เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 344

ไม่ว่าความเป็นจริงจะเป็นอย่างไร แต่โดยนามแล้วจี๋อิ๋งก็เป็นบ่าวสาวของเฉิงฉือ

นางทุบตีเฉิงสวี่ และด้วยเสียงกรีดร้องของอู๋เป่าจาง ไม่นานคนของตระกูลเฉิงก็น่าจะเร่งมาถึงกันแล้ว นางบรรลุผลแล้วก็ควรจะไปได้แล้ว ยังจะรั้งอยู่ที่นี่ไปเพื่ออะไร

จี๋อิ๋งถลึงตาเบิกกว้าง

ไหวซานทำสัญญาณมือให้อีกสองสามครั้ง

จี๋อิ๋งโกรธจนกระโดดตัวโหยงขึ้นมา

จะดีจะร้ายโจวเสาจิ่นก็เป็นญาติของตระกูลเฉิง อีกทั้งเฉิงสวี่ก็ยังอยู่ตรงหน้านี้อย่างไม่ถูกต้องนัก ต่อให้มีคนคิดจะแตะต้องนาง ก็ต้องระมัดระวังเรื่องชื่อเสียงด้วยมิใช่หรือ นอกจากนี้ยังมีนายท่านสี่เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่องค์นี้อยู่ด้วย ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางปล่อยให้โจวเสาจิ่นเสียเปรียบอยู่แล้ว ให้นางรั้งอยู่ที่นี่คอยปกป้องโจวเสาจิ่นเช่นนี้มันคืออะไรกัน จะให้นางต่อยฮูหยินหยวนหรือฮูหยินผู้เฒ่ากัวหรืออย่างไร

จี๋อิ๋งยกมือขึ้นมากำลังจะหันไปทำสัญญาณมือให้ไหวซาน ปรากฏว่านางจะเพิ่งยกแขนขึ้นเท่านั้น ก็ได้ยินเสียงเป็นห่วงเป็นใยของโจวเสาจิ่นดังมาให้ได้ยินตรงข้างหูว่า “จี๋อิ๋ง เจ้าเป็นอะไรไป”

ไหวซานสีหน้าเคร่งขึ้น ท่าทางเข้มงวด ทำสัญญาณมือว่า ‘ห้ามขัดคำสั่ง’

จี๋อิ๋งระงับความโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ สูดลมหายใจเข้าลึกสองสามลมหายใจแล้วถึงได้กล่าวขึ้นว่า “ข้าอยากจะต่อยคนแซ่เฉิงผู้นั้นอีกสักหมัดหนึ่ง” ขณะที่กล่าว ก็บีบนวดกำปั้นไปด้วย

โจวเสาจิ่นมองใบหน้าที่ไม่เหลือชิ้นดีของเฉิงสวี่แล้ว รีบกล่าวขึ้นว่า “การกระทำของเขาในตอนนี้ โทษยังไม่ถึงตาย หากพวกเราตีเขาอีก ก็ออกจะเกินไปสักหน่อยแล้ว เจ้าปล่อยเขาไปเถิด!”

ต่อให้อยากฆ่าเฉิงสวี่ นางก็ไม่อาจลากจี๋อิ๋งที่ไม่รู้เรื่องอะไรมาเกี่ยวข้องด้วย!

จี๋อิ๋งหน้ามืดครึ้ม กว่าครู่ใหญ่ก็ยังไม่กล่าวอะไร

มีเสียงอึกทึกที่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ ดังมาจากด้านนอกของโพรงหิน

ชุนหว่านโอบไหล่ของโจวเสาจิ่นเอาไว้ด้วยความหวาดกลัว

“ไม่ต้องกลัว!” จี๋อิ๋งกล่าวปลอบโยนพวกนาง “มีข้าอยู่ที่นี่ ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องพวกเจ้าแม้แต่ปลายนิ้วเดียว!”

ถึงแม้จิตใจของโจวเสาจิ่นจะไม่ค่อยสงบนัก แต่ยังคงพยายามทำสีหน้าให้ตัวเองดูนิ่งที่สุด

นางกล่าวขึ้นว่า “จี๋อิ๋ง เจ้ารีบไปเถิด! ต่อให้เดินหลบไปไม่พ้น ก็แอบอยู่ตรงปากทางเข้าก่อนก็ยังดี ถ้าหากมีคนถามขึ้นมา ข้าจะบอกว่าข้าเป็นคนตีก็แล้วกัน”

จี๋อิ๋งมองโจวเสาจิ่นที่อ่อนโยนบอบบาง แล้วก็มองเฉิงสวี่ที่ร่างกายสูงใหญ่ กล่าวขึ้นยิ้มๆ อย่างห้ามไม่อยู่ว่า “เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นคนตีเฉิงสวี่ จะมีคนเชื่ออย่างนั้นหรือ”

ด้วยเหตุนี้เฉิงฉือถึงได้ให้นางคอยอยู่ที่นี่ด้วยกระมัง

แต่เหตุใดเขาถึงไม่คิดดูบ้างว่า ถ้าหากฮูหยินหยวนผู้นั้นเกิดบ้าคลั่งขึ้นมานางจะทำอย่างไร

ทั้งที่เป็นสตรีเหมือนกันแท้ๆ หรือว่าโจวเสาจิ่นเป็นหยก แต่นางเป็นเพียงหญ้าต้นหนึ่งหรืออย่างไร

จี๋อิ๋งไม่พอใจยิ่งนัก ตัดสินใจว่าประเดี๋ยวตอนที่ได้เจอเฉิงฉือจะต้องถามเขาให้รู้เรื่อง

แต่ใครจะรู้ว่าโจวเสาจิ่นกลับกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้ายืนกรานว่าข้าเป็นคนตี พวกนางคงไม่อาจจับตัวข้าไปสอบสวนได้หรอกกระมัง นอกจากนี้ชุนหว่านก็ให้คนไปแจ้งหม่าฟู่ซานแล้ว ข้าเพียงต้องประจันหน้ากับพวกนางครู่หนึ่ง ก็หลุดจากเรื่องยุ่งยากนี้ได้แล้ว ถึงเวลานั้นความจริงจะเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญแล้ว…”

จี๋อิ๋งรู้สึกว่าคำพูดของโจวเสาจิ่นมีเหตุผลยิ่ง อดไม่ได้ที่จะตริตรองอยู่ในใจ

แม้แต่โจวเสาจิ่นยังคิดเรื่องนี้ได้ ไม่มีเหตุผลที่เฉิงฉือจะคิดไม่ได้

เป็นเพราะเขาอยากให้ตนอยู่เป็นแพะรับบาปให้โจวเสาจิ่น ช่วยลดความไม่พอใจของฮูหยินผู้เฒ่ากัวที่มีต่อโจวเสาจิ่น กล่าวคือ โจวเสาจิ่นสุภาพน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้ เรื่องทุบตีคนอะไรนั้นย่อมต้องเป็นความคิดของตนอยู่แล้ว ต่อให้โจวเสาจิ่นคิดจะขัดขวางตนอย่างไร ด้วยสภาพของโจวเสาจิ่นแล้ว จะขัดขวางตนได้หรือ

ถึงว่าไหวซานนั่งแอบมองตนอยู่บนต้นไม้แต่ไม่ส่งเสียงเลยสักคำ

ไม่แน่ว่าที่ช่วงนี้ตนได้พักอยู่ที่บ้านตลอดนั้นก็คงจะเป็นความตั้งใจของเฉิงฉือด้วยเช่นกัน เพราะกลัวว่าเวลาที่โจวเสาจิ่นต้องการให้นางช่วยเหลือแล้วจะหาตัวคนไม่เจอ…ยิ่งคิดจี๋อิ๋งก็ยิ่งรู้สึกว่าเฉิงฉือนั้นมีแต่แผนชั่วร้ายเต็มท้องไปหมด จึงอดไม่ได้ที่จะด่าเฉิงฉืออยู่ในใจไปอีกหนึ่งยก

รู้สึกว่าการที่โจวเสาจิ่นเทิดทูนเฉิงฉือนั้นช่างตาบอดเสียจริงๆ

รอให้ครบสัญญาสิบปี ตอนที่นางกลับมามีอิสระอีกครั้งนางจะต้องเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของเฉิงฉือต่อหน้าโจวเสาจิ่นให้จงได้…

โจวเสาจิ่นเห็นจี๋อิ๋งไม่ขยับ ก็ร้อนใจเป็นอย่างมาก เร่งให้นางรีบไปเสีย

แต่สุดท้ายก็ไม่ทันจนได้

เสียงอึงคะนึงของฝีเท้าดังอยู่ใกล้ๆ ปากโพรงหินแล้ว อู๋เป่าจางร้องขึ้นด้วยท่าทางหวาดกลัวว่า “ตรงนั้นเจ้าค่ะๆ!”

เฉิงสือคุณชายใหญ่ของจวนรองเดินนำเข้ามาก่อน จากนั้นเป็นเฉิงเจิ้งคุณชายใหญ่ของจวนสาม ตามมาด้วยเฉิงอวี่คุณชายรองของจวนรอง…เฉิงอี๋นายท่านใหญ่ของจวนรอง เฉิงหลูนายท่านใหญ่ของจวนสาม…เฉิงนั่วคุณชายใหญ่ของจวนห้า เฉิงจวี่ญาติสายรองของจวนห้า…ยังมีเฉิงเก้าและเฉิงอี้ของจวนสี่ด้วย…

โพรงหินขนาดเล็กพลันแน่นขนัดจนแม้แต่น้ำก็ยังไหลผ่านไม่ได้

อู๋เป่าจางและสาวใช้ถูกเบียดไปอยู่ตรงมุม จึงมองไม่เห็นเงาคน

แต่คนที่มองเฉิงสวี่ที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นนั้น เฉิงสืออ้าปากพะงาบๆ อย่างตกตะลึง เหลือบมองเฉิงเจิ้งที่อยู่ข้างหลังครั้งหนึ่ง เขากลับปิดปากแน่น

มือทั้งสองข้างของเฉิงเจิ้งกำอยู่ในแขนเสื้อ ไม่ได้เปล่งเสียงเอ่ยสิ่งใด

นายท่านใหญ่ทุกคนต่างมีสีหน้าดำดิ่งดุจน้ำ ไม่เอ่ยอะไรสักคำ

มีเพียงเฉิงนั่วกับเฉิงจวี่ที่เดินตามอยู่ด้านหลังของทุกคนเท่านั้นที่ไม่รู้กาลเทศะ คนหนึ่งเขย่งเท้าขึ้นพร้อมกับยื่นคอไปมองข้างหน้า ตะโกนขึ้นอย่างอยากรู้อยากเห็นว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น มิใช่บอกว่าพี่ชายสวี่ดื่มมากไปแล้วหรอกหรือ เหตุใดถึงวิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ แล้วเหตุใดน้องสาวรองไม่อยู่เป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่ากัวที่เรือนหานปี้ซาน มาอยู่ที่นี่ด้วยได้อย่างไร” ส่วนอีกคนหนึ่งสายตากลัดมันคู่นั้นราวกับติดหนึบอยู่บนร่างของโจวเสาจิ่น เออออกับคำพูดของเฉิงนั่วไปด้วย และกล่าวติดตลกไปด้วยว่า “พี่ชายสวี่ต้องเมามายจนไม่รู้เหนือรู้ใต้แล้วเป็นแน่ ก็เลยเดินเพ่นพ่านมาถึงที่นี่…เพียงแต่ไม่รู้ว่าน้องสาวรองกำลังจะไปที่ใด เหตุใดถึงมาเจอพี่ชายสวี่ได้ พี่ชายสวี่ในสถาพเช่นนี้ ไม่รู้ว่าได้ล่วงเกินน้องสาวรองหรือไม่ น้องสาวรองที่ประหนึ่งดอกไม้เช่นนี้ เกรงว่าคงจะตกใจแย่แล้วกระมัง…”

หากกล่าวต่อไปอีก ก็จะเป็นการกล่าวคาดเดาเหตุการณ์ของเรื่องนี้ล่วงหน้าแล้ว!

เฉิงหลูทั้งรู้สึกปวดใจและโกรธ

ตอนที่ 344 มาถึงอย่างพร้อมเพรียง 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน