เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 191

หลังจากนั้นจี๋อิ๋งอยู่ดูปี้อวี้ทำอีกหลายครั้ง ชี้แนะจุดที่ยังไม่ถูกต้องให้อีกหลายจุด แล้วก็ลุกขึ้นกล่าวขอตัว

โจวเสาจิ่นมาส่งนางออกจากห้องพักโดยสารด้วยตัวเอง กล่าวยิ้มๆ ว่า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเก่งกาจถึงเพียงนี้ แม้แต่การนวดเพื่อรักษาอาการเมาเรือเช่นนี้ก็รู้ด้วย”

“เป็นนายท่านสี่ที่สอนข้า” จี๋อิ๋งกล่าวยิ้มๆ “บ้านเกิดของข้าอยู่ชังโจว หากเจ้าถามข้าว่าเวลาม้าป่วยแล้วต้องทำอย่างไรข้าย่อมรู้ แต่หากเจ้าถามข้าว่าคนเมาเรือแล้วต้องทำอย่างไร ข้าก็ไม่รู้อะไรเลยเหมือนๆ กับเจ้า นายท่านสี่เพียงต้องการยืมมือของข้านำวิธีการเหล่านี้ไปบอกปี้อวี้ก็เท่านั้น”

โจวเสาจิ่นจึงยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่

คิดไม่ถึงว่าแม้แต่เรื่องพวกนี้เฉิงฉือก็ทำเป็นด้วย…

จี๋อิ๋งอ้าปากหาวครั้งหนึ่ง

โจวเสาจิ่นกล่าวขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “เจ้าเป็นอะไรหรือ ดูท่าทางเหนื่อยอ่อนยิ่งนัก อยู่บนเรือนอนไม่ค่อนหลับหรือ”

จี๋อิ๋งได้ยินแล้วก็ลอบกล่าวค่อนขอดอยู่ในใจว่า ไม่ว่าอยู่ที่ไหนนางก็นอนหลับสนิทได้ทั้งนั้น แต่เพราะเฉิงจื่อชวนต้องการให้นางเดินลาดตระเวนตรวจตราความปลอดภัยบริเวณที่พักของสตรีทุกคืน ส่วนกลางวันก็เสียงดัง นางจะไปนอนหลับสนิทได้อย่างไร

“ใช่!” นางอ้าปากหาวอีกครั้งหนึ่ง รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องพวกนี้ให้โจวเสาจิ่นรู้ จะได้หลีกเลี่ยงเรื่องที่ว่ายิ่งนางรู้มากก็จะยิ่งเป็นกังวลใจแทนนางมาก “ข้าขี่ม้าเป็นตั้งแต่อายุสามขวบ แต่อายุสิบแปดปีแล้วถึงได้นั่งเรือเป็นครั้งแรก”

โจวเสาจิ่นเข้าใจ รีบดันตัวนางให้รีบกลับไปพักผ่อน “ประเดี๋ยวกลางคืนตอนเรือเทียบท่าแล้วพวกเราค่อยมาคุยกัน”

จี๋อิ๋งเองก็ง่วงจนเบลอแล้วจริงๆ จึงพูดกับโจวเสาจิ่นอีกสองประโยคแล้วกลับห้องไป

โจวเสาจิ่นหมุนกายกลับไปที่ห้องพักโดยสาร

หลังจากที่สื่อมามาถูกโจวเสาจิ่นติเตียนอย่างไม่หนักและไม่เบาไปครั้งหนึ่งเมื่อครู่แล้ว อีกทั้งยังได้เห็นว่าคำพูดของนางมีน้ำหนักต่อหน้าเฉิงฉือ จึงไม่กล้าทำตัวฉลาดเล่นแง่ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้นอีก เล่าเรื่องที่โจวเสาจิ่นไปขอความเมตตาแทนเจินจูให้เจินจูฟัง เจินจูจึงพยายามอย่างยิ่งที่จะลุกขึ้นมาโขกศีรษะให้โจวเสาจิ่น

โจวเสาจิ่นรีบส่งสัญญาณบอกปี้อวี้ให้เจินจูเอนตัวลงนอน กล่าวขึ้นว่า “หากเจ้าอยากขอบคุณข้าจริงๆ ล่ะก็ ก็รีบหายป่วยเสีย ส่วนเรื่องมารยาทพวกนี้ก็อย่าได้กล่าวถึงเลย”

เจินจูเองก็ได้รู้จักกับนางมาแล้วช่วงหนึ่ง นึกถึงว่าในยามปกติแล้วนางไม่ค่อยพูดสักเท่าไร แต่พอถึงยามคับขันกลับยินดีออกหน้าช่วยเหลือตนเองอย่างกล้าหาญ คาดว่าคงจะเป็นคนแข็งนอกอ่อนในผู้หนึ่ง จึงไม่เกรงใจนางอีก จากนั้นเอนตัวนอนลงบนเตียง กล่าวขึ้นว่า “คุณหนูรอง บุญคุณใหญ่หลวงนี้ข้าจะจำใส่ใจไว้ และข้าจะนวดตามที่แม่นางจี๋อิ๋งบอกทุกวัน จะได้หายไวๆ เจ้าค่ะ”

โจวเสาจิ่นไม่ใช่คนประเภทที่ชอบยกเอาความดีความชอบมาเป็นของตัวเอง

นางกล่าวยิ้มๆ ว่า “ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความคิดของท่านน้าฉือ เมื่อเจ้าหายดีแล้ว ก็อย่าลืมไปกล่าวขอบคุณเขาสักครั้งหนึ่งก็แล้วกัน”

เจินจูขานรับ “เจ้าค่ะ” ทว่าในใจกลับคิดว่า ไม่รู้ว่ามีคนกี่มากน้อยที่คิดจะขอร้องนายท่านสี่ และมีคนกี่มากน้อยที่ขอร้องนายท่านสี่ได้สำเร็จ กล่าวไปกล่าวมา เป็นเพราะนายท่านสี่เห็นแก่หน้าของคุณหนูรองอย่างท่าน คนที่นางต้องกล่าวขอบคุณด้วยจริงๆ จึงควรจะเป็นคุณหนูรอง

โจวเสาจิ่นเห็นอากาศภายในห้องพักโดยสารไหลเวียนปลอดโปร่ง เพื่อรักษาความสะอาดภายในห้องพักโดยสารแล้ว สาวใช้เด็กหลายคนใช้ฝาไม้ปิดข้าวของต่างๆ ที่เป็นประเภทอ่างน้ำของเจินจูเอาไว้ นางรู้สึกว่าตนก็ไม่มีอะไรให้ต้องบอกกล่าวอีกแล้ว จึงกำชับเจินจูว่าต้องพักผ่อนให้ดี จากนั้นกลับห้องไปพร้อมกับชุนหว่าน

สื่อมามาเองก็กล่าวขอตัวเช่นกัน แล้วนำความกลับไปแจ้งฮูหยินผู้เฒ่ากัว

นางเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวฟังอย่างละเอียด

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวฟังแล้วก็ย่นคิ้วขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ กล่าวขึ้นว่า “เจ้าไปหาเสาจิ่น จากนั้นเสาจิ่นไปหาชายสี่ ชายสี่จึงให้จี๋อิ๋งไปรักษาอาการเมาเรือของเจินจูอย่างนั้นหรือ”

สถานการณ์ตอนนี้เพียงดีขึ้นเท่านั้น

สื่อมามาไม่กล้ากล่าวเกินจริง

เพราะถ้ารักษาเจินจูไม่ได้จริงๆ เฉิงฉือได้กล่าวเอาไว้แล้วว่า จะให้เจินจูลงจากเรือยามเรือเทียบท่าที่ฉางโจว

นางรีบกล่าว “อาการดีขึ้นจากก่อนหน้านี้มากแล้วเจ้าค่ะ หากทำตามวิธีที่แม่นางจี๋อิ๋งบอกมา คาดว่าประมาณหนึ่งเดือนก็รักษาให้หายได้แล้วเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเอ่ยเสียง “อืม” ออกมาเสียงหนึ่งอย่างใจลอย

บุตรที่ตัวเองให้กำเนิดออกมา ตัวเองย่อมรู้จักดีที่สุด

บุตรชายคนเล็กนั้นดื้อรั้นมาตั้งแต่เด็ก อย่าได้มองว่าตอนนี้เขาเติบใหญ่ขึ้นมาแล้วมีท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตน แต่ความจริงแล้วภายในกลับกระด้างเย็นชายิ่งนัก ทั้งๆ ที่รู้ว่าเจียซ่านไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีในการเป็นผู้สืบทอดของตระกูลแต่ก็ไม่ยอมออกแรงไปให้การอบรมสั่งสอนรั่งเกอเอ๋อร์ของบุตรชายคนรอง…แต่ครั้งนี้ เขากลับยอมไปถวายธูปที่เขาผู่ถัวเป็นเพื่อนตน และยังอารมณ์ดีช่วยชี้แนะการเล่นไพ่ให้เสาจิ่น ตอนนี้ยังให้สาวใช้ข้างกายของตัวเองไปช่วยรักษาอาการเมาเรือให้เจินจูอีก…ก็ออกจะเป็นคนพูดง่ายเกินไปสักหน่อย!

อย่างที่เขาว่ากันว่า ความไม่ปกตินั้นเรียกได้ว่าอันตราย

หรือว่าทางด้านชายสี่จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น หรือว่าชายสี่จะมีแผนอะไรบางอย่าง?

เนื่องจากฮูหยินผู้เฒ่ากัวมีเรื่องไม่สบายใจ ก็เลยไม่มีอารมณ์เล่นไพ่แล้วเช่นเดียวกัน

โจวเสาจิ่นรู้สึกโล่งอกไปครั้งหนึ่ง แต่กลับพบว่าเฉิงฉือใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนั่งถือจอกชาอยู่บนตั่งหลัวฮั่นข้างหน้าต่างเรือ

เขาเองก็คงจะรู้สึกเบื่อหน่ายกระมัง

โจวเสาจิ่นคาดเดา นางลังเลอยู่สองวัน จากนั้นไปหาเฉิงฉือเพื่อเดินหมาก “เพียงฆ่าเวลาเท่านั้น…ยังคงเล่นหมากกระดานห้าแถวเหมือนคราวที่แล้วเจ้าค่ะ!”

เฉิงฉือมองนาง

ใบหน้าของโจวเสาจิ่นพลันแดงเรื่อ

นางรู้ว่าแผนนี้ของตนเป็นแผนที่ไม่ค่อยดีนัก แต่นอกจากหมากกระดานห้าแถวแล้ว นางก็ไม่มีวิธีอื่นมาล่อให้เขาเบิกบานได้แล้ว

โจวเสาจิ่นเบิกดวงตาโตสีดำสลับขาวมองเฉิงฉือด้วยดวงตาที่เปี่ยมด้วยความคาดหวัง

ชั่วขณะนั้นเฉิงฉือก็เหมือนกับนึกถึงดอกไม้ไร้ชื่อดอกเล็กๆ ที่บานอยู่ข้างทางเส้นเล็กและส่ายไปมายามต้องลมในฤดูใบไม้ผลิขึ้นมา

เขาจึงตะโกนบอกให้ชิงเฟิงนำกระดานหมากเข้ามาตั้ง

โจวเสาจิ่นเม้มริมฝีปากกลั้นยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่

ดวงตาที่ระยิบระยับนั้นโค้งงอจนเหมือนกับพระจันทร์เสี้ยว ดวงหน้าเปี่ยมล้นด้วยความยินดี

เพียงตอบรับเดินหมากกับนางไม่กี่กระดานเท่านั้น ต้องดีใจถึงเพียงนั้นเชียวหรือ

เฉิงฉือลอบครุ่นคิดอยู่ในใจอย่างไม่เข้าใจ ทว่าเสมือนกับได้รับอิทธิพลบางอย่างมาทำให้อารมณ์ดีขึ้นมากอย่างห้ามไม่อยู่ กระทั่งมุมปากของเขายกยิ้มน้อยๆ ขึ้นมาโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว

เช่นเดียวกับครั้งก่อน เฉิงฉือต่อให้โจวเสาจิ่นสองเม็ด พวกเขาเดินหมากไปสิบกระดาน

ผลลัพธ์ก็เหมือนกับเมื่อครั้งก่อน เฉิงฉือชนะเก้าครั้งแพ้หนึ่งครั้ง

ตอนที่ 191 ตำราการเล่นหมากล้อม 1

ตอนที่ 191 ตำราการเล่นหมากล้อม 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน