บทที่ 9 ขนาดของความฝัน(2)
นับตั้งแต่วันแรกที่ปันมาขอพักอยู่กับคีร์จนถึงตอนนี้เป็นเวลารวม 2 อาทิตย์กว่า เด็กหนุ่มใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอนเล่นในห้อง ออกไปหาพี่รันที่ตึกคณะรอกินข้าวเย็นพร้อมกัน ด้วยนิสัยของปันที่ไม่ค่อยจะเฟรนด์ลี่กับคนรอบข้าง ในชีวิตของเขาจึงมีคนที่นับว่าสนิทอยู่ด้วยน้อยแล้วยิ่งเป็นช่วงปิดเทอมที่เพื่อนมักจะไปเที่ยวที่อื่น ไปเยี่ยมญาติที่จังหวัดอื่นกันบ้าง เขาเลยต้องกลายเป็นคนเหงาตลอดช่วงปิดเทอมแต่ก่อนยังดีที่มีพี่รันแต่พอพี่รันสอบติดมหาวิทยาลัยเขาก็กลายเป็นคนเหงาฉบับสมบูรณ์ ปิดเทอมรอบนี้เลยค่อนข้างพิเศษสำหรับเขา
หลังจากคืนนั้นที่คุยกับคีร์ปันก็เริ่มหาข้อมูลมหาวิทยาลัยที่สอนด้านศิลปะ ตัวของเขาหาลู่ทางที่พอจะเติบโตได้ในสาขาอาชีพที่ใช้ทักษะในสกิลที่เขาถนัด อีกหนึ่งสิ่งที่ช่วงนี้เขาเพลิดเพลินมากคือการออกแบบสติ๊กเกอร์แชทไว้ใช้ตามแอปพลิเคชั่นสื่อสารต่าง ๆ ตัวเขาได้แรงบันดาลใจจากชายหนุ่มเจ้าของห้อง โดยการเอาคาแรกเตอร์ของพี่คีร์มาออกแบบเป็นสติ๊กเกอร์ หากถามว่าออกแบบเป็นรูปผู้ชายใส่ชุดนักศึกษาเหรอ ก็ตอบได้เพียง หึ เขาออกแบบเป็นรูปหมาพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ ตั้งชื่อตัวการ์ตูนที่ออกแบบว่า คิตะ ใส่ลักษณะนิสัยเด่น ๆ คือ หลงตัวเอง ติงต๊อง เพี้ยน
ช่วงร่างแบบแรก ๆ เขาเคยถือไอแพดไปให้คีร์ช่วยออกความคิดเห็น คีร์หัวเราะชอบใจใหญ่บอกว่าเจ้าฮัสกี้ตัวนี้ดูเพี้ยนดีเขาชอบและยิ่งแบบร่างดราฟต์หลัง ๆ ที่เริ่มใส่ข้อความลงไปกับตัวการ์ตูน คีร์ยิ่งชอบมากกว่าเดิมโดยเฉพาะ สติ๊กเกอร์รูปหมาฮัสกี้นั่งเอาขาหน้าเสยหูพร้อมข้อความ ‘หลีกทางให้ความหล่อของผม’ คีร์ถึงขั้นจองซื้อเป็นคนแรก ๆ หากทางแอปพลิเคชั่นอนุมัติให้ขายได้ เขาบอกกับปันว่า ‘ไอหมาฮัสกี้ตัวนี้หลงตัวเองจนน่าหมั่นไส้ ขนาดพี่เห็นยังรู้สึกตลก ดูเป็นหมาไม่เต็ม’ ทางปันก็ได้แต่ยิ้มให้ก่อนจะคิดในใจว่า ก็แหงดิถอดแบบมาจากพี่ทั้งนั้น
เขาออกแบบสติ๊กเกอร์จนเสร็จสมบูรณ์เตรียมส่งให้ทางแอปพลิเคชั่นพิจารณา นับเป็นช่วงชีวิตที่เขามีความสุขมากเพราะได้ลองทำในสิ่งที่ตนเองชอบ อย่างไอเดียการทำสติ๊กเกอร์ก็เป็นไอเดียของพี่นัทกับพี่ต้นสนเพื่อนของพี่คีร์ เขาแนะนำเด็กหนุ่มให้ลองหาอะไรทำพัฒนาทักษะของตนเองรวมทั้งพี่คีร์ที่คอยแนะนำว่าควรจะมีอะไรที่พอดึงดูดสายตาคนซื้อเพื่อให้สติ๊กเกอร์เขาขายได้ ทำให้เขาจับไอเดียมาถ่ายทอดได้เป็นรูปธรรม
คืนนี้เป็นคืนที่เขาเริ่มส่งผลงานให้ทางบริษัทต้นทางของแอปพลิเคชั่น ความรู้สึกในใจของปันคล้ายกับได้เติมเต็มอะไรบางอย่าง การนอนหลับในคืนวันนี้คงเป็นวันที่เขาหลับได้อย่างสนิท ทว่า
ปันกลับฝันเห็นถึงตัวเขาเองที่ร้านอาหารใกล้มหาวิทยาลัยของพี่รัน ในความฝันชายหนุ่มนั่งอยู่ข้างพี่สาวระหว่างรอใครบางคนมากินข้าวพร้อมกัน เขาสับสนเล็กน้อยเพราะตัวเขาในตอนนี้กำลังนั่งบ่นกับพี่สาวตนเอง ทุกถ้อยคำที่ออกจากปากปันล้วนไม่ใช่สิ่งที่ตัวเขาพูดคล้ายกับเขาควบคุมการกระทำของตนเองไม่ได้ ทุกอย่างดำเนินไปเองโดยอัตโนมัติ
“นี่พี่ต้องรอเขาอีกนานแค่ไหน ผมเบื่อแล้วเนี่ย” ปันหันไปพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดกับรันที่นั่งตรงข้าม
“ปันกินก่อนได้เลยนะ อีกเดี๋ยวพี่คีร์คงมาถึงแล้วแหละ” ระหว่างที่พูด ร่างของชายหนุ่มในชุดนักศึกษาคุ้นตาก็ก้าวเข้ามาในร้านพอดี เขาเดินด้วยท่าทีไม่เร่งรีบมาทางโต๊ะที่ทั้งสองนั่งอยู่ ก่อนจะนั่งข้าง ๆ รัน ปันแปลกใจเพราะคีร์ตรงหน้าเขาดูไม่เหมือนพี่คีร์ที่เขารู้จัก
“ติดคุยงานเลยมาช้า แต่ลืมบอกเลย โทษทีนะ” เสียงของชายหนุ่มไม่ได้เจือความรู้สึกผิด แถมแฝงความเอาแต่ใจนิด ๆ คล้ายจะสื่อทำนองว่ายุ่งขนาดนี้คงไม่ผิดหรอกที่เขาจะลืม อารมณ์ของปันเริ่มขุ่นโดยเฉพาะน้ำเสียงของคนตรงหน้าที่ดูเฉยเมย
“น่าสนใจงานยุ่งจนลืมแฟนตัวเอง งี้ที่ผ่านมาพี่คงยุ่งทุกวันน่ะสิ นัดกี่ครั้งไม่เคยเห็นตรงเวลา” เสียงของปันตอบกลับไปอัตโนมัติ ปันไม่แปลกใจสักนิดที่ตนเองจะพูดออกไปแบบนั้นในเมื่อท่าทีของคนตรงหน้าพูดจาน่าโดนแก้วเขวี้ยงใส่ขนาดนี้ ทันทีที่เขาพูดจบบรรยากาศบนโต๊ะก็อึมครึมขึ้นมาทันที คีร์ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เขาเพียงเรียกพนักงานมาสั่งอาหารเพิ่มเติม ส่วนทางพี่สาวเขานั้นไม่ได้ต่อว่าอะไร
ท่าทีแบบนี้ทำให้เขาอยากจะด่าต่อด้วยตัวเองอีกสักประโยคทว่าภาพตรงหน้ากลับค่อย ๆ เปลี่ยน รันที่นั่งอยู่ข้างหน้าหายไปเช่นเดียวกับคีร์ โต๊ะที่วางอยู่เต็มร้านค่อย ๆ เปลี่ยนกลายเป็นห้องสุดหรูห้องหนึ่ง คล้ายจะเป็นสถานที่จัดงานอะไรสักอย่าง เขาเริ่มจับทางได้ว่านี่คืองานแต่งงานเมื่อเพิ่งมองรูปและป้ายตรงเวทีเขาก็ยิ่งประหลาดใจ
คณินท์ ♥️ รันลดา
นี่มันชื่อพี่รันกับชื่อพี่คีร์นี่
“เหม่อใหญ่เลย ไม่รีบอวยพรพี่สาวเดี๋ยวน้ำในสังข์ก็หกหมดหรอก” เสียงคุณป้าท่านหนึ่งดังขึ้นทำให้เขาตกใจหันกลับมามองเหตุการณ์ตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นกลายเป็นพี่รันในชุดเจ้าสาวสีขาว พี่รันของเขาดูเป็นผู้ใหญ่เต็มวัย ผมที่ถูกจัดทรงเป็นหางม้าลอนทัดด้วยดอกไม้ พี่รันตรงหน้าเขาสวยราวกับเจ้าหญิง ส่วนข้าง ๆ ก็เป็นพี่คีร์สวมชุดสูทสีขาวดูขรึมไม่เหมือนกับผู้ชายเพี้ยน ๆ คนนั้น ตัวของเขาค่อย ๆ เทน้ำสังข์รดมือเจ้าสาวอัตโนมัติ ก่อนจะโน้มตัวลงไปอวยพรใกล้ ๆ เป็นอีกครั้งที่ปันควบคุมการกระทำของตัวเองไม่ได้
“อยากให้พี่รู้ว่า ผมพร้อมอยู่ข้างพี่เสมอ ถ้าพี่ไม่อยู่กับเขาแล้ว พี่สาวคนเดียวผมดูแลพี่ได้” เขาเห็นรันอมยิ้มให้ก่อนจะเอื้อมมือมาหยิกแก้มพลางพูดขอบคุณด้วยรอยยิ้มที่เขารับรู้ได้ว่าในใจของหญิงสาวเต็มไปด้วยความสุข ทว่าเมื่อเขาเบนมาทางฝั่งเจ้าบ่าวความไม่พอใจบางอย่างก็ปรากฏขึ้น ร่างของเขาค่อย ๆ ก้มเทน้ำใส่มือฝ่ายชาย ก่อนจะเอนตัวไปกระซิบกับคีร์ด้วยน้ำเสียงที่เบาจงใจให้อีกฝ่ายได้ยินคนเดียว
“ผมกับแม่ไม่เคยดีใจกับงานแต่งงานครั้งนี้และคงไม่มีวันนั้น” หน้าเจ้าบ่าวยิ้มค้างให้กับเขา คีร์ไม่พูดอะไรเพียงพยักหน้าด้วยสีหน้าคล้ายไม่ถือสาในสิ่งที่เขาพูด
ภาพตรงหน้าเปลี่ยนอีกครั้ง รอบนี้กลับเปลี่ยนเป็นภาพศาลาจัดงานศพในวัดแห่งหนึ่ง เขาจับต้นชนเหตุการณ์ตรงหน้าไม่ถูกรู้เพียงว่าในใจของเขาอึดอัดทุกขณะ สายตาพยายามมองหาสิ่งเชื่อมโยงเหตุการณ์ว่าที่นี่กำลังจะสื่ออะไรก่อนจะพบกับรูปที่ตั้งหน้าศพตรงนั้น
...พี่สาวของเขา...
ความรู้สึกของเขาจมดิ่งลงไปทันที เขาพยายามมองภาพนี้ราวกับไม่เชื่อกับสิ่งที่เห็น จนกระทั่งเสียงของแม่เขาดังขึ้น เขาเบนสายตาไปจึงเห็นว่าตอนนี้แม่ของเขากำลังทุบลงไปที่อกของผู้ชายใส่สูทคนนั้น นั่นมันพี่คีร์ เสียงของแม่แหบแห้งเปล่งเสียงต่อว่าพี่คีร์ทั้งน้ำตา
“เธอ... เธอพรากลูกสาวฉันไป....เธอทำอย่างนี้ได้ยังไง..” มือของแม่กำเสื้อสูทสีดำของพี่คีร์แน่น ในขณะที่พี่คีร์ยืนนิ่งอยู่กับที่ปล่อยให้แม่ทุบอกเขาอยู่อย่างนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นถัดมาทำให้เขาตกใจมากกว่าเดิม พี่คีร์ที่หยิ่งทระนงยิ่งกว่าอะไร ค่อย ๆ ทรุดเข่า พนมมือสองข้างกราบไปที่เท้าของแม่ น้ำเสียงของชายหนุ่มแทบฟังไม่เป็นภาษาเพราะความสะอึกสะอื้นของเขา
“ผมขอโทษ แม่ครับผมขอโทษ” เขาพึมพำประโยคเดิมซ้ำไปมา ความรู้สึกของปันตอนนี้คล้ายกับคนจมอยู่ในน้ำ เขาพยายามปลอบตัวเองว่านี่เป็นเพียงฝัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย้อนเวลาใหม่ครั้งนี้ขอยอมง้อเธอด้วยรัก