงียบไปครู่หนึ่งและในที่สุดจือเหวินก็เริ่มพูดก่อน อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งสองยังคงสูญเสียความสนิทสนมแบบคู่รักและการทักทายกันในแบบคนรักไป แต่ความรู้สึกแบบนี้ก็ไม่เลวเลยเพราะท้ายที่สุดแล้วความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองก็เร็วเกินไปดังนั้นมันจึงต้องใช้เวลาในการปรับตัวสักระยะ
จากนั้นเย่เชียนก็โทรหาซูเหว่ยอีกครั้งและเห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้ตื่นเต้นมากและมีเสียงสะอึกสะอื้นได้อย่างชัดเจน สิ่งนี้ทำให้เย่เชียนรู้สึกผิดอย่างมากและรู้สึกว่าเขากำลังทำผิดพลาดไป ถ้าไม่ใช่เพราะคำสัญญาของเย่เชียนที่จะไปที่ไต้หวันเพื่อพบเธอหลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน
เมื่อคิดถึงคำสัญญานี้เย่เชียนก็รู้สึกปวดหัวเพราะหนึ่งเดือนหลังจากนี้เขาก็ไม่รู้เลยว่าเขาจะรอดชีวิตกลับมาได้หรือไม่ ถึงแม้ว่าเขาจะรอดแต่เขาก็ยังมีงานที่หูวหนานเจียนมอบให้เขาอีก ซึ่งหลังจากพูดสิ่งดีๆ มากมายในที่สุดเย่เชียนก็เกลี้ยกล่อมซูเหว่ยให้หยุดร้องไห้ได้ อย่างไรก็ตามเมื่อเป็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ยังรู้สึกเจ็บปวดเป็นพิเศษในหัวใจของเขาอยู่ดี


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน