เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 48

ยามดอกวสันต์ผลิบาน – ตอนที่ 48 เปิดเผย

พานซิง?!

โจวเสาจิ่งประหลาดใจ กล่าวขึ้นว่า “ข้าก็ไม่รู้อะไรเช่นกัน! นางมาแล้วหรือ”

เฉิงเจียเบ้ปากพลางชี้เข้าไปในห้อง

โจวเสาจิ่นนิ่งเงียบ

เกรงว่าพานชิงไม่ได้ตั้งใจจะมาเรียนหนังสือ แต่มาเพื่อไถ่ถามตนเองว่าได้ยินบทสนทนาระหว่างนางกับพานจ้าวหรือไม่เสียมากกว่ากระมัง

นางสูดลมหายใจเข้าลึก ยิ้มพลางเดินเข้าห้องศึกษาชิงอันไปพร้อมกับเฉิงเจีย

ข้างโต๊ะเขียนหนังสือของโจวเสาจิ่นมีโต๊ะเขียนหนังสือวางเพิ่มมาอีกหนึ่งโต๊ะ พานชิงสวมชุดเพ่ยจื่อดิ้นทองสีกุหลาบตัวหนึ่งกับเสื้อคลุมผ้าไหมหางโจวสีขาวเรียบๆ คอเสื้อตั้งตรงสำหรับใส่ในฤดูใบไม้ผลิ เส้นผมสีดำขลับเกล้าขึ้นเป็นมวยอย่างเรียบง่าย กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่หน้าโต๊ะเขียนหนังสือโต๊ะนั้นที่วางเพิ่มเข้ามาใหม่อย่างเงียบๆ

เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวเบาๆ นางจึงเงยหน้าขึ้นมา ยิ้มหวานทักทายโจวเสาจิ่นกับเฉิงเจีย ไข่มุกขนาดเท่าเม็ดบัวสองเม็ดแกว่งไปมาอยู่ข้างหู ภายใต้ความสง่างามนั้นเผยให้เห็นความมีชีวิตชีวาร่าเริง

เป็นหญิงสาวที่งดงามผู้หนึ่งอย่างแท้จริง

น่าเสียดายที่นางเป็นสาวงามหน้าอย่างใจอย่าง สวมหน้ากากเอาไว้อันหนึ่ง!

โจวเสาจิ่นทอดถอนใจอยู่ในใจ เดินเข้าไปทำความเคารพพานชิง

เฉิงเจียกลับนั่งที่ของตนเองโดยไม่ชำเลืองหรือหันไปมอง

ฉะนั้น ข้างซ้ายของโจวเสาจิ่นจึงเป็นเฉิงเจีย และข้างขวากลายมาเป็นพานชิง ส่วนนางนั้นนั่งอยู่ตรงกลาง

ตนเองมีชีวิตมาสองชาติภพ ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่กลายเป็นที่สนใจและสำคัญขึ้นมามากขนาดนี้

ขณะที่โจวเสาจิ่นนึกขำตนเองอยู่ในใจ เฉินต้าเหนียงก็เดินเข้ามาในห้อง

เมื่อมองเห็นพานชิง นางไม่แปลกใจเลย ยิ้มพลางกล่าวทักทายพานชิงสองสามประโยค จากนั้นก็เริ่มสอนหนังสือ

เห็นได้ชัดว่ามีคนมาแจ้งกับนางเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

ทั้งสามคนฟังเฉินต้าเหนียงสอน ‘วิถีแห่งความดีงามของสตรี’ ไปหนึ่งบท

รอจนถึงช่วงพักระกว่างกลาง พานชิงรินน้ำชาถ้วยหนึ่งให้เฉินต้าเหนียง และสนทนากับเฉิงต้าเหนียงเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆ หลังจากที่แยกจากกันขึ้นมา

วิชาต่อไปคือการเขียนพู่กัน

โจวเสาจิ่นกางกระดาษเซวียนจื่อ เตรียมจะฝึกเขียนอักษร

เฉิงเจียวิ่งมาหา แล้วกระซิบกระซาบถามนางว่า “เลิกเรียนแล้ว เจ้าไปรับมื้อเที่ยงที่เรือนของข้าดีหรือไม่ ข้าให้บ่าวย่างไก่ฟ้าตัวหนึ่งเอาไว้”

โจวเสาจิ่นรู้สึกหมดแรง กล่าวว่า “ข้าสัญญากับท่านยายไปแล้วว่าจะรับมื้อเที่ยงกับท่าน”

เฉิงเจียยังไม่เลิกตอแย กล่าวอีกว่า “หรือไม่เจ้าไปรับมือเย็นที่เรือนของข้าดีหรือไม่?”

“ข้าต้องไปคัดลอกพระธรรมที่เรือนหานปี้ซาน ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเวลาใด”

“เช่นนั้น ตอนที่เจ้ากลับมาก็ส่งสาวใช้มาเรียกข้าที่เรือน เดี๋ยวข้าจะไปเล่นกับเจ้า”

“ยามนั้นฟ้าคงเริ่มมืดแล้ว รอวันไหนที่ได้หยุดพักไม่ดีกว่าหรือ”

ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น พานชิงยิ้มพลางเดินเข้ามา กล่าวขึ้นว่า “คุยอะไรกันอยู่หรือ สนิทสนมกันยิ่งนัก ทำให้คนอิจฉาแล้วจริงๆ”

ในชาติที่แล้วนางกับพานชิงสนิทสนมกันยิ่งกว่าชาตินี้ ก็ไม่เห็นพานชิงจะอิจฉานางเลย!

ทันทีที่พานชิงเริ่มกล่าวขึ้นมา โจวเสาจิ่นก็เพิ่มความระแวดระวังในใจยิ่งขึ้น

“พวกเรากำลังปรึกษากันอยู่ว่าในวันหยุดจะไปเที่ยวเล่นที่ไหนกันดี” เฉิงเจียมองไปยังพานชิงด้วยสายตายั่วยุเล็กน้อย กล่าวขึ้นว่า “เสาจิ่นบอกว่า วันนั้นพวกเราจะไปพายเรือกันในสวนดอกไม้”

พานจื๋อรับราชการอยู่ทางตอนเหนือเสียเป็นส่วนใหญ่ พานชิงจึงเป็นลูกเป็ดบกที่ว่ายน้ำไม่เป็น

“อย่างนั้นหรือ?” พานชิงยิ้มพลางแสดงท่าทางสนใจเป็นอย่างมาก “ข้าไม่ค่อยมีโอกาสพายเรือสักเท่าใด แต่ถึงเวลานั้นข้าจะไปร่วมด้วยก็แล้วกัน”

เฉิงเจียทำแก้มป่อง อยากจะกล่าวปฏิเสธตรงๆ แต่ทว่าอยู่ๆ ก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ในทันใด กลอกตาไปมาสองสามครั้ง แล้วยิ้มกล่าวอย่างอ่อนหวานว่า “ดีเจ้าค่ะ! ถึงเวลานั้นจะไม่ลืมพี่ชิงเป็นอันขาด”

พานชิงยิ้มน้อยๆ ก้มหน้ามองสำรวจตัวอักษรที่โจวเสาจิ่นเขียน แล้วเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา กล่าวอย่างลังเลว่า “นี่ นี่คือตัวอักษรที่น้องเสาจิ่นเขียนหรือ”

ไม่รอให้โจวเสาจิ่นได้ตอบ เฉิงเจียก็ยืดอกกล่าวอย่างภูมิใจขึ้นว่า “แน่นอนว่าเป็นตัวอักษรที่เสาจิ่นเขียน! ไม่เช่นนั้นทำไมฮูหยินผู้เฒ่ากัวถึงวานเสาจิ่นให้ช่วยคัดลอกพระธรรมให้ล่ะ! ดังนั้นเสาจิ่นจึงไม่ค่อยว่างนักหรอก… เพราะต้องฝึกเขียนอักษร”

พานชิงเพียงแค่ขานเสียง “อืม” แล้วพินิจพิเคราะห์มองโจวเสาจิ่นครั้งหนึ่ง

เฉิงเจียกล่าวเจี๊ยวจ๊าวชมโจวเสาจิ่นอยู่ครู่หนึ่ง

ไม่นานนัก ก็ถึงเวลาฝึกเขียนอักษรแล้ว ภายในห้องศึกษาชิงอันจึงเงียบกริบลง

เฉินต้าเหนียงมองดูบนโต๊ะเขียนหนังสือของแต่ละคน และกล่าวชี้แนะไปคนละสองสามประโยค จากนั้นจึงไปห้องข้างห้องโถงเพื่ออ่านหนังสือและจิบชาโดยมีสาวใช้ไปเป็นเพื่อนด้วย

ภายในห้องศึกษาก็พลันเสียงดังคักคักขึ้นอีกครั้ง

เฉิงเจียถามโจวเสาจิ่นว่า “พี่ชายนำกิ่งดอกหลานกลับมาให้ข้าจากข้างนอกจำนวนหนึ่ง เจ้าอยากได้หรือไม่ หรือไม่ อีกประเดี๋ยวข้าให้บ่าวรับใช้นำไปส่งให้เจ้าสักสองสามกิ่ง ปลูกไว้ในกระถางใต้แสงแดดยามเช้า รอถึงวันตรุษจีนก็จะเบ่งบานพอดี”

พานชิงยิ้มพลางกล่าว “ข้าไม่รู้ว่าน้องเสาจิ่นชื่นชอบการเขียนพู่กัน ข้ามีแท่งหมึกของร้านเหวินเต๋ออยู่หลายแท่ง ประเดี๋ยวจะฝากบ่าวเอาไปให้น้องสาวสักสองสามแท่ง เอาไปลองใช้ดูว่าจะคุ้นมือหรือไม่”

โจวสาวจิ่นไม่กล่าวอะไร

แต่ความรู้สึกนี้ก็ไม่เลวเลยทีเดียว!

นางครุ่นคิด ตอบเฉิงเจียไปว่า “ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก เดี๋ยวข้าจะส่งชุนหว่านไปรับมาก็พอ” และตอบพานชิงอีกว่า “ขอบคุณท่านพี่ชิงเป็นอย่างยิ่งเจ้าค่ะ ข้ากำลังคร่ำเคร่งฝึกเขียนอักษรอยู่พอดี จะไม่เกรงใจท่านพี่ชิงแล้วนะเจ้าคะ”

ของจากทั้งสองฝ่ายก็รับมาแล้ว และก็ไม่ได้ทำให้ทั้งสองฝ่ายขุ่นเคืองใจ แต่จริงๆ แล้วก็มีความแตกต่างอยู่บ้างเล็กน้อย นั่นก็คือ นางพูดคุยกับเฉิงเจียอย่างเป็นกันเองมากกว่า

จากนั้นโจวเสาจิ่นวางพู่กันลงแล้วลุกขึ้นมา ยิ้มพลางกล่าว “ข้าต้องไปห้องสุขาสักหน่อย” นางไม่ได้ชวนผู้ใดไปด้วย เดินตรงออกไปจากห้องศึกษา

ตอนที่ 48 เปิดเผย 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน