ยั่วรักทนายคนโหด นิยาย บท 298

ตอนที่298แม้ว่าแกตายไปเธอก็ไม่กลับมาหรอก

ในอีกทางหนึ่งเมืองเจซึ่งเต็มไปด้วยแสงสีเสียงทุกคนอยู่ในความมัวเมาและหลงใหลเหมือนเมื่อห้าปีก่อนชายผู้นั้นมีเปลือกนอกชนชั้นสูงแต่ภายใต้หน้ากากเขาซ่อนเร้นความหว้าเหว่ไว้ไม่ให้ใครเห็นภายนอกของผู้หญิงเหล่านั้นถูกฉาบด้วยความไร้เดียงสาแต่หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานความปรารถนาในเงินทองและความเห็นแก่ตัว

ในเวลาเที่ยงคืนถนนในเมืองไม่เงียบยังคงคึกครื้นหมือนในตอนกลางวันทั้งเมืองเหมือนถูกปกคลุมด้วยเสื้อคลุมที่อบอุ่น

วันนี้สำหรับเตชิตเป็นวันที่พิเศษกว่าทุกวันวันเดียวกันเมื่อห้าปีก่อนรถที่คุมตัวนัชชาเกิดอุบัติเหตุทุกครั้งในช่วงเวลานี้เขาจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้เขาจะฉุนเฉียวและอารมณ์ร้ายเป็นพิเศษเขาไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้นนอกจากอยากอยู่คนเดียว

เขาเมามากในคืนนี้รถขับมาถึงประตูวิลล่าแต่ถูกรถแลนด์โรเวอร์สีดำสกัดไว้ข้างหน้า

รถเบรกกะทันหันจนเกือบชนกับรถคันนั้นปรัณรีบลงจากรถเดินเข้ามาอย่างโมโหแล้วดึงประตูที่นั่งคนขับเขาได้กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งเต็มไปหมดทันใดนั้นไฟแห่งความโกรธก็พุ่งปรี๊ดขึ้นหัวเขากระชากคอเสื้อของเตชิตออกมาจากที่นั่งคนขับ"เมาแล้วยังขับรถอีกบ้าไปแล้วเหรอ?!"

เตชิตก้าวถอยหลังผงะไปชั่วครู่ร่างสูงพิงกับรถเสียงที่ถูกแทรกซึมไปด้วยแอลกอฮอล์เต็มไปด้วยความเย็นชา"หลบไป"

"ทุกครั้งในช่วงเวลานี้แกเมาไม่ได้สติมันคุ้มค่ากันแล้วหรือเมื่อปีที่แล้วดื่มเหล้าจนเลือดออกในกระเพาะเพิ่งจะหายดีตอนนี้กลับมาเมาแบบนี้อีกยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกไหม!?"ปรัณโมโหมากจริงๆเขารู้ว่าเมื่อถึงช่วงเวลานี้เขาจะเป็นแบบนี้ตลอดจึงรีบมาห้ามไว้ก่อน

แต่ไม่คาดคิดว่าเขาเมามายขนาดนี้แล้วยังขับรถกลับมาเองอีกไม่รู้ว่าเขายังอยากไม่อยากมีชีวิตต่อ!

เมื่อเผชิญกับความโมโหของชายตรงหน้าสีหน้าของเตชิตเปลี่ยนไปเล็กน้อยเพียงแค่พูดซ้ำอีกครั้งว่า"หลบไปซะ"

ปัง!

กำปั้นแห่งความผิดหวังและโทสะแหวกลมชกลงบนหน้าของเตชิตอย่างจังปรัณจำไม่ได้ว่าเขาต่อยเตชิตครั้งสุดท้ายเมื่อไรแต่ตอนนี้เขาไม่สามารถอดกลั้นได้แล้วจริงๆ

เห็นเขาเศร้าหดหู่เสียใจปรัณช่วยดูแลปลอบใจเขาแต่ดูเหมือนทุกอย่างล้วนไร้ประโยชน์ทั้งสิ้นอย่างอื่นเขายังพอทนได้แต่สิ่งที่เขาทดไม่ได้คือเตชิตกำลังทำลายร่างกายของเขาเอง

เตชิตโดนหมัดของปรัณเข้าไปที่แก้มซ้ายเขาชกอย่างสุดแรงแต่แหมือนว่าเขาไม่สะทกสะท้านอะไรเลยไม่ตอบโต้ไม่ห้ามปรามโดนต่อยอยู่อย่างนั้น

ปรัณต่อยเขาสองครั้งก็ไม่อยากลงมืออีกลากร่างของเขาพิงกับรั้วไม้ข้างทาง"เตชิตแกได้สติสักทีสินัชชาตายไปแล้วไม่ว่าแกทำยังไงเธอก็ไม่มีวันฟื้นคืนชีพได้หรอกแกเข้าใจไหม!?"

เสียงคำรามเพราะความโกรธที่ใจแตกสะลายหายไปในอากาศ

ในช่วงห้าปีที่ผ่านมานัชชาหายตัวไปแม้ว่าจะไม่พบศพของเธอแต่ผลตรวจสอบของตำรวจก็คือรถที่คุมตัวเธอน้ำมันรั่วและระเบิดเกิดความเสียหายอย่างรุนแรงแม้กระทั่งรถยังมีสภาพยับเหยินขนาดนี้ไม่ต้องพูดถึงมนุษย์ธรรมดาอาจเป็นไปได้ที่จะถูกเผาจนไม่มีชิ้นดีเวลาผ่านไปนานขนาดนี้แล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะยังมีชีวิตอยู่

แต่เขาไม่เคยฟังไม่เคยเชื่ออะไรก็ตามหากสัมผัสกับคำว่าตายเขาจะไม่สามารถควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองได้นัชชาเปรียบเสมือนสวิตช์ปิดเปิดชีวิตเขาเธอเปรียบเสมือนตัวควบคุมทุกอย่างเกี่ยวกับเขา

ห้าปีผ่านไปแล้วมันน่าจะพอได้แล้วจะทรมานเขานานขนาดไหน?

ว่าแล้วเมื่อได้ยินปรัณพูดแบบนั้นร่างกายไม่ตอบสนองของเตชิตแววตาของเขาแดงชุ่มเอื้อมมือผลักปรัณออก"เธอยังไม่ตาย!"

"ถ้าเธอยังไม่ตายทำไมไม่มีสิ่งใดที่แสดงว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ถ้าเธอยังไม่ตายทำไมในช่วงห้าปีที่ผ่านมาไม่มีข่าวคร่าวอะไรเกี่ยวกับเธอเลยสักนิดถ้าเธอยังไม่ตายทำไมเธอไม่มาหาแกแกจะหลอกตัวเองไปถึงเมื่อไรถึงจะรู้สึกตัวสักที?"ปรัณตะโกนจนเส้นเลือดขึ้นหลังจากนัชชาเกิดอุบัติเหตุทุกคนใส่ใจกับความรู้สึกของเขาไม่มีใครกล้าพูดเรื่องนี้อย่างชัดเจนแต่ตอนนี้ไม่พูดไม่ได้ถ้าเขายังไม่สามารถออกมาจากจุดนั้นได้เวลาผ่านไปนานมากแล้วไม่สามารถเยียวยาให้เขาลืมเธอได้แต่กลับกลายเป็นแผลที่ฝังลึกไปในหัวใจของเขา

ลมหนาวในยามค่ำพัดมากระทบใจอันหว้าเหว่ของคนเศร้าโศกเยือกเย็นจนเข้าถึงกระดูก

ชายผู้นั้นผยุงตัวยืนพิงรั้วไม้แววตาของเขาหดหู่เป็นสีเทาเหมือนจักรพรรดิที่พ่ายแพ้สูญเสียเมืองเหมือนนักโทษที่ถูกจองจำ"เธอแค่ผิดหวังในตัวฉันก็เลยไม่อยากกลับมาหาฉันเท่านั่น"

เขาเต็มใจเชื่อว่านัชชาไม่รักเขาแล้วดีกว่าที่จะยอมรับความจริงที่ว่าเธอตายไปแล้ว

ปรัณพูดอะไรไม่ออกความเป็นห่วงของเขาไม่มีผลดีอะไรเลยความโกรธจางหายเหลือเพียงความสิ้นหวังและความกดดันจนหายใจไม่ออก

เขาปล่อยมือจากเชายที่อยู่ตรงหน้าทิ้งตัวลงบนสนามหญ้าเขาหายใจหอบจนหน้าอกกระเพื่อมเสื้อผ้าที่สะอาดของเขาเปื้อนไปด้วยคราบสกปรกของดินคอของเขาถูกอากาศบาดจนเจ็บ"ห้าปีแล้วเตชิตแกควรเรียนรู้การปล่อยวางได้แล้วนัชชาตายไปเธอควรจะมีที่ที่เธอสามารถจะหลับใหลได้อย่างเป็นสุขเมื่อสัปดาห์ก่อนจินต์ให้หลินจินหาสุสานให้คุณพ่อคุณแม่ของนัชชาก็ลองไปดูที่แล้วเพื่อนสนิทของเราก็ไปมาแล้วตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่เธอหวังว่าแกจะพาเธอกลับบ้านแต่ก็ไม่สมหวังตอนนี้หากแกคิดถึงเธอจริงๆก็ลองไปเยี่ยมเธอที่สุสาน"

ร่างกายของเตชิตแข็งทื่อในปีที่ผ่านมาเมทนีและณัชชนม์ไม่ยอมให้ทำป้ายหลุมศพของนัชชาเพราะยังไม่อยากเชื่อว่าลูกสาวของพวกเขาได้จากไปแล้วแต่ตอนนี้พวกเขาเห็นด้วยที่จะทำหลุมศพให้นัชชา...

เหมือนฟางเส้นสุดท้ายขาดความเชื่อมั่นและความศรัทราโดดปลิวไปกับสายลมเหลือแต่เพียงความเป็นจริงที่แห้งเหี่ยวมันช่างน่าตลกและไร้สาระสิ้นดี

ราวกับว่ามีคนกระซิบที่หูของเขาดูสิขนาดพ่อแม่ของนัชชายังยอมรับสภาพความเป็นจริงแล้วแล้วทำไมถึงต้องโกหกตัวเองต่อด้วย?

ปรัณทิ้งประโยคนี้ไว้ให้เตชิตแล้วก็จากไปเขารู้ว่าเตชิตฟังเข้าหูแล้วแต่เขาจะคิดพิจารณาอย่างไรเขาไม่สามารถควบคุมได้อยู่ที่ว่าเขาจะได้สติเมื่อไรเท่านั้น

เขานั่งอย่างสิ้นหวังอยู่บนพื้นหญ้าในที่ไกลออกไปมียามรักษาความปลอดภัยเดินผ่านมาไฟฉายส่องไปทั่วร่างของเขาตอนแรกยามคิดว่าเป็นพนักงานที่ขี้เกียจหาเวลาอู้งานจึงเดินเข้ามาเมื่อเห็นว่าเป็นเตชิตจึงขอโทษแล้วทำความเคารพเดินจากไป

ยามหันหลังมองกลับไปมาอยู่สองสามรอบด้วยความงงงวยมองเห็นแผ่นหลังห่อๆนั้นและไหล่สั่นเทาขากางเกงชุดสูทเปรอะไปด้วยทรายลมหนาวตอนเที่ยงคืนพัดมาหว้าเหว่และเศร้าสร้อย

ดึกปานนี้แล้วชายที่ฐานะไม่ธรรมดาคนนั่นทำอะไรอยู่คนเดียวบนพื้นหญ้า?

ยามส่ายหัวคงจะเป็นเพราะคนรวยก็มีปัญหาของคนรวยล่ะมั้ง

ไม่รู้ว่านั่งนานแค่ไหนนานจนมีแสงสีขาวกระจ่างบนฟากฟ้านานจนกลิ่นเหล้าที่ตัวเขาจางหายนึกถึงสุสานนึกถึงคำพูดของปรัณหัวใจของเขาเหมือนมีก้อนหินหนักพันชั่งมาทับไว้

ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถปลุกคนที่แกล้งหลับให้ตื่นได้ตอนนี้เขาเปรียบเหมือนคนที่แกล้งหลับไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไรคนที่พูดไม่ว่าจะเป็นคนแปลกหน้าหรือพ่อแม่ของเขาก็ไม่เชื่อว่านัชชาตายไปแล้วจริงๆ

เหมือนมีพลังอันลึกลับทำให้เขายังคงยืนหยัดในความคิดนั้นอยู่

เขาเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ส่วนตัวออกมาจากในกระเป๋ามองดูโทรศัพท์ในมือยังเหลือแบตเพียง5%เขาโทรหาเลขาฯ"จองตั๋วไปลอนดอนให้ฉันที่หนึ่ง"

เพิ่งจะตีสี่ตีห้าเลขาฯยังรู้สึกงงๆรับโทรศัพท์"ท่านประธานเตชิตช่วงนี้ท่านไม่มีกำหนดการไปลอนดอนนี่ครับ..."

"เป็นกำหนดการส่วนตัว"เสียงแหบพร้าของเขาตัดบทแววตาลึกยากแท้หยั่งถึง"ฉันต้องการเที่ยวบินที่เร็วที่สุดฉันต้องการไปทันที"

ความคิดเขาล่องลอยเห็นฝูงชนมากมายในลอนดอนเสียงระฆังของหอนาฬิกาบิกเบนทะลุผ่านเมฆนกพิราบสีขาวบนฝั่งแม่น้ำเทมส์

เขาต้องการปล่องวางตัวเองต้องการเวลาในการรักษาบาดแผลภายในใจถ้าเขาไม่สามารถสงบใจได้ก็เลือกที่จะอยู่ในอ้อมกอดของฝูงชน

เขาคาดการณ์ไว้ทุกอย่างแต่เขาไม่คาดการณ์ว่าการเดินทางครั้งนี้จะเปลี่ยนวิถีชีวิตในอนาคตของเขาโดยสิ้นเชิง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยั่วรักทนายคนโหด