ตอนที่35 เตชิตถูกตรวจสอบ
พอพูดถึงนี่ เธอตั้งใจหยุด แล้วมองหน้าน้ำฝน ถ้าเกิดจำไม่ผิด น้ำฝนเป็นเสมียนของเตนัท เคยแสดงออกว่าปลื้มนภันต์อยู่ แต่ไม่รู้ว่าปลื้มมากน้อยแค่ไหน
น้ำฝนได้ยินก็รีบมองไปทางห้องทำงานของนภันต์ แต่เสียดายที่ม่านปิด มองเห็นข้างในไม่ค่อยชัด
แต่เธอกลับพูดเหมือนมองเห็น พูดด้วยน้ำเสียงร้ายๆ “นัชชา ฉันได้ยินมาจากลูกน้องของเวทิดานานแล้วว่าเธอใช้เส้นสายในการเข้ามาทำงานที่นี่และมีความสัมพันธ์ลับๆกับคนที่ตำแหน่งสูงๆอีกด้วย ตอนนี้ยังมาใกล้ชิดกับทนายนภันต์อีก ทำเกินไปแล้ว....................”
ปวิมลพูดขึ้นพร้อมสะบัดผม “ใครจะรู้ล่ะ ฉันแค่พูดผ่านๆ ไปเถอะ เราไปทำงานของเรา”
…………………………
แต่บรรยากาศในห้องไม่เหมือนที่คิดกันไว้
นภันต์โยนเอกสารลงบนโต๊ะ “ใครให้เธอไปให้คำสัญญากับแขกไว้”
นัชชางง “ห้ะ สัญญาอะไรคะ”
นภันต์เอามือยันโต๊ะแล้วเอียงตัวมาเล็กน้อย “ลืมแล้วหรอ”
นัชชากลืนน้ำลายลงคอ แล้วย้อนคิดถึงคำพูดของตัวเอง ‘คดีครั้งนี้ชนะไม่ยาก พวกเราจะเรียกร้องสิทธิให้คุณเอง’
แล้วมันแปลกตรงไหน ก็ปกติดี และเธอเพียงแค่อยากจะพูดปลอบโยนคุณนิพิฑ
เธอเงยหน้าพูด “ฉันไม่รู้สึกว่ามันผิดตรงไหนเลย”
“ไม่รู้สึก” นภันต์แสยะยิ้ม เสียงเบามาก มากจนคนไม่รู้สึก “คุณมีหลักฐานมั้ย มั่นใจที่จะชนะคดีได้แน่ๆมั้ย คุณไม่มีแม้แต่ เอกสารที่ต้องใช้ในศาลแล้วคุณพูดแบบนั้นออกไปได้ยังไง”
“ฉันแค่คิดว่ามันเป็นหน้าที่ของทนายที่ต้องมีความรับผิดชอบนี้............”
“คุณคิดว่าหรอ” นภันต์ตบโต๊ะเสียงดัง “โรงเรียนไม่ได้สอนเธอหรอว่าทำงานกฎหมายต้องรับผิดชอบคำพูดทุกคำที่พูดออกไป ถ้าคดีนี้เราไม่ชนะ คำพูดนี้ไม่ได้ช่วยเขาแต่เป็นการทำร้ายคุณนิพิฑ แล้วยังจะพูดคำว่าหน้าที่ นี่เป็นหน้าที่ของเธอหรอ”
นัชชางงที่ทำไมเขาต้องโกรธมากมายอะไรขนาดนั้น “มันก็แค่คำพูดคำเดียว คุณทนายถ้าคุณมีอคติในตัวฉันก็ไม่จำเป็นต้องเอางานมาอ้างหรอกค่ะ”
พอได้ยิน นภันต์มองเธอแรงกว่าเดิม “หาเรื่องคุณหรอ คุณคิดว่าคุณเป็นใคร”
นัชชาโกรธ
“มันก็แค่คำพูดคำเดียว” เขาตั้งใจเน้นเสียง “ถ้าคุณมีความคิดแบบนี้ คุณก็ไม่เหมาะที่จะมาทำงานด้านกฎหมาย”
นัชชากำมือแน้น อยากจะตอบโต้นภันต์มาก ตั้งแต่เข้าห้องมาเธอไม่คิดว่าเธอจะพูดหรือทำอะไรผิด
ตอนนี้กลับพูดอะไรไม่ออก
“บอกว่าฉันไม่แยกแยะ” นภันต์ลุกจากที่นั่ง “ดูเหมือนว่าหลังจากที่คุณนัชชาเรียนจบ ความรู้ สมองก็ยังเก็บอยู่ในโรงเรียน”
เขาโยนเอกสารของนัชชา “ใส่หัวออกไป ฉันไม่ร่วมงานกับคนแบบนี้”
...............................................
นัชชาไม่รู้ว่าตัวเองเดินมาถึงห้องทำงานได้ยังไง สติเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แก๋เห็นสภาพของเธอเลยดึงเธอออกมาข้างนอก “นัชชา เธอเป็นอะไร ทำไมสติล่องลอย”
นัชชาส่ายหน้า “ไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นอะไรแน่นะ”
ปณิตาอึ้ง ก้มมองมือตัวเองเห็นว่ามันแดงแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“พวกมันสองคนรู้จักกันได้ยังไงแกสืบได้มั้ย”
“ขอโทษครับคุณดวิษ เรื่องนี้พวกผมไม่สามารถเข้าถึงได้”
“โอเค ฉันรู้แล้ว เดี๋ยวจะติดต่อกลับไปอีกที” ดวิษกดวางสาย แล้วลุกขึ้นนั่งอย่างเต็มตัว สายตาโกรธแค้น
ปณิตาเห็นก็กลัว “ดวิษ คุณเป็นอะไร......................”
“ห่า” เขาทุบเตียง “นัชชาสวมเขาให้กูจริงๆด้วย”
ปณิตาคิดไม่ถึงว่าเขาจะโกรธ แต่ก็ทำเหมือนไม่มีอะไรแล้วไปประคองหลังเขาไว้ “ดวิษ ฉันเคยบอกแล้วว่านัชชาไม่ได้เป็นผู้หญิงดีขนาดนั้น เธออาจจะนอกใจตั้งแต่แรกแล้ว คุณไม่ต้องอารมณ์เสีย เดี๋ยวเสียสุขภาพเปล่าๆ พูดไปแล้วพวกคุณก็กำลังจะหย่ากันแล้ว คุณไม่ต้องไปสนใจ”
ดวิษแสยะยิ้มร้ายๆ “เธอทำให้ฉันอยู่ไม่เป็นสุข ยังอยากจะไปอย่างสบายๆแล้วเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นหรอ ถ้ามันเป็นอย่างนั้น กูจะไม่ชื่อดวิษอีก”
ปณิตางงว่าจะหย่ากันแล้วทำไมเขาต้องโกรธอะไรขนาดนี้ นึกถึงชื่อของคนที่เขาพูดถึงเมื่อกี้ “เตชิต เป็นใครหรอ”
ดวิษเหลมองเธอ “เจ้าของบริษัทเตนัทลอว์เฟิร์ม แม้แต่พ่อฉันที่ใหญ่โตขนาดนี้ยังเข้าไม่ถึงเลย”
ปณิตาตกใจกลัว ถึงไม่จะไม่เข้าใจโลกของกฎหมาย แต่เท่าที่ฟังจากดวิษแม้แต่ทยาวีร์ยังไม่สามารถเข้าถึงได้ ต้องเป็นคนที่ใหญ่โตมากๆแน่ๆ
แต่มันเป็นธรรมดาที่คนมีอำนาจใหญ่โตคงจะเป็นคนที่มีอายุมาก นัชชากล้าเอาตัวเองเข้าไปยุ่งด้วย
ปณิตาเข้าใกล้กว่าเดิม “ดวิษคุณไม่ต้องคิดมาก อย่าไปสนใจหมาสองตัวนั้นเลย รักษาตัวให้หายก่อน เป็นเรื่องสำคัญของตอนนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยั่วรักทนายคนโหด
แจ้งความแม่มเลยค่ะ ลักพาตัว ทำร้ายร่างกาย งงนะ พระเอกนางเอกไม่มีใครด่าเลยว่าทำไมพาเด็กมาโดยไม่ขอก่อน...