เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 84

ยามดอกวสันต์ผลิบาน – ตอนที่ 84 ทำความรู้จัก
กงมามากระแอมไอเสียงหนึ่งขึ้นมาอีกครั้ง

อาจูพลันหมดความอดทนขึ้นมา กล่าวขึ้นว่า “เป็นเพราะข้าเกิดมาในจวนของเหลียงกั๋วกง จึงไม่สามารถผูกมิตรกับใครเลยอย่างนั้นหรือ”

กงมามารู้สึกลำบากใจ

โจวเสาจิ่นเข้าใจเรื่องราวได้ในทันใด

ไม่แปลกใจที่นางจะแสดงออกได้อย่างมั่นใจและใจกว้าง ที่แท้ก็เป็นคุณหนูใหญ่จากจวนของเหลียงกั๋วกงนี่เอง

หากว่านางจำไม่ผิด เหลียงกั๋วกงไม่มีอนุ มีเพียงบุตรชายหนึ่งคนและบุตรสาวหนึ่งคน ทั้งหมดล้วนเกิดจากภรรยาเอก บุตรชายน่าจะเป็นจูคุณ หรือจูเผิงจวี่ผู้นั้น ส่วนบุตรสาวก็น่าจะเป็นจูจูผู้นี้

โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “น้อยครั้งนักที่จะพบเห็นคนใช้แซ่มาตั้งเป็นชื่อด้วย”

อาจูหัวเราะร่า พลางกล่าว “เดิมทีข้าชื่อ จู ที่มาจากคำว่าเจินจูของไข่มุก ต่อมาข้าเห็นว่าชื่อนี้ไม่ค่อยดีนัก จึงเปลี่ยนเป็น จู ที่มาจากคำว่าจูหงของสีแดงเลือดหมู ซึ่งฟังแล้วไพเราะกว่า จู ที่มาจากคำว่าเจินจูใช่หรือไม่”

โจวเสาจิ่นพยักหน้า “ช่างมีเอกลักษณ์ยิ่งนัก”

“ข้าก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน!” อาจูกล่าวอย่างภาคภูมิใจ ไม่เอ่ยถึงเรื่องของการมาเป็นแขกที่จวนอีก ทำให้โจวเสาจิ่นถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกออกมาลมหายใจหนึ่ง

มีบ่าวรับใช้ผ่านมา พอเห็นพวกนางก็ร้อง ไอ้โหยว ออกมาเสียงหนึ่ง พลางกล่าว “คุณหนูสิบเจ็ด นายหญิงผู้เฒ่ากำลังตามหาพวกท่านอยู่เจ้าค่ะ!”

“หาพวกข้าหรือ” โจวเสาจิ่นชี้ที่หน้าอกของตนเอง

บ่าวรับใช้พยักหน้า กล่าวยิ้มๆ ว่า “นายหญิงผู้เฒ่ากล่าวว่า ทางด้านโน้นนางมีสามคนแล้วแต่ยังขาดอีกหนึ่ง จึงให้ข้าตามหาคุณหนูตระกูลโจวทั้งสองท่าน หรือไม่ก็ตามหาคุณหนูอาจู…”

ทั้งหมดต่างก็ตาเบิกโพรงอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง

คุณหนูสิบเจ็ดเอ่ยถามบ่าวรับใช้ผู้นั้นว่า “เป็นไพ่หม่าเตี้ยวหรือไพ่ไม้ไผ่หรือ”

บ่าวรับใช้ผู้นั้นเอ่ยตอบยิ้มๆ ว่า “ไพ่ไม้ไผ่เจ้าค่ะ”

คุณหนูสิบเจ็ดเอ่ยถามสองพี่น้องตระกูลโจวว่า “พวกเจ้าเล่นเป็นหรือไม่” จากนั้นก็กล่าวขึ้นว่า “ข้าเล่นไม่เป็น เมื่อก่อนล้วนเป็นพี่สิบหกของข้าที่เล่นเป็นเพื่อนนายหญิงผู้เฒ่า”

“ข้าก็ไม่ได้เหมือนกัน!” อาจูโพล่งขึ้นมา “ข้านั่งนิ่งๆ ไม่ได้…”

โจวเสาจิ่นนั้นเล่นไม่เป็น

จากความทรงจำของนางแล้ว พี่สาวเล่นเป็น

นางหวังให้พี่สาวสามารถคว้าโอกาสครั้งนี้ สร้างความประทับใจต่อนายหญิงผู้เฒ่าสักเล็กน้อย ต่อไปจะได้มีเรื่องให้พูดคุยกับคุณหนูสิบห้าของตระกูลกู้ผู้นั้นได้ง่ายในภายภาคหน้า

โจวเสาจิ่นหันมองไปที่พี่สาว

โจวชูจิ่นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กล่าวขึ้นว่า “ไอ้ครั้นจะว่าเล่นเป็นข้าก็พอจะเล่นได้ เพียงแต่ว่าเล่นได้ไม่ค่อยดีนัก…”

คุณหนูสิบเจ็ดและอาจูต่างก็ราวกับได้ปลดปล่อยภาระอันหนักอึ้งลง คุณหนูสิบเจ็ดถึงขั้นดึงมือโจวชูจิ่นเอาไว้แล้วออกเดิน “ไม่เป็นถึงจะดี…หากเล่นไม่เป็นเจ้าก็สามารถแพ้ได้…นายหญิงผู้เฒ่าของพวกข้านั้น เฮ้อ ฝีมือดียิ่งนัก…หากเจ้าเอาชนะนางได้ นางจะไม่พอใจ แต่หากเจ้าแสร้งทำเป็นยอมแพ้นาง แล้วเกิดถูกนางจับได้ขึ้นมา ก็ยังจะไม่พอใจอีก…เล่นไม่เป็น นับว่าพอดีเลย!”

โจวเสาจิ่นตกใจ ให้บ่าวรับใช้ผู้นั้นส่งคนไปแจ้งหยวนซื่อกับฮูหยินใหญ่เหมี่ยน จากนั้นถึงค่อยติดตามโจวชูจิ่นและคนอื่นๆ ไปหานายหญิงผู้เฒ่า

อาจูแอบอยู่ตรงประตูไม่ยอมเข้าไปด้านใน

นางกล่าวกับโจวเสาจิ่นและคุณหนูสิบเจ็ดว่า “ข้าจะรอพวกเจ้าอยู่ที่นี่…อีกสักพักพวกเราค่อยไปจับผีเสื้อในสวนดอกไม้ก็แล้วกัน”

โจวเสาจิ่นประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง

อาจูกล่าวอย่างขัดเขินขึ้นว่า “ทุกครั้งที่นายหญิงผู้เฒ่าเจอข้าก็มักจะให้ข้าเล่นไพ่เป็นเพื่อนนาง…”

ถึงแม้ว่าเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน โจวเสาจิ่นก็พอจะมองออกว่า อาจูเป็นคนที่มีลักษณะนิสัยกระฉับกระเฉิงผู้หนึ่ง ตามวัยของนางแล้ว ให้นางอยู่เล่นไพ่เป็นเพื่อนผู้อาวุโส ย่อมต้องรู้สึกทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน

โจวเสาจิ่นและพี่สาวหัวเราะขึ้นมาอย่างเข้าใจดี แล้วเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับคุณหนูสิบเจ็ด

โต๊ะสำรับไพ่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ตั้งนานแล้ว นายหญิงผู้เฒ่ากำลังนั่งพลิกไพ่เล่นอยู่คนเดียวที่หน้าโต๊ะไพ่ที่ปูเอาไว้ด้วยผ้าสักหลาดสีแดง เมื่อเห็นพวกนางเดินเข้ามา ก็ดีใจเป็นอย่างมาก เอ่ยกับฮูหยินที่สวมเสื้อกั๊กปี๋เจี่ยผ้าไหมหูโจวสีเทาและกระโปรงจีบสีขาวผู้หนึ่งที่อยู่ข้างกายว่า “เจ้าไปได้ ตอนนี้ข้ามีคนมาอยู่เป็นเพื่อนแล้ว…” จากนั้นหันไปยิ้มตาหยีให้โจวเสาจิ่นพลางกวักมือเรียก “หลานรอง มานั่งข้างๆ ข้าตรงนี้”

โจวเสาจิ่นรีบกล่าว “นายหญิงผู้เฒ่า ข้าเล่นไพ่ไม่เป็นเจ้าค่ะ! พี่สาวของข้าจะเล่นเป็นเพื่อนท่านนะเจ้าคะ!”

“เช่นนั้นหรือ!” นายหญิงผู้เฒ่าค่อนข้างจะผิดหวังอยู่เล็กน้อย แต่ไม่นานก็ยินดีขึ้นมาอีกครั้ง แล้วให้ฮูหยินผู้นั้นกับโจวชูจิ่น “พวกเจ้าทุกคนก็นั่งลงเถอะ พวกเราอาศัยตอนที่พวกนางกำลังฟังคำสอนอยู่นี้เล่นอีกสักสองสามตา เดี๋ยวพอการแสดงจบลง พวกเจ้าทั้งหมดต่างก็ต้องกลับไปกันแล้ว”

ทั้งสองคนต่างก็ยิ้มพลางขานรับว่า “เจ้าค่ะ” จากกนั้นก็นั่งลง

มีสาวใช้อีกผู้หนึ่งยกม้านั่งเข้าให้มาให้โจวเสาจิ่นกับคุณหนูสิบเจ็ด

ส่วนผู้เล่นไพ่อีกคนหนึ่งเป็นสาวใช้ผู้หนึ่ง ดูแล้วอายุน่าจะประมาณยี่สิบกว่าปีแล้ว คุณหนูสิบเจ็ดลอบกระซิบบอกนางว่า “นี่คือสาวใช้ข้างกายของท่านย่าทวดของข้า”

โจวเสาจิ่นก็คาดเดาเอาไว้เช่นนั้น ไม่อย่างนั้นก็คงไม่อาจมานั่งเล่นไพ่เป็นเพื่อนนายหญิงผู้เฒ่าได้

เหมียวมามานั่งอยู่ด้านหลังของนายหญิงผู้เฒ่าช่วยนายหญิงผู้เฒ่าดูไพ่

คุณหนูสิบเจ็ดชี้ไปที่ฮูหยินผู้นั้นและกระซิบข้างหูของโจวเสาจิ่นว่า “…คือท่านอาของข้า อาวุโสเป็นลำดับที่สิบสาม หลังจากที่ท่านอาเขยเสียชีวิต ท่านย่าทวดของข้าก็รับท่านอาสิบสามกลับมา พวกเราพี่น้องล้วนเรียนหนังสือกับนาง”

เป็นเลี่ยวจางอิงอีกผู้หนึ่ง

โจวเสาจิ่นถอนหายใจอยู่ในใจอย่างอดไม่ได้

ทันใดนั้นนายหญิงผู้เฒ่าที่กำลังเล่นไพ่อยู่ก็กล่าวกับโจวชูจิ่นขึ้นมาว่า “คุณชายสี่เพิ่งจะมาเมื่อสักครู่นี้เอง พวกเจ้ารู้เรื่องหรือไม่”

โจวเสาจิ่นรู้ได้ในทันทีว่าคนที่นายหญิงผู้เฒ่ากล่าวถึงนั้นคือเฉิงฉือ ส่วนโจวชูจิ่นนั้นผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้เข้าใจ จึงยิ้มพลางกล่าวว่า “พวกข้าดูคุณหนูสิบหกปักปิ่นอยู่ด้านหน้า จึงไม่ทราบว่าท่านน้าฉือเข้ามาแล้ว เขามาด้วยเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ”

นายหญิงผู้เฒ่าได้ยินแล้วก็ยิ้มจนตาหยี พลางกล่าว “เขาได้ยินคำพูดเพ้อเจ้อของข้า แล้วก็คิดเอาใจใส่ ช่วยหาคู่สมรสหลังความตายให้เหนียงที่สิบเก้าของพวกข้า…”

ท่านน้าฉือ…แนะนำคู่สมรสหลังความตายให้ผู้อื่น…

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน